JJNY : พิชัยหนุนอัดฉีด แต่ต้องใช้ถูกทาง/สับสาวโพสต์แค่เศษเงินอวดได้5พัน/โควิดกระทบแรงงาน4ใน5ทั่วโลก/ทั่วโลกติดโควิด1.4ล.

'พิชัย'หนุนอัดฉีด1.9ล้านล.สู้โควิดแต่ต้องใช้ถูกทาง จี้แบงค์ชาติกดบาทอ่อนช่วยส่งออก
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2128446
 
 
 
‘พิชัย’หนุนอัดฉีด 1.9 ล้านล้านสู้โควิดแต่ต้องใช้ถูกทาง จี้แบงค์ชาติช่วยผ่านแบงค์พาณิชย์ ทำบาทอ่อนลง แนะรบ.คงกิจกรรมศก. 40-50%
 
วันที่ 8 เมษายน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า โดยหลักการแล้วเห็นด้วยกับรัฐบาลในการออกมาตรการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ชุดที่ 3 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เพราะปัญหาทางเศรษฐกิจจะรุนแรงมากทั้งระหว่างวิกฤตการณ์และภายหลังวิกฤตการณ์และหากจำเป็นก็อาจจะต้องใช้เงินมากกว่านี้ ซึ่งในประเทศต่างๆก็ได้เริ่มดำเนินการกันแล้วโดยมีการใช้เงินประมาณ 10-15% ของจีดีพี ทั้งนี้ยังต้องดูรายละเอียดว่าจะมีการช่วยเหลือในลักษณะใดบ้าง และจะได้ผลหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงการคลังที่จะมีการกู้เงินมาใช้ถึง 1 ล้านล้านบาท โดยอยากเห็นการใช้เงินจำนวนมหาศาลดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกทาง ไม่ได้ใช้อย่างสะเปะสะปะเหมือนในอดีต และต้องเกิดประโยชน์ในระยะยาวตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พูดไว้เอง และอยากให้ช่วยผู้มีรายได้น้อยที่ลำบากที่สุดก่อนแล้วไล่ขึ้นมา อีกทั้งอาจจะต้องเผื่อเงินไว้หากสถานการณ์ยาวนานกว่านั้น โดยการขยายการช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท จาก 3 เดือนเป็น 6 เดือนถือว่าถูกต้องแล้ว และอาจจะต้องนานกว่านั้นด้วย
 
นายพิชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ดี ตามที่รัฐบาลคาดว่าจะมีผู้มาขอรับการช่วยเหลือ 3 ล้านคน แต่กลับมีประชาชนขอรับการช่วยเหลือสมัครเข้ามาถึง 24 ล้านคน ทำให้รัฐบาลต้องขยายเป็น 9 ล้านคน แถมยังข่มขู่ว่าจะดำเนินคดี พรบ. คอมพิวเตอร์ กับผู้กรอกข้อมูลไม่ตรง เป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำ เพราะในภาวะเช่นนี้ประชาชนเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก ย่อมอยากได้ความช่วยเหลือจากรัฐบาลซึ่งไม่ใช่ความผิด และในเมื่อรัฐจะใช้เงินจำนวนมหาศาลก็อยากให้พิจารณาว่าประชาชนที่เดือดร้อนมากก็ควรได้รับการช่วยเหลือทั้งหมด ไม่ว่าจำนวนจะเท่าไหร่ก็ตาม หากเข้าเกณฑ์ที่จะต้องช่วยเหลือโดยอย่ากำหนดที่จำนวน แต่กำหนดตามเกณฑ์ที่เหมาะสมที่ควรได้รับ ทั้งนี้ในอดีตรัฐบาลยังแจกเงินให้คนไปเที่ยว และให้คนไปช้อปปิ้งแบบสะเปะสะปะได้เลย
 
ในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น การออกซอฟท์โลน 500,000 ล้านบาท เพื่อช่วยธุรกิจ SMEs เป็นแนวทางที่ถูกต้อง และเป็นไปตามที่ตนได้เคยเสนอไว้แล้วแต่แรก โดยอยากให้มีการต่อรองในการรักษาระดับการจ้างงานเพื่อไม่ให้คนตกงานเหมือนในหลายประเทศได้ดำเนินการแล้ว และรัฐบาลอาจจะสนับสนุนเพิ่มในส่วนนี้ด้วย อีกทั้งอยากให้ ธปท. ได้ส่งเสริมให้ทุกธนาคารทำตามแบบอย่างของ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสินที่มีการหยุดดอกเบี้ยและหยุดเงินต้นเป็นเวลา 3 เดือนเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบภาวะวิกฤติในข่วงนี้
 
อย่างไรก็ดีในส่วนของ ธปท. ที่จะจัดตั้งกองทุนขึ้นมาดูแลตลาดตราสารหนี้เอกชนวงเงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อให้ธปท.สามารถเข้าไปซื้อตราสารหนี้เอกชนที่มีเครดิตเรทติ้งไม่น้อยกว่า investment grade ขึ้นไปนั้น อยากให้ ธปท. ฟังความเห็นของ ดร. วีรพงษ์ รามางกูร อดีต รองนายกฯ อดีต รมว. คลัง และ อดีต ประธาน ธปท. ที่ให้ความเห็นว่า ธปท. ควรดำเนินการผ่านธนาคารพาณิชย์จะเหมาะสมกว่า ทั้งนี้ เพราะการดำเนินการดังกล่าวอาจจะผิดกฎข้อบังคับของ ธปท. เองได้ อีกทั้ง ธปท. ไม่ควรไปเข้าไปทำหน้าที่แทนธนาคารพาณิชย์ จะมาอ้างเหมือนกับธนาคารกลางของสหรัฐดำเนินการก็อาจจะไม่ถูกนัก เพราะสถานะของประเทศต่างกัน นอกจากนี้ยังอยากให้ ธปท. รักษาอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับต่ำ ถ้าเป็นไปได้ควรอยู่ต่ำกว่า 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนธุรกิจส่งออกของไทยให้ฟื้นกลับมาได้บ้าง
 
นายพิชัย กล่าวอีกว่า ในปัจจุบัน กิจกรรมทางธุรกิจดูเหมือนจะหยุดชะงักทั้งหมด ซึ่งจะเป็นปัญหาในอนาคตอันไกล้ได้ ทั้งนี้เพราะห่วงว่าอีกไม่นานนัก ประชาชนจำนวนมากจะกังวลว่าจะอดตายมากกว่าจะติดโวรัสโควิด-19ตาย เพราะหากวงจรธุรกิจหยุดชะงักแล้ว การจะฟื้นเศรษฐกิจจะทำได้ยากมาก ประชาชนจำนวนมากจะไม่มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว โดยคาดกันว่าอาจจะมีคนตกงานกันถึงกว่า 5 ล้านตน ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้พิจารณาสนับสนุนให้สามารถทำกิจกรรมทางธุรกิจได้อย่างน้อย 40-50% โดยหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ไปในตัวด้วย โดยไม่ปิดกิจกรรมทางธุรกิจทั้งหมด โดยจะต้องมีการเว้นระยะห่างที่เหมาะสม แต่ธุรกิจยังคงสามารถดำเนินไปได้บ้าง ในบางสาขาธุรกิจ โดยอยากให้ มีการพัฒนาระบบออนไลน์ของราชการให้สมบูรณ์เต็มที่ เพื่อที่สามารถทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้โดยไม่ต้องไปเองที่หน่วยราชการ ถือเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาระบบราชการในภาวะวิกฤตนี้ไปด้วย นอกจากนี้การพัฒนาธุรกิจ delivery ตามที่ได้แนะนำแต่แรก ผู้ประกอบอาชีพอิสระ มอเตอร์ไซต์รับจ้าง คนขับแท็กซี่ แม้กระทั่ง นักศึกษาจบใหม่ น่าจะหันมาทำเรื่องนี้ในช่วงเวลานี้ เพราะหากสถานการณ์ลากออกไป ยังสามารถหารายได้ประคองชีวิตได้ เป็นต้น
 
