ตามภาพ ตามฝัน ไปปีนัง (ตอน 1)

บางครั้ง... การเดินทาง
 ปลายทาง... อาจไม่สำคัญ
แต่มีบางสิ่ง... ที่สำคัญกว่า
สิ่งนั้น คือ “แรงบันดาลใจ”
 
แรงบันดาลใจ... ทำให้ผมเดินทางไปปีนัง
 
  
ตอน 1
 
          มันเป็นเรื่องแปลกที่ภาพธรรมดาๆ ภาพหนึ่ง จะทำให้คนที่ไม่เคยชอบการเดินทาง ต้องเก็บของยัดใส่เป้ แล้วเดินทางไปยังประเทศที่ไม่เคยไปมาก่อน มิหนำซ้ำยังเป็นการเดินทางเพียงลำพัง... ครั้งแรกอีกด้วย   
ก่อนหน้านี้ เรื่องการเดินทางนะเหรอ! 
          บอกได้เลยว่าไม่เคยอยู่ในความคิดเลยสักนิด การเดินทางไปต่างประเทศถือว่าเป็นเรื่องไกลตัวมาก เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เช้าไปทำงานเย็นก็กลับบ้านนอน แล้วจะไปทำไมที่ต่างประเทศ ผมเรียกมันว่าเหตุผลสำหรับการเดินทาง ในเมื่อไม่มีเหตุ การเดินทางที่เป็นผล ก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง และนั่นคือตัวตนของผมที่ครั้งหนึ่งเคยหันหลังให้กับการเดินทาง 
 
          แล้ววันหนึ่ง... บางอย่างก็เกิดขึ้น ในท่ามกลางชีวิตที่ราบเรียบน่าเบื่อจำเจเหมือนทุกวัน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูความเป็นไปในโลกโซเชียลอย่างไร้จุดหมาย อันเป็นปกติวิสัยที่มักทำอยู่เสมอ แล้วจะด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ผมเปิดไปเจอภาพๆ หนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวได้โพสต์เอาไว้ เมื่อแรกเห็นยอมรับเลยว่าเกิดความรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก และนับแต่นั้นมาทุกอย่างในชีวิตก็เปลี่ยนไป
เพียงเพราะ “ภาพ” เพียงภาพเดียว!
 
          หลังจากนั้นภาพที่เห็นยังคงวนเวียนอยู่ภายในใจโดยตลอด จนอดรนทนไม่ไหว เริ่มต้นค้นหาที่มาของภาพทันที ความจริงแล้วภาพที่เห็นก็เป็นเพียงภาพธรรมดาภาพหนึ่ง ไม่ได้มีความพิเศษอะไร เป็นเพียงภาพเขียนเสมือนจริงบนกำแพงเก่าโบราณของเด็กหญิงน่ารักวัยกะเตาะที่กำลังขี่จักรยานพาน้องชายวัยกำลังซนซ้อนท้าย ทั้งคู่ดูมีความสุขเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเจ้าน้องชายลิงโลดจนออกนอกหน้า ไม่ต่างกับเด็กที่อยู่ในอาการตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยว ส่วนจักรยานที่ทั้งสองคนขี่อยู่นั้น ไม่ได้เป็นภาพเขียนเหมือนเด็กทั้งสอง แต่เป็นจักรยานจริงจับต้องได้ นั่งได้ ลักษณะเป็นจักรยานรูปทรงโบราณติดเอาไว้ที่กำแพง
          ผมยอมรับเลยว่า ภาพธรรมดาภาพนี้ได้ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางอารมณ์อย่างบอกไม่ถูกในทันทีที่เห็น โดยเฉพาะเด็กน้อยวัยน่ารักทั้งสองคน ที่รู้สึกว่าทั้งสองมีชีวิตจิตใจราวกับมีจิตวิญญาณ ผมคิดว่ากำลัง “หลงรัก” ภาพนี้เข้าให้แล้ว และเหมือนกับว่าหนูน้อยทั้งสองกำลังเรียกร้องให้เดินทางไปหา หลังจากใช้เวลาครุ่นคิดอยู่หลายวัน ก็อดรนทนไม่ไหว คิดถึงแต่หนูน้อยทั้งสอง 
          ผมตัดสินใจทันที ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะต้องเดินทางไปหาหนูน้อยทั้งสองนี้ให้ได้ และนั้นก็เป็นจุดเปลี่ยนของคนที่ครั้งหนึ่งเคยปฏิเสธการเดินทาง บันนี้เหตุผลของการเดินทางเกิดขึ้นแล้ว ถึงแม้จะดูแปลกไปสักหน่อยก็ตาม ผมเริ่มต้นค้นหาข้อมูลภาพนี้อย่างจริงจัง ...และทั้งหมด ก็คือ 
          จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ และเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเลยก็ว่าได้
 
