สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
บริษัทก็ทำถูกแล้วนะครับ
ไปเที่ยวเอง ติดโรคเอง ตายเอง บริษัทต้องมาช่วยเหลือค่าทำศพอีก ไหนจะความเสี่ยงที่จะมาติดพนักงานคนอื่น ทำให้บริษัทเสียหายอีก
แบบนี้ใครจะรับผิดชอบหล่ะ
ติดโรคตายไป งานเสียหาย บริษัทฟ้องร้องเอาได้มั้ย?
เพื่อนร่วมงานป่วย ติดจากคนไปเที่ยวมา เสียเงินรักษา เรียกร้องจากคนที่เอาเชื้อมาแพร่ ได้มั้ย
คิดเยอะๆครับ ความรับผิดชอบต่อสังคมต้องมี ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเองอย่างเดียว
ไปเที่ยวเอง ติดโรคเอง ตายเอง บริษัทต้องมาช่วยเหลือค่าทำศพอีก ไหนจะความเสี่ยงที่จะมาติดพนักงานคนอื่น ทำให้บริษัทเสียหายอีก
แบบนี้ใครจะรับผิดชอบหล่ะ
ติดโรคตายไป งานเสียหาย บริษัทฟ้องร้องเอาได้มั้ย?
เพื่อนร่วมงานป่วย ติดจากคนไปเที่ยวมา เสียเงินรักษา เรียกร้องจากคนที่เอาเชื้อมาแพร่ ได้มั้ย
คิดเยอะๆครับ ความรับผิดชอบต่อสังคมต้องมี ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเองอย่างเดียว
ความคิดเห็นที่ 43
เข้าใจคนที่ซื้อตั๋วไปแล้ว ไม่ใช่ทุกคนจะมีเหลือกินเหลือใช้ มีเงินซื้อตั๋วใหม่
แต่ในเวลาแบบนี้ ทุกคนควรมีจิตสาธารณะ เห็นใจเพื่อนร่วมโลก เข้าใจสภาพเศรฐกิจ
หากเสียดายเงิน ไปเที่ยว ติดโรคกลับมา
ไม่ใช่แค่ตัวเอง ที่จะเสียเวลาและทรัพย์สิน
แต่ยังลามไปถึงสุขภาพของเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมเดินทางในรถเมล์ รถไฟฟ้า
ลามไปถึงที่ทำงาน ที่อาจจะต้องหยุดงานยกบริษัท
ลามไปถึงทุกพื้นที่รอบตัว ขยายไปจนกลายเป็นอู่ฮั่น
ถ้าถึงวันนั้น ไม่ใช่แค่ค่าตั๋วเครื่องบินที่เสียไป
แต่อาจจะเป็นรายได้ตลอดไปเพราะบริษัทเจ๊ง
อาจจะเป็นการสูญเสียญาติพี่น้องเพราะป่วย
ถ้าจะไปจริงๆ กลับมาก็ต้องลางาน ขาดงานต่ออีก 2-3 สัปดาห์ เราว่า บริษัททำถูกแล้ว
“จิตสาธารณะ และ รับผิดชอบต่อสังคม”
แต่ในเวลาแบบนี้ ทุกคนควรมีจิตสาธารณะ เห็นใจเพื่อนร่วมโลก เข้าใจสภาพเศรฐกิจ
หากเสียดายเงิน ไปเที่ยว ติดโรคกลับมา
ไม่ใช่แค่ตัวเอง ที่จะเสียเวลาและทรัพย์สิน
แต่ยังลามไปถึงสุขภาพของเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมเดินทางในรถเมล์ รถไฟฟ้า
ลามไปถึงที่ทำงาน ที่อาจจะต้องหยุดงานยกบริษัท
ลามไปถึงทุกพื้นที่รอบตัว ขยายไปจนกลายเป็นอู่ฮั่น
ถ้าถึงวันนั้น ไม่ใช่แค่ค่าตั๋วเครื่องบินที่เสียไป
แต่อาจจะเป็นรายได้ตลอดไปเพราะบริษัทเจ๊ง
อาจจะเป็นการสูญเสียญาติพี่น้องเพราะป่วย
ถ้าจะไปจริงๆ กลับมาก็ต้องลางาน ขาดงานต่ออีก 2-3 สัปดาห์ เราว่า บริษัททำถูกแล้ว
“จิตสาธารณะ และ รับผิดชอบต่อสังคม”
ความคิดเห็นที่ 27
เราสนับสนุนให้ทุกบริษัทสั่งห้ามเลยค่ะ
ไม่ควรอนุญาติให้ความเห็นแก่ตัวของพนักงานคนเดียวทำให้เพื่อนร่วมงานต้องรับความเสี่ยงไปด้วยค่ะ
คนที่ไปเที่ยวอาจจะดูแลตัวเองได้ดี หรือสุขภาพแข็งแรงดีไม่เสี่ยง หรือยอมรับความเสี่ยงได้
แต่ทำไมคนอื่นเค้าจะต้องมารับความเสี่ยงไปกับคุณด้วย
คิดดูว่าถ้าที่ออฟฟิศมีผู้สูงอายุ มีคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง เป็นคนตั้งครรภ์ หรือเป็นคุณแม่คุณพ่อลูกอ่อน
แล้วเค้าได้รับเชื้อจากคุณ คุณมีความสามารถจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นไหวหรอคะ
