พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
แล้วในฌาน เป็นนักปราชญ์ ยินดีแล้วในธรรมเป็นที่เข้าไป
ทำเครื่องผูกให้มั่น ส่วนผู้ใดยินดีแล้วในฌานเป็นที่สงบ
อย่าถูกไฟเผาคร่ำครวญว่านี้ทุกข์
ฌานไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน
ฌานและปัญญามีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นประกอบแล้ว ว่าเป็นพราหมณ์
เรากล่าวบุคคลผู้เพ่งฌาน
พราหมณ์ผู้เพ่งฌานย่อมรุ่งเรือง ส่วนพระพุทธเจ้าย่อมรุ่งเรือง
ซูบผอม สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น ผู้เดียวเพ่ง (ฌาน)
ผู้ข้ามแล้ว ถึงฝั่ง เพ่ง (ฌาน) ไม่หวั่นไหว ไม่มีความเยี่ยม
ส่วนภิกษุใดมีสติ มีปัญญาเครื่องรักษาตน
มีฌานยินดีแล้วในความหลีกเร้น
ประกอบจิตของตนไว้ในสมถะในภายในเนืองๆ
มีฌานจิตของตนไว้ในสมถะในภายในเนืองๆ
มีฌานไม่เสื่อม ประกอบด้วยวิปัสสนา
มีฌาน ไม่มีความเพ่งเล็งในกามทั้งหลาย
ย่อมเห็นจงเป็นผู้ยินดีในฌาน มีจิตตั้งมั่นแล้วในกาลทุกเมื่อ
มีเพียร มีปัญญาเป็นเครื่องรักษาตน มีปรกติได้ฌาน
ตัด(รูปฌาน) เป็นที่สลัดออกซึ่งกามทั้งหลาย ๑
อรูปฌานเป็นที่สลัดออกซึ่งรูปทั้งหลาย ๑
บุคคลไม่ละการหลีกเร้นและฌาน
มีปรกติประพฤติธรรม
ความประมาทแลหรือ ย่อมไม่ทรงละทิ้งฌานแลหรือ ฯ
พระองค์เป็นผู้ตรัสรู้แล้ว ย่อมไม่ทรงละทิ้งฌาน ฯ
เป็นมุนี ทรงฌานอยู่ในป่า เราเข้าไปเฝ้าพระโคดม
ผู้ดุจศีลและวัตร มีจิตตั้งมั่น ยินดีในฌาน มีสติ หลุดพ้นจากเวท
ยินดีในฌาน มีสติ บรรลุธรรมเครื่องตรัสรู้ดี
เป็นที่สงสาร โมหะเสียได้ เป็นผู้ข้ามถึงฝั่ง เพ่งฌาน ไม่หวั่น
หวนระลึกถึงการบรรลุอรูปฌานของตน เป็นผู้เสียใจถึงน้ำตา
ขวนขวายในฌาน เป็นนักปราชญ์ ยินดีแล้วในป่า พึงทำจิต
ให้ยินดียิ่ง เพ่งฌานอยู่ที่โคนต้นไม้ ครั้นเมื่อล่วงราตรีไป
นักปราชญ์ทั้งหลายผู้เพ่งฌาน ผู้สละกามแล้ว
แต่นั้นพึงนั้น ก็ไม่พึงสะดุ้งดิ้นรน พึงเป็นผู้เพ่งฌาน ไม่พึงโลเล
ทอดลงและไม่พึงโลเลด้วยเท้า พึงเป็นผู้ขวนขวายในฌาน
อนึ่ง เมื่อพราหมณ์พาวรีคิดอยู่อย่างนี้ ใจก็ไม่ยินดีในฌาน ฯ
โลกทั้งปวง เป็นผู้เพ่งฌาณ มีปัญญาทรงจำ อันวาสนา
ข้าพระองค์มีความต้องการปัญหา จึงมาเฝ้าพระองค์ผู้เพ่งฌาน๙ ชนิด
อันจำแนกอินทรีย์ ฌานและวิโมกข์ มีมรรคมีองค์ ๘
ฌานไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน
ทำเครื่องผูกให้มั่น ส่วนผู้ใดยินดีแล้วในฌานเป็นที่สงบ
อย่าถูกไฟเผาคร่ำครวญว่านี้ทุกข์
พราหมณ์ผู้เพ่งฌานย่อมรุ่งเรือง ส่วนพระพุทธเจ้าย่อมรุ่งเรือง
ซูบผอม สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น ผู้เดียวเพ่ง (ฌาน)
ผู้ข้ามแล้ว ถึงฝั่ง เพ่ง (ฌาน) ไม่หวั่นไหว ไม่มีความเยี่ยม
มีฌาน ไม่มีความเพ่งเล็งในกามทั้งหลาย
บุคคลไม่ละการหลีกเร้นและฌาน
ความประมาทแลหรือ ย่อมไม่ทรงละทิ้งฌานแลหรือ ฯ
เป็นมุนี ทรงฌานอยู่ในป่า เราเข้าไปเฝ้าพระโคดม
หวนระลึกถึงการบรรลุอรูปฌานของตน เป็นผู้เสียใจถึงน้ำตา
ขวนขวายในฌาน เป็นนักปราชญ์ ยินดีแล้วในป่า พึงทำจิต
ให้ยินดียิ่ง เพ่งฌานอยู่ที่โคนต้นไม้ ครั้นเมื่อล่วงราตรีไป
นักปราชญ์ทั้งหลายผู้เพ่งฌาน ผู้สละกามแล้ว
ทอดลงและไม่พึงโลเลด้วยเท้า พึงเป็นผู้ขวนขวายในฌาน
อนึ่ง เมื่อพราหมณ์พาวรีคิดอยู่อย่างนี้ ใจก็ไม่ยินดีในฌาน ฯ
โลกทั้งปวง เป็นผู้เพ่งฌาณ มีปัญญาทรงจำ อันวาสนา