การเอาตัวเองลุกขึ้นจากเตียงในตอนเช้าเพื่อมาทำงานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งในช่วงที่ทำงานแบบ Work from Home ไม่ต้องเดินทางไปที่ออฟฟิศ บรรยากาศชวนให้รู้สึกเหมือนวันหยุดที่จะได้นอนตื่นสาย ๆ ทำให้รู้สึกไม่กระตือรือร้นที่จะทำอะไร ถ้าใครเป็นแบบนี้ก็คงจะไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ เพราะอาจจะส่งผลกับการทำงานหรือการใช้ชีวิตในวันนั้นไปตลอดทั้งวันได้ วันนี้ JobThai Tips เลยนำเทคนิคที่จะช่วยให้เริ่มต้นวันด้วยความสดใสมากฝากทุกคนกัน
เปิดไฟให้สว่างทันทีที่ตื่นนอน
นาฬิกาชีวิตของร่างกายคนเราสามารถปรับจูนได้ตามปริมาณของแสงสว่าง เพราะฉะนั้นทันทีที่ตื่นนอนเราควรเปิดไฟในห้องให้สว่าง เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายของเรารู้สึกว่าเป็นเวลาที่ควรจะต้องลุกจากเตียงแล้ว พยายามตื่นให้ตรงกับเวลาที่เราไปทำงานปกติร่างกายจะได้ไม่ต้องปรับตัวมาก
ออกกำลังกายเรียกเหงื่อยามเช้า
การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการออกกำลังกายในตอนเช้ามีข้อดีมากมายอยู่แล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือจะช่วยให้เราสลัดความง่วงให้หายไป หัวใจของเราถูกกระตุ้น และสมองปลอดโปร่ง พร้อมปลุกให้เรากระฉับกระเฉงเพื่อเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดชื่น และการออกกำลังกายเป็นประจำยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย
อย่าพลาดอาหารเช้าเด็ดขาด
ถ้าไม่กินมื้อเช้าจะทำให้ระบบการเผาผลาญสูญเสียความสมดุล ไม่ได้รับพลังงานอย่างที่ควรจะเป็น และยังจะทำให้เราอ้วนง่ายขึ้น นอกจากนั้นระดับน้ำตาลในเลือดก็จะลดลง ซึ่งทำให้พลังและความกระตือรือร้นของเราลดลงตามไปด้วย อย่าลืมกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และกินผักผลไม้เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงขึ้นด้วย
หาเพลงหรือ Podcast ดี ๆ ฟัง
การหาอะไรฟังในตอนเช้าจะช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัวมากขึ้น ลองหาเพลงหรือ Podcast ที่น่าสนใจฟังดู แล้วอาจจะเพิ่มระดับเสียงและเร่งจังหวะซักนิดก็ได้
เริ่มต้นการทำงานด้วยงานที่ต้องใช้ความคิดมาก ๆ ก่อน
งานชิ้นแรก ๆ ที่ทำในตอนเช้าควรเป็นงานที่ทำให้เราต้องใช้ความคิด หรืองานที่ต้องสร้างสรรค์ เพราะจะช่วยให้สมองของเราจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ กระตุ้นสมองและทำให้เราอยากทำงานมากขึ้น ถ้าเราเริ่มต้นการทำงานของวันด้วยงานที่น่าเบื่อ มันก็จะทำให้เราเบื่อหน่าย เฉื่อยชา ไม่หายง่วงนอนสักที
จัดการเวลาเข้านอนให้ดี
ทำงานที่บ้าน ไม่ได้หมายความว่าเราพักร้อน จะนอนตอนไหนก็ได้ ดังนั้นไม่มีวิธีไหนที่จะแก้ปัญหาอาการง่วงนอนและความรู้สึกไม่สดชื่นแจ่มใสในตอนเช้าได้ตรงจุดเท่าการจัดการกับการนอนของเราอีกแล้ว เราจึงควรจัดเวลาเข้านอนของตัวเองให้มากพอที่เราจะพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ นอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม พยายามนอนให้พอในทุก ๆ วันจนติดเป็นนิสัย
บรรยากาศการทำงานที่บ้านของทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง มาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะคะ
แชร์เทคนิคเริ่มต้นวันรับการทำงานที่บ้าน (Work from Home)
นาฬิกาชีวิตของร่างกายคนเราสามารถปรับจูนได้ตามปริมาณของแสงสว่าง เพราะฉะนั้นทันทีที่ตื่นนอนเราควรเปิดไฟในห้องให้สว่าง เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายของเรารู้สึกว่าเป็นเวลาที่ควรจะต้องลุกจากเตียงแล้ว พยายามตื่นให้ตรงกับเวลาที่เราไปทำงานปกติร่างกายจะได้ไม่ต้องปรับตัวมาก
ออกกำลังกายเรียกเหงื่อยามเช้า
การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการออกกำลังกายในตอนเช้ามีข้อดีมากมายอยู่แล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือจะช่วยให้เราสลัดความง่วงให้หายไป หัวใจของเราถูกกระตุ้น และสมองปลอดโปร่ง พร้อมปลุกให้เรากระฉับกระเฉงเพื่อเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดชื่น และการออกกำลังกายเป็นประจำยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย
อย่าพลาดอาหารเช้าเด็ดขาด
ถ้าไม่กินมื้อเช้าจะทำให้ระบบการเผาผลาญสูญเสียความสมดุล ไม่ได้รับพลังงานอย่างที่ควรจะเป็น และยังจะทำให้เราอ้วนง่ายขึ้น นอกจากนั้นระดับน้ำตาลในเลือดก็จะลดลง ซึ่งทำให้พลังและความกระตือรือร้นของเราลดลงตามไปด้วย อย่าลืมกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และกินผักผลไม้เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงขึ้นด้วย
หาเพลงหรือ Podcast ดี ๆ ฟัง
การหาอะไรฟังในตอนเช้าจะช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัวมากขึ้น ลองหาเพลงหรือ Podcast ที่น่าสนใจฟังดู แล้วอาจจะเพิ่มระดับเสียงและเร่งจังหวะซักนิดก็ได้
เริ่มต้นการทำงานด้วยงานที่ต้องใช้ความคิดมาก ๆ ก่อน
งานชิ้นแรก ๆ ที่ทำในตอนเช้าควรเป็นงานที่ทำให้เราต้องใช้ความคิด หรืองานที่ต้องสร้างสรรค์ เพราะจะช่วยให้สมองของเราจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ กระตุ้นสมองและทำให้เราอยากทำงานมากขึ้น ถ้าเราเริ่มต้นการทำงานของวันด้วยงานที่น่าเบื่อ มันก็จะทำให้เราเบื่อหน่าย เฉื่อยชา ไม่หายง่วงนอนสักที
จัดการเวลาเข้านอนให้ดี
ทำงานที่บ้าน ไม่ได้หมายความว่าเราพักร้อน จะนอนตอนไหนก็ได้ ดังนั้นไม่มีวิธีไหนที่จะแก้ปัญหาอาการง่วงนอนและความรู้สึกไม่สดชื่นแจ่มใสในตอนเช้าได้ตรงจุดเท่าการจัดการกับการนอนของเราอีกแล้ว เราจึงควรจัดเวลาเข้านอนของตัวเองให้มากพอที่เราจะพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ นอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม พยายามนอนให้พอในทุก ๆ วันจนติดเป็นนิสัย
บรรยากาศการทำงานที่บ้านของทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง มาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะคะ