ผลงานบิ๊กสื่อสาหัส “ช่อง3-ช่องวัน31-เวิร์คพอยท์” กำไรลด โมโน29 ขาดทุนหนัก!

เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย 
https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1114963

KEY POINTS
เศรษฐกิจไทยเร่งเครื่องไม่ขึ้น สร้างผลกระทบต่อธุรกิจ กำลังซื้อในวงกว้าง 
อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาเม็ดเงินโตต่ำ 2.6% 
ธุรกิจสื่อเผชิญความท้าทายไม่จบไม่สิ้น ผลประกอบการปี 2566 บรรดาบิ๊กทีวีดิจิทัล ช่อง3 ช่องวัน31 เวิร์คพอยท์กอดคอกัน "กำไรลด"
งบโฆษณาทีวีโตต่ำเป็นประวัติการณ์
โมโน29 สาหัส ขาดทุนกระอัก! จนต้องปรับโครงสร้าง ลดขนาดองค์กรเพื่ออยู่รอด  
 
"เม็ดเงินโฆษณาแสนล้านบาท” เป็นภาพรวมที่ “นีลเส็น” ตลอดจน สมาคมมีเดียเอเยนซี และธุรกิจสื่อโฆษณาแห่งประเทศไทย(MAAT) หยิบยกมารายงานซึ่งเป็นมูลค่าที่ยังไม่หักส่วนลดแก่ลูกค้า(Rate Card)
 
ปิดปี 2566 งบโฆษณาที่ MAAT แจกแจงมีมูลค่า 114,447 ล้านบาท เติบโตเพียง 2.6% เท่านั้น และสื่อดั้งเดิมที่ครองเม็ดเงินโฆษณาสูงสุดอย่าง “ทีวี” ด้วยมูลค่า 53,213 ล้านบาท“หดตัว” 2.5%

“ทีวีดิจิทัล” ประเภทธุรกิจที่เหลือในตลาด 15 ช่อง เป็นกิจการที่เหมือนขึ้นหลังเสือไปแล้ว ลงไม่ได้! เพราะลงทุนประมูลมหาศาล และระยะเวลาของใบอนุญาตประกอบกิจการหรือไลเซนส์เหลืออีก 6-7 ปีเท่านั้น แต่การ “หารายได้” ยังยากยิ่งนัก และเมื่อดูผลประกอบการของบรรดา “บิ๊กสื่อ” ยิ่งสะท้อนภาพดังกล่าว เพราะธุรกิจหลักหรือ Core Business แหล่งรายได้อย่างโฆษณาที่ต้องดึงเงินจากกระเป๋าลูกค้ายากเหลือเกิน ส่วนสื่อใหม่ทั้งดิจิทัล และสื่อที่ร้อนแรงอย่างสื่อโฆษณานอกบ้าน(OOH)ก็มีบทบาทแบ่งเค้กมากขึ้นด้วย
 
ช่อง 3 กำไรลดลง 65.4%
บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด(มหาชน)หรือช่อง 3 รายงานผลประกอบการปี 2566 บริษัททำรายได้ 4,652.9 ล้านบาท ลดลง 9% และมี “กำไรสุทธิ” 210 ล้านบาท ลดลง 65.4% หรือคิดเป็นมูลค่า 397 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้จากโฆษณาอยู่ที่ 3,963.2 ล้านบาท ลดลง 10.9% โดยปัจจุบัน “โฆษณา” ทำเงินให้บริษัทมากถึง 85.2% ส่วนรายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่นอยู่ที่ 689.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6%

สำหรับปัจจัยกระทบผลงานของบริษัท มีทั้งเศรษฐกิจไทยเผชิญสารพัด “ความเสี่ยง” ที่ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน เช่น เศรษฐกิจโลกถดถอย การส่งออก การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง “เงินเฟ้อสูง” ตลาดการเงินโลกผันผวน ทำให้ธนาคารกลางประเทศต่างๆ “เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย”

อีกทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์กระทบต้นทุนราคาพลังงาน ต้นทุนการเงิน เป็นต้น ขณะที่แรงหนุนเศรษฐกิจมีเพียง “ภาคการท่องเที่ยว” และ “การบริโภคของภาคเอกชน” เท่านั้น
ประเทศไทยยังมี “มรสุมการเมือง” ที่ไม่มีเสถียรภาพจากการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล "ทำให้การบริโภคและการลงทุนภาครัฐลดลงอย่างยาวนานในปี 2566” มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ผู้ประกอบการในประเทศจน “ชะลอการใช้จ่าย” เป็นต้น
 
