กมธ.กม.เตรียมพิจารณาปัญหาธุรกิจในกองทัพสัปดาห์หน้า
https://www.innnews.co.th/politics/news_618655/
 

 
นายรังสิมันต์ โรม โฆษกคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมคณะกรรมาธิการฯ โดยพิจารณากรณีการตั้งโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ,ศรีสะเกษ ขอนแก่น ,ยโสธร ,บุรีรัมย์ และอุดรธานี โดยมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล  ได้แก่ ผู้แทนจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และผู้แทนจากส่วนราชการจังหวัดขอนแก่น ยโสธร บุรีรัมย์ และอุดรธานี
 
โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า กระบวนการรับฟังความคิดเห็นที่เกิดขึ้น มีการปิดกั้นไม่ให้ประชาชนที่เห็นต่างเข้าแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีภาพถ่ายหลักฐานว่าตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งผู้แทนหน่วยงานต่างๆ รับว่าจะเข้าไปปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยคณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า จังหวัดที่มีการสำรวจผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว จะขอให้ส่งผลเข้ามาที่คณะกรรมาธิการฯ เพื่อตรวจสอบต่อไป เพื่อที่จะแนะนำรัฐบาลว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรต่อไป และขอให้มีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
 
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า สัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาปัญหาการประกอบธุรกิจในกองทัพ ซึ่งประเด็นนี้ทางคณะกรรมาธิการฯ เคยพิจารณาไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ผู้บัญชาการทหารบกไม่ได้มาชี้แจง ประกอบกับเวลาซักถามจากผู้แทนกรมสวัสดิการกองทัพบกไม่เพียงพอ รวมถึงปรากฏข้อเท็จจริงว่าการเช่าพื้นที่ของกองทัพเกี่ยวพันกับกรมธนารักษ์ ดังนั้นสัปดาห์หน้าทางคณะกรรมาธิการฯ จะมีการเชิญผู้บัญชาการทหารบก ผู้แทนกรมสวัสดิการกองทัพบพ และกรมธนารักษ์ มาพูดคุยปัญหาเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจในกองทัพ และช่วงบ่ายทางคณะกรรมาธิการฯ จะลงพื้นที่ไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของนักโทษ
  

---

 
สมชัย โพสต์แฉพิกัด ศุลกากร ส่งออกหน้ากากอนามัย วอนบอกความจริงกับประชาชน
https://www.matichon.co.th/social/news_2047505
 
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผอ.ศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีกรมศุลกากรออกมาชี้แจงการแถลงข้อมูลการส่งออกหน้ากากอนามัยผิดพลาด ระบุว่า
 
รหัสพิกัดอัตราศุลกากร มี 11 ตัว
 
63079090001 คือ Safty masks for preventing dust,smoke or toxic substance (KGM) (แปลว่า หน้ากากความปลอดภัยในการป้องกันฝุ่น ควันหรือสารพิษ)
 
จากรายงานสถิติการส่งออกของกรมศุลกากร ประจำเดือนมกราคม 2563 มี จำนวน 186,098 กิโลกรัม หรือ 186 ตัน
 
หากบวกกับ รหัส 63079040000 คือ Surgical masks (KGM) (หน้ากากอนามัยทางการแพทย์) ที่มีแจ้งการส่งออก 5,993 กิโลกรัม หรือ 5.9 ตัน ก็จะรวมเป็น 192 ตัน
 
เท่ากับเดือนมกราคม เดือนเดียว ส่งออก หน้ากากอนามัย ทางการแพทย์ บวก หน้ากากอนามัยทั่วไป (ซึ่งสามารถเลี่ยงจากรายการหน้ากากอนามัยทางการแพทย์มาไว้ในรายการนี้ได้) เป็นจำนวน 192 ตันแล้ว
 
ส่วนรายงานเดือนกุมภาพันธ์ นั้นยังไม่ออก เลยไม่ทราบว่ารวมแล้วจะเป็น 330 ตันหรือไม่
 
ส่วนที่อ้างว่า ตัวเลขดังกล่าว เป็นตัวเลขรวมๆ กับ ผ้าหุ้มเบาะ เชือกผูกรองเท้า ผ้ากันเปื้อน ผ้าคลุม สายคล้องทำด้วยผ้าทอ นั้น เป็นรหัสหมวดใหญ่ 6307 ที่แยกเป็น 12 ประเภท เฉพาะเดือนมกราคม 2563 เดือนเดียว มีปริมาณส่งออก 1,265,614 กิโลกรัม หรือ 1,265 ตันครับ
 
#พูดความจริงกับประชาชนดีไหม

https://www.facebook.com/Somchai.Srisutthiyakorn/posts/2690560490993337