ในภาวะวิกฤตนี้ ต้องยินดีที่รัฐบาลได้เริ่มการใช้นโยบายการเงินของ ธปท. ร่วมกับนโยบายการคลังของ กระทรวงการคลังเพื่อนำมาแก้ปัญหาพร้อมกันเหมือนที่ตนได้แนะนำแต่แรก แต่ยังไม่เห็นรายละเอียดการช่วยเหลือของกระทรวงการคลัง โดยหวังว่าจะมีการช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันรัฐบาลน่าจะถือโอกาวนี้ปรับปรุงระบบราชการให้ทันสมัยเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตไปในตัว ทั้งนี้รวมถึงประชาชนเองก็จะต้องคิดในกรอบใหม่เพื่อเอาตัวรอดในวิกฤตการณ์นี้ให้ได้ โดยเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ และหลังจากวิกฤตการณ์แล้วประเทศไทยจะพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก
 

 
รุมสับสาวโพสต์'ก็แค่เศษเงิน' อวดได้5พัน-ไลฟ์สไสตล์สุดหรู!
https://www.dailynews.co.th/regional/767700
  
โซเชียลเดือด! สาวโพสต์อวดได้เงินเยียวยา 5 พันบาท ลั่นบอกแค่เศษเงิน หลังตู้เย็น! ทำชาวเน็ตสุดทนรุมแฉ พบไลฟ์สไตล์ชีวิตดี๊ดีย์ ใช้ของแบรนด์ไม่เว้นวัน!
  
 กลายเป็นกระแสวิจารณ์อย่างร้อนแรงอยู่ในโลกออนไลน์อยู่นขณะนี้ สำหรับกรณีรัฐบาลเปิดมาตรการเยียวยาลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ นอกระบบประกันสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) จะได้รับเงินสนับสนุนรายละ 5,000 บาทต่อเดือน ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
  
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ผู้สื่อข่าว "เดลินิวส์ออนไลน์" รายงานว่า ในโลกออนไลน์ต่างเกิดกระแสแชร์วิจารณ์ ภายหลังจากที่ได้มีการโอนเงินเยียวยาให้ผู้ที่ลงทะเบียนวันแรก กลับพบว่าในโลกออนไลน์ มีหญิงสาวรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความ ภายหลังจากที่ได้รับเงิน 5 พันบาทว่า 
 
"5 พันเข้าบัญชีแล้วค่ะ ก็แค่เศษเงินหลังตู้เย็นเหอะ!" 
  
โดยภายหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวแพร่หลายออกไป ต่างเกิดกระแสวิจารณ์อย่างร้อนแรงในโลกออนไลน์ โดยชาวเน็ตต่างเข้าไปสำรวจในเฟซบุ๊กของเธอ พบว่ามักจะโพสต์ภาพไลฟ์สไตล์ชอปปิ้งของแบรนด์เนม ทานอาหารหรูและท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่เสมอ ซึ่งชาวโซเชียลส่วนใหญ่ต่างระบุว่ารับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยมองว่าเงินจำนวนดังกล่าว ควรจะเป็นผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ เท่านั้นที่ควรได้รับ พร้อมสอบถามไปถึงมาตรการการคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการเยียวยา และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบด่วน
  
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เกิดกระแสวิจารณ์อย่างรุนแรงในโลกออนไลน์ ที่ต่างเข้าไปคอมเมนต์วิจารณ์อย่างรุนแรงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอนั้น ทำให้ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊กคนดังกล่าวได้ลบโพสต์ออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีชาวเน็ตสามารถแคปเจอร์เอาไว้
ได้...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่