ผลิตหนัง 2-3 เรื่อง ลุยน่านน้ำใหม่ทำเงิน
ช่อง 3 วางตัวเป็นยักษ์คอนเทนต์โปรวายเดอร์ ไม่แค่ “ช่องทีวีดิจิทัล” ดังนั้นการหารายได้จาก “น่านน้ำใหม่” จึงเป็นเชิงรุก ซึ่งปี 2566 บริษัทสร้างรายได้จากธุรกิจการจัดจำหน่ายละครไปต่างประเทศและธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม รายได้รวมกัน 669.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และมีสัดส่วน 14.4% ของรายได้รวมบริษัท ธุรกิจภาพยนตร์ เป็นอีกขุมทรัพย์ทำเงิน ซึ่งปีที่ผ่านมาช่อง 3 ผนึกพันธมิตรสร้าง “ธี่หยด” ทำเงินได้กว่า 400 ล้านบาท และยังขึ้นแท่นหนังไทยทำเงินสูงสุดในประวัติศาสตร์อันดับ 4 ด้วย

ในส่วนของธุรกิจการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ ซึ่งยังเน้นตลาดอาเซียน และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงการขยายสู่ 23 ประเทศในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา และอินเดีย การออกอากาศคู่ขนานกับไทย(Simulcast / Date on Broadcasting) การเสิร์ฟคอนเทนต์สู่แพลตฟอร์มออนไลน์สตรีมมิง(OTT) เช่น Netflix VIU Amazon Prime MediaCorp และ Netopia

ด้านธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม การร่วมมือกับเอไอเอส ธนาคารไทยพาณิชย์(เอสซีบี) และธนาคารกรุงเทพ เพื่อเพิ่มยอดสมาชิก 3Plus Premium ทั้งแบบรายเดือน 6 เดือน รายปี ราคาพิเศษ ทำให้บริษัทมียอดสมาชิกทะลุ 1 แสนรายแล้ว

ส่วนธุรกิจบีอีซี สตูดิโอ โปรเจคใหญ่ที่บริษัททุ่มเงินลงทุนมหาศาล มีการประกาศขยายตลาดไปต่างประเทศเมื่อปลายปี 2566 ในงาน “แกะกล่องไทยบันเทิง” ที่จัดโดยยักษ์ใหญ่ Prime Video บริษัทป้อน 2 คอนเทนต์ อย่างละคร “ร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิศ” และ “มือปราบกระทะรั่ว” ปลายปีได้ออกอากาศทั่วอาเซียนผ่านแพลฟอร์ม Prime Video 

มุมมองปี 2567 ท้าทาย เศรษฐกิจโลก หนี้นอกระบบ มาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กลยุทธ์การปั๊มรายได้จะเห็นการผลิตภาพยนตร์ 2-3 เรื่อง การมุ่งขยายฐานสมาชิก 3Plus Premium และบทบาทของบีอีซี สตูดิโอ จะผลิตคอนเทนต์ป้อนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งโลกมากขึ้น ปีนี้จะเห็นการต่อยอด “พรหมลิขิต” ด้วยการการบริหารลิขสิทธิ์ หาบริหารรายได้จากทรัพย์สินทางปัญญา(IP Right) การริเริ่มธุรกิจบริหารศิลปิน เป็นต้น
 
ช่องวัน31 เผชิญโจทย์ยากไม่แพ้กัน
วิก 3 พระราม 4 กำไรลดลงแล้ว อีกบริษัทก็ไม่ต่างกัน โดยผลงานของบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด(มหาชน) สร้างรายได้รวม 6,432.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% หรือคิดเป็นมูลค่า 303.8 ล้านบาท ทว่า “กำไรสุทธิอยู่ที่ 506.6 ล้านบาท ลดลง 31.4%”

เมื่อแบ่งรายได้จะพบว่า รายได้จากสื่อโทรทัศน์อยู่ที่ 2,834.4 ล้านบาท ลดลง 3.5% รายได้จากธุรกิจรับจ้างผลิตและบริการอยู่ที่ 297.4 ล้านบาท ลดลง 21% รายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์อยู่ที่ 988.5 ล้านบาท ลดลง 26.5%

ส่วนธุรกิจบริหารศิลปินและที่ปรึกษาทำรายได้ 1,020.7 ล้านบาท เติบโต 48.2% จากปีก่อน รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตและบริหารกิจกรรมอยู่ที่ 635.5 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดถึง 111.2% รายได้จากการผลิตรายการวิทยุอยู่ที่ 290.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.8% รายได้จากการขายสินค้าอยู่ที่ 329.7% เพิ่มขึ้น 44.8% และรายได้จากการให้บริการสตูดิโออยู่ที่ 34.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5%
 
เวิร์คพอยท์ กำไรหดตัว 92%
บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด(มหาชน) มีรายได้รวม 2,421.98 ล้านบาท ลดลง 1% จากปีก่อน ขณะที่ “กำไรสุทธิ 13.48 ล้านบาท หรือลดลง 157.93 ล้านบาท ลดลงคิดเป็น 92%” จากปีก่อน