          การค้นหาข้อมูลภาพหนูน้อยขี่จักรยานเริ่มต้นขึ้นทันทีและพบว่า ภาพนี้โด่งดังระดับโลก มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งชาวเอเชียหัวดำ ชาวฝรั่งผมทอง เดินทางไปถ่ายภาพกับหนูน้อยทั้งสอง และที่สำคัญนักท่องเที่ยวทุกคนต่างมีความสุขที่ได้ถ่ายภาพกับหนูน้อยทั้งสองเป็นอย่างมาก
          แล้วก็ได้ข้อมูลว่า ภาพนี้มีชื่อว่า “Kids on Bicycle” 
          ตั้งอยู่ที่เมืองจอร์จทาวน์ (George Town)
          รัฐปีนัง (Penang) ประเทศมาเลเซีย
          ไม่ใกล้ไม่ไกลเพื่อนบ้านเรานี่เอง
 
          เป็นอันว่าจุดหมายปลายทางของผมอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย คิดว่าคงจะไม่ยากที่จะเดินทางไปที่นั่น ผมคิดอย่างนั้นในตอนแรก จนลืมไปเสียสนิทเลยว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศลำพังคนเดียวเลยสักครั้ง มีแต่พึ่งพาบริษัททัวร์ แต่ก็ไม่บ่อยนัก
          และแล้วแผนการเดินทางที่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ภาพ Kids on Bicycle ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นับจากที่เห็นภาพครั้งแรก
 
          ใช่แล้ว! ...ผมกำลังเดินทางไปปีนัง และจะไปตามหา Kids on Bicycle หนูน้อยที่น่ารักทั้งสอง
 
  
          รู้จัก ปีนัง มั้ย?
          ก่อนออกเดินทาง ผมเริ่มสอบถามข้อมูลจากคนรอบข้าง
          “รู้สิ... อยู่มาเลเซียไง”
          แล้วที่ปีนังมีอะไรบ้าง เคยไปเที่ยวมั้ย
          “ไม่รู้ซิ... ไม่เคยไป”
          แล้วเมืองจอร์จทาวน์ล่ะ
          “เมืองอะไร ไม่เคยได้ยินชื่อ อยู่ที่ไหนเหรอ” 
          ข้อมูลที่ได้จากคนรอบข้างบอกไปในทำนองเดียวกัน แทบจะไม่มีใครเคยเดินทางไปเกาะปีนังมาก่อนเลย 
          “ภาพนี้สวยมั้ย” ผมเปิดภาพ Kids on Bicycle ให้เพื่อนหลายคนดู
          “สวยดี... อยู่ที่ไหนเหรอ” 
          “เออๆ สวยดี” 
เท่านั้นรึ! ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ
          เอ... ทำไมน่ะ! ไม่ว่าผมจะเอาภาพ Kids on Bicycle ให้เพื่อนคนไหนดู ไม่เห็นมีใครตื่นเต้นกับภาพนี้เลยสักนิด หรือว่าผมจะคิดไปเอง ที่จริงภาพนี้ก็ไม่เห็นจะมีอะไร อาจเป็นเพียงความรู้สึกตื่นตาตื่นใจเมื่อแรกเห็นเท่านั้น ผมถามตัวเองอีกครั้งก่อนออกเดินทาง ‘ตกลงเอายังไง จะไปหรือไม่ไป’
          คำตอบที่ได้ไม่มีความลังเลยเลยสักนิด ‘ไม่ว่าจะยังไง เกาะปีนังก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางไม่เปลี่ยนแปลง’ ในเมื่อเพื่อนรอบข้างพึ่งพาไม่ได้สักคน ลองหาข้อมูลจากเว็บไซต์กูเกิล (Google) ดีกว่า คงจะได้ข้อมูลที่ต้องการแน่นอน และเมื่อพิมพ์ชื่อเมืองจอร์จทาวน์ เกาะปีนัง เข้าไปเท่านั้น ข้อมูลมากมายก็ล้นทะลักออกมาจากหน้าจอ ข้อมูลเยอะมาก ไม่รู้ว่าจะเยอะไปไหน ดีๆ ชอบๆ ข้อมูลมากมายขนาดนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางทั้งสิ้น
 
ก่อนออกเดินทางต้องขอทำความรู้จักเกาะปีนังสักหน่อย
          “ปีนังเป็นหนึ่งใน 13 รัฐของประเทศมาเลเซียที่