ถ้าเกิดมีคนต้องเสียชีวิต หรือเสียลูกไปจากการกระทำที่เห็นแก่ตัวของคุณ
ส่วนตัวบริษัทเราไม่ห้ามนะถ้าจะไปเที่ยวประเทศเสี่ยง
แต่กลับมาแล้วต้อง Leave without pay อย่างน้อย 14 วันต่อถึงจะกลับมาทำงานได้
ไม่ควรอนุญาติให้ความเห็นแก่ตัวของพนักงานคนเดียวทำให้เพื่อนร่วมงานต้องรับความเสี่ยงไปด้วยค่ะ
คนที่ไปเที่ยวอาจจะดูแลตัวเองได้ดี หรือสุขภาพแข็งแรงดีไม่เสี่ยง หรือยอมรับความเสี่ยงได้
แต่ทำไมคนอื่นเค้าจะต้องมารับความเสี่ยงไปกับคุณด้วย
คิดดูว่าถ้าที่ออฟฟิศมีผู้สูงอายุ มีคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง เป็นคนตั้งครรภ์ หรือเป็นคุณแม่คุณพ่อลูกอ่อน
แล้วเค้าได้รับเชื้อจากคุณ คุณมีความสามารถจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นไหวหรอคะ
ถ้าเกิดมีคนต้องเสียชีวิต หรือเสียลูกไปจากการกระทำที่เห็นแก่ตัวของคุณ
ส่วนตัวบริษัทเราไม่ห้ามนะถ้าจะไปเที่ยวประเทศเสี่ยง
แต่กลับมาแล้วต้อง Leave without pay อย่างน้อย 14 วันต่อถึงจะกลับมาทำงานได้
แสดงความคิดเห็น
ที่ทำงานใครสั่งห้ามพนักงานไปต่างประเทศเพราะไวรัสโคโรน่าบ้าง
อยู่ๆ ที่ทำงานเราก็ออกนโยบายห้ามทุกคนไปต่างประเทศ เพื่อป้องกันการนำเชื้อโคโรน่ามาระบาดในที่ทำงาน คือออกนโยบายช้าไปหน่อย ประมาณว่าพนักงานจะเดินทางคืนนี้พรุ่งนี้อยู่แล้ว บางคนจะไปกับครอบครัว จะไปกับแฟน จู่ๆก็ถูกสั่งห้ามไป พนักงานถึงกับน้ำตาร่วง และก็ต้องยอมทิ้งตั๋ว (ตั๋วซื้อมาแล้วขอคืนเงินไม่ได้) เพราะถ้าเขาไม่ทำตามนโยบายก็จะต้องได้รับโทษโดยการถูกสั่งให้ลาออก
พอพนักงานที่ถูกสั่งห้ามรู้สึกเสียใจ แต่ก็นะ...ถ้าไม่เสียใจก็บ้าแล้ว แต่ละคนก็ไม่ได้รวย บางคนเก็บเงินเป็นปี บางคนซื้อตั๋วแบบผ่อน มีความฝันจะไปเที่ยวต่างประเทศ อยู่ๆความฝันทลายเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางใจ เราเข้าใจความรู้สึกดี ถ้าเป็นเราจะยอมออกจากงานแล้วไปต่างประเทศ (เพราะเรารู้สึกอยากออกอยู่แล้ว ชีวิตนึงจะมีโอกาสได้ไปต่างประเทศกี่ครั้งกันลาะ) พวกผู้บริหารก็ไม่ทำอะไรเลยกับความรู้สึกพนักงาน ปล่อยให้ HR เป็นคนจัดการ คอยปลอบประโลมโน้มพวกเขา (ถือว่า HR ก็น่าสงสารด้วยอีกคน ไม่ใช่คนออกคำสั่งแต่ต้องมาทำอะไรแบบนี้)
แต่ก็มีพนักงานบางคนเดินทางไปถึงต่างประเทศแล้ว เพราะเดินทางก่อนจะมีนโยบายสั่งห้ามไป แต่คนพวกนี้เมื่อกลับมาทำงานแล้วจะต้องถูกสั่งพักงานเป็นเวลาเกือบเดือน(เหมือนถูกกักบริเวณเพื่อรอดูอาการแสดงตัวของโรค) แล้วต้องใช้วันลาที่เหลือของตัวเองด้วย ที่ทำงานไม่เพิ่มโควต้าวันลาให้นะ ใครที่มีวันลาเหลือไม่พอกับที่สั่งหยุด ก็จะต้องขาดงานไป การขาดงานจะทำให้อดขึ้นเงินเดือนประจำปี (จะมีโทษอื่นอีกไหมก็ไม่รู้)
เราอยากรู้ว่าคนที่เข้ามาอ่านจะรู้สึกยังไง เราลองถามคนใกล้ตัวเรา คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจจะคิดแบบผู้บริหาร คือเห็นด้วยกับเหตุการณ์นี้ พนักงานต้องทำใจ ส่วนคนที่ไม่ใช่เจ้าของธุรกิจจะรู้สึกสงสารพนักงาน และรู้สึกตำหนิผู้บริหาร ส่วนเรานั้นก็รู้สึกสงสารพนักงาน เพราะพวกเขาเป็นฝ่ายสูญเสียตลอด เรารู้สึกว่าทางองค์กรน่าจะมีมาตรการชดเชยอะไรให้กับความสูญเสียของพนักงานบ้าง อย่างน้อยก็เป็นการเยียวยาจิตใจ แต่ก็ไม่มี แล้วที่ทำงานคุณล่ะเป็นแบบนี้ไหม