WORK โชว์แตะเกณฑ์ซิลลิ่งใหม่! แต่สงสัยทำไมราคาหุ้นพุ่งแรงทั้งๆที่สถานการณ์ไวรัสและเศรษฐกิจยังย่ำแย่ เรื่องนี้มีสาเหตุ หลักๆคือการรายงานเม็ดเงินโฆษณา 2 เดือนแรกปี 63 ออกมาโต 1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แม้จะเป็นช่วงที่ไวรัสระบาด แต่ทีวีกลับเป็นสื่อเดียวที่เม็ดเงินโฆษณายังโต ด้านกูรูยังยืนกรานว่าเม็ดเงินโฆษณาปีนี้จะติดลบ และผลประกอบการอาจขาดทุนเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ!
WORK ซิลลิ่งในสถานการณ์แบบนี้...ความคิดแรกๆของนักลงทุนก็คงจะมองว่าเป็นแรงเก็งกำไรหลังจากราคาหุ้นลดลงแรง แต่ความจริงแล้วเหตุการณ์นี้ก็มีเหตุผลรองรับอยู่เหมือนกัน!
*** เม็ดเงินโฆษณา 2 เดือนแรกปีนี้โต 1%- "ทีวี" เป็นสื่อเดียวที่โฆษณายังเติบโต!
เมื่อ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา "บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จำกัด" รายงานมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาภายในช่วง 2 เดือนแรกของปี 63(ม.ค.-ก.พ.63)เติบโต 1% มาที่ 17,865 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่ 17,666 ล้านบาท
หากแยกเป็นรายสื่อจะพบว่าเม็ดเงินโฆษณาของ "สื่อทีวี" เป็นสื่อประเภทเดียวที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น(WORKอยู่ในหมวดสื่อทีวีดิจิทัล) โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10,398 ล้านบาท +4.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 9,940 ล้านบาท , ขณะที่สื่ออินเตอร์เน็ตมีมูลค่าอยู่ที่ 3,006 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน , ส่วนสื่อกลางแจ้งและสื่อเคลื่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 2,025 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2,027 ล้านบาท
โดยบริษัทสื่อที่ใช้งบโฆษณาสูงสุดในเดือน ม.ค. - ก.พ. 63 ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับ WORK ดังนี้
1."บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด" มูลค่า 643 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 52% : WORK ฉายโฆษณาผลิตภัณฑ์ในส่วนนี้อยู่
2."บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด" ของ RS มูลค่า 465 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 3% อย่างไรก็ดีตั้งแต่เดือนต.ค.62 RS-WORK ร่วมมือกันนำสินค้าไลฟ์สตาร์มาออกอากาศทางช่อง Workpoint การทุ่มงบโฆษณาของ RS จึงทำให้ WORK ได้ประโยชน์ไปด้วย
3.บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด(มหาชน) มูลค่า 351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%