เมื่อแยกย่อยรายได้ กลุ่มธุรกิจรายการทีวี ซึ่งมาจากการขายโฆษณา และโปรโมทในช่วงเวลาต่างๆของช่อง เวิร์คพอยท์(workpoint) รวมถึงช่องทางสื่อออนไลน์ของบริษัท การรับจ้างผลิตรายการ รวมถึงรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์รายการไปยังต่างประเทศ ฯ อยู่ที่ 1,896.24 ล้านบาท ลดลง 9% จากปีก่อน อันเป็นผลจาก “เม็ดงินโฆษณาทางทีวี” อยู่ในภาวะ “ชะลอตัว” ตามทิศทางเศรษฐกิจ

เวิร์คพอยท์ระบุด้วยว่า “เม็ดเงินโฆษณาทางทีวี” ลดลงกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต
ส่วนรายได้อื่น เช่น การรับจ้างจัดงานหรืออีเวนต์ อยู่ที่ 158.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตและละครเวที อยู่ที่ 291.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% เพราะมีงานมากขึ้นทั้งคอนเสิร์ตและละครเวที เช่น งาน JAYB World Tour 2023 in Bangkok IVE FANCON in Bangkok 2023 (G)I-DLE Concert in Bangkok 2023 เป็นต้น

ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าและบริการอื่น เช่น บริการพื้นที่โรงละคร การจัดหานักแสดง ฯ อยู่ที่ 72.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%
 
โมโน29 เจ็บหนักขาดทุน 255.1 ล้านบาท!!
ด้านบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด(มหาชน)หรือช่อง MONO29 บริษัททำรายได้รวม 1,895.4 ล้านบาท ลดลง 9.4% จากปีก่อน โดยรายได้จากโฆษณาอยู่ที่ 1,1140.7 ล้านบาท ลดลง 21.4% รายได้จากการให้บริการคอนเทนต์ผ่าน MONOMAX / GIGATV อยู่ที่ 700.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.3% รายได้จากการขายสินค้าผ่านทีวีโฮมชอปปิงอยู่ที่ 30.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.9% และรายได้อื่นๆอยู่ที่ 24.4 ล้านบาท ลดลง 49.5%

ขณะที่ตัวเลขน่าสนใจคือ “กำไร” เพราะทั้งปี 2566 บริษัทประสบภาวะ “ขาดทุน” ถึง 255.1 ล้านบาท เป็นการลดลงรุนแรงถึง 468.1% จากปี 2565 ที่ยังมีอัตรา “กำไร” 69.3 ล้านบาท และยังเป็นการกลับมาขาดทุนอีกครั้งหลังจากเผชิญ Red Zone เมื่อปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ระบาด ทำให้บริษัทขาดทุน 524 ล้านบาท
สำหรับการขาดทุน เกิดจากผลกระทบของ “เม็ดเงินโฆษณาดลง” จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และภาวะ “ดอกเบี้ยสูง” ตลอดจน “กำลังซื้อชะลอตัว”
 
เขย่าโครงสร้าง ลดขนาดองค์กรเพื่อรอด!
ในปี 2567 บริษัทประกาศ “ปรับโครงสร้างการทำงาน” และ “ลดขนาดองค์กร” เพื่อให้เหมาะสมกับการดำเนินการทางธุรกิจ สามารถขับเคลื่อนและบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายในอนาคต

กลยุทธ์รอดในปี 2567 โมโนยังคงลุยสตรีมมิงแบบบอกรับสมาชิก(SVOD)ภายใต้แพลตฟอร์มของบริษัทอย่าง MONOMAX ที่ดึงซีรีส์จีนฟอร์มยักษ์ระดับ S+ (ทุ่มทุนสร้างมหาศาล นักแสดงตัวท็อป ฯ) ซีรีส์เกาหลี และซีรีส์ญี่ปุ่น เป็นอีกแม่เหล็กดึงคนดู ที่สำคัญยัง “พากย์ไทย” และซับไทยครบทุกเรื่องตอบจริตทั้งดู และเปิดทีวีเพื่อฟังเรื่องราว

นอกจากนี้ คอนเทนต์ของช่องหรือ MONO Original ยังเดินหน้าผลิต โดยปี 2567 จะมีภาพยนตร์และละครหลากรสชาติ ทั้งแอ็คชั่น สืบสวนสอบสวน ดรามา โรแมนติก​ฯ มากถึง 24 เรื่อง

ด้านธุรกิจทีวีดิจิทัล ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก MONO29 ยังชูจุดยืนการตลาดหรือ Positioning ในการเป็นช่อง “หนังดี ซีรีส์ดัง” ตอบโจทย์คนดู ผลักดันเรทติ้ง ดึงเม็ดเงินโฆษณา ซึ่งคอนเทนต์เด็ดยังเป็น ภาพยนตร์และซีรีส์แนวแอ็คชั่น-แฟนตาซีจากฮอลลีวูด รวมถึงหนังจีน อินเดีย ญี่ปุ่น ฯ และยังเสริมทัพด้วยเอ็กซ์คลูสีฟคอนเทนต์ เป็นต้น

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่