*** แต่กูรูคาดเม็ดเงินโฆษณาทั้งปีจะติดลบประมาณ 4 - 10%
จากข้อมูลของทั้งนักวิเคราะห์และสมาคมสื่อมองว่าปี 63 ถือเป็นอีกปีที่ยากลำบาก สำหรับอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา ซึ่งผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 ที่ลุกลามในวงกว้างกว่าที่คาดไว้ จนเม็ดเงินโฆษณาทั้งปี 63 อาจติดลบ 4 - 10%
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า หลังจากการประกาศ COVID-19 กลายเป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลก(Pandemic) ได้กระทบต่อกำลังซื้อลดลง ดังนั้นจะทำให้ผู้ประกอบการระมัดระวังในการใช้งบโฆษณามากขึ้น ในส่วนการจัดงานอีเว้นท์และกิจกรรมทางการตลาดถูกเลื่อน และยกเลิกจัดงานไปกว่า 90% เบื้องต้นประเมินว่า ตลาดผู้จัดอีเว้นท์น่าจะได้รับผลกระทบในไตรมาสแรก มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท
ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาในปีนี้เราคาดติดลบราว 10% จากเดิมที่คาดติดลบ 1 - 2% และเราประเมินแย่กว่าที่ สมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) คาดที่ -4%
สื่อโฆษณากลุ่มเดียวที่เราคาดว่ายังเห็นเติบโต คาดว่าจะเป็น สื่อออนไลน์ ที่คาดว่าจะได้ผลกระทบน้อยกว่าสื่ออื่น และกลุ่มทีวีดิจิทัลได้ผลบวกจากมาตรการเยียวยาเต็มปี จากค่าตัดจำหน่ายที่ลดลง และไม่ต้องจ่ายค่าเช่าโครงข่าย
*** ทั้งปียังขาดทุน เหตุเงินโฆษณาติดลบ-คอนเสิร์ตจ๋อย-ยอดขายสินค้าวูบ
บล.เคจีไอ ระบุว่า เมื่อพิจารณาปัจจัยภายในของ WORK ทั้งเม็ดเงินโฆษณาชะลอตัว, ยอดขายธุรกิจโฮมชอปปิ้งลดลง, และรายได้คอนเสิร์ต ละครเวที กิจกรรมทางการตลาดที่ลดลง รวมถึงเรทติ้งในเดือนม.ค.-ก.พ.63 ที่ลดลงเหลือ 0.64 จากปี 61 - 62 ที่ 0.81 และ 0.70 ตามลำดับ
ทำให้ต้องปรับลดประมาณการผลประกอบการปี 63 - 64 ลงมาเป็นขาดทุนสุทธิ 13 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 174 ล้านบาทตามลำดับ จากการปรับสมติฐานดังนี้ 1.ปรับลดรายได้ทีวีปี 63 - 64 ลดลง 29% และ 23% ตามลำดับ 2.ปรับลดรายได้คอนเสิร์ต-ละครเวทีลง 71% และ 40% ตามลำดับ และ3.ปรับลดยอดขายสินค้าโฮมชอปปิ้งลง 78% - 80%
พร้อมปรับราคาเป้าหมายลงมาเป็น 6.1 บาท(เดิม 28.75 บาท) และแนะนำ "ขาย" (จากเดิม"ถือ")
ไม่น่าสนใจ...คำเดียวง่ายๆสำหรับหุ้น WORK เพราะหากจะหวังปาฏิหาริย์เม็ดเงินโฆษณาทีวีโตแรง เพราะผู้บริโภคกักตัวนั่งดูทีวีอยู่บ้านคงเป็นไปได้ยาก ส่วนธุรกิจคอนเสิร์ต-ละครเวที ก็คงหมดหวัง ดังนั้นจึงมีเพียงธุรกิจโฮมชอปปิ้งเท่านั้นที่มีโอกาสไปรอดสูง แต่ก็มีสัดส่วนรายได้น้อยมาก ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามโบรกฯคาด ปีนี้จะเป็นปีแรกที่ขาดทุนสุทธินับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นด้วย!
**หุ้นเด่นวันนี้** WORK วิกฤติโควิด-19 ยังไม่นิ่ง...ซิลลิ่งได้ไง?
WORK ซิลลิ่งในสถานการณ์แบบนี้...ความคิดแรกๆของนักลงทุนก็คงจะมองว่าเป็นแรงเก็งกำไรหลังจากราคาหุ้นลดลงแรง แต่ความจริงแล้วเหตุการณ์นี้ก็มีเหตุผลรองรับอยู่เหมือนกัน!
*** เม็ดเงินโฆษณา 2 เดือนแรกปีนี้โต 1%- "ทีวี" เป็นสื่อเดียวที่โฆษณายังเติบโต!
เมื่อ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา "บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จำกัด" รายงานมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาภายในช่วง 2 เดือนแรกของปี 63(ม.ค.-ก.พ.63)เติบโต 1% มาที่ 17,865 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่ 17,666 ล้านบาท
หากแยกเป็นรายสื่อจะพบว่าเม็ดเงินโฆษณาของ "สื่อทีวี" เป็นสื่อประเภทเดียวที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น(WORKอยู่ในหมวดสื่อทีวีดิจิทัล) โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10,398 ล้านบาท +4.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 9,940 ล้านบาท , ขณะที่สื่ออินเตอร์เน็ตมีมูลค่าอยู่ที่ 3,006 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน , ส่วนสื่อกลางแจ้งและสื่อเคลื่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 2,025 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2,027 ล้านบาท
โดยบริษัทสื่อที่ใช้งบโฆษณาสูงสุดในเดือน ม.ค. - ก.พ. 63 ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับ WORK ดังนี้
1."บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด" มูลค่า 643 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 52% : WORK ฉายโฆษณาผลิตภัณฑ์ในส่วนนี้อยู่
2."บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด" ของ RS มูลค่า 465 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 3% อย่างไรก็ดีตั้งแต่เดือนต.ค.62 RS-WORK ร่วมมือกันนำสินค้าไลฟ์สตาร์มาออกอากาศทางช่อง Workpoint การทุ่มงบโฆษณาของ RS จึงทำให้ WORK ได้ประโยชน์ไปด้วย
3.บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด(มหาชน) มูลค่า 351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%
*** แต่กูรูคาดเม็ดเงินโฆษณาทั้งปีจะติดลบประมาณ 4 - 10%
จากข้อมูลของทั้งนักวิเคราะห์และสมาคมสื่อมองว่าปี 63 ถือเป็นอีกปีที่ยากลำบาก สำหรับอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา ซึ่งผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 ที่ลุกลามในวงกว้างกว่าที่คาดไว้ จนเม็ดเงินโฆษณาทั้งปี 63 อาจติดลบ 4 - 10%
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า หลังจากการประกาศ COVID-19 กลายเป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลก(Pandemic) ได้กระทบต่อกำลังซื้อลดลง ดังนั้นจะทำให้ผู้ประกอบการระมัดระวังในการใช้งบโฆษณามากขึ้น ในส่วนการจัดงานอีเว้นท์และกิจกรรมทางการตลาดถูกเลื่อน และยกเลิกจัดงานไปกว่า 90% เบื้องต้นประเมินว่า ตลาดผู้จัดอีเว้นท์น่าจะได้รับผลกระทบในไตรมาสแรก มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท
ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาในปีนี้เราคาดติดลบราว 10% จากเดิมที่คาดติดลบ 1 - 2% และเราประเมินแย่กว่าที่ สมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) คาดที่ -4%
สื่อโฆษณากลุ่มเดียวที่เราคาดว่ายังเห็นเติบโต คาดว่าจะเป็น สื่อออนไลน์ ที่คาดว่าจะได้ผลกระทบน้อยกว่าสื่ออื่น และกลุ่มทีวีดิจิทัลได้ผลบวกจากมาตรการเยียวยาเต็มปี จากค่าตัดจำหน่ายที่ลดลง และไม่ต้องจ่ายค่าเช่าโครงข่าย
*** ทั้งปียังขาดทุน เหตุเงินโฆษณาติดลบ-คอนเสิร์ตจ๋อย-ยอดขายสินค้าวูบ
บล.เคจีไอ ระบุว่า เมื่อพิจารณาปัจจัยภายในของ WORK ทั้งเม็ดเงินโฆษณาชะลอตัว, ยอดขายธุรกิจโฮมชอปปิ้งลดลง, และรายได้คอนเสิร์ต ละครเวที กิจกรรมทางการตลาดที่ลดลง รวมถึงเรทติ้งในเดือนม.ค.-ก.พ.63 ที่ลดลงเหลือ 0.64 จากปี 61 - 62 ที่ 0.81 และ 0.70 ตามลำดับ
ทำให้ต้องปรับลดประมาณการผลประกอบการปี 63 - 64 ลงมาเป็นขาดทุนสุทธิ 13 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 174 ล้านบาทตามลำดับ จากการปรับสมติฐานดังนี้ 1.ปรับลดรายได้ทีวีปี 63 - 64 ลดลง 29% และ 23% ตามลำดับ 2.ปรับลดรายได้คอนเสิร์ต-ละครเวทีลง 71% และ 40% ตามลำดับ และ3.ปรับลดยอดขายสินค้าโฮมชอปปิ้งลง 78% - 80%
พร้อมปรับราคาเป้าหมายลงมาเป็น 6.1 บาท(เดิม 28.75 บาท) และแนะนำ "ขาย" (จากเดิม"ถือ")
ไม่น่าสนใจ...คำเดียวง่ายๆสำหรับหุ้น WORK เพราะหากจะหวังปาฏิหาริย์เม็ดเงินโฆษณาทีวีโตแรง เพราะผู้บริโภคกักตัวนั่งดูทีวีอยู่บ้านคงเป็นไปได้ยาก ส่วนธุรกิจคอนเสิร์ต-ละครเวที ก็คงหมดหวัง ดังนั้นจึงมีเพียงธุรกิจโฮมชอปปิ้งเท่านั้นที่มีโอกาสไปรอดสูง แต่ก็มีสัดส่วนรายได้น้อยมาก ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามโบรกฯคาด ปีนี้จะเป็นปีแรกที่ขาดทุนสุทธินับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นด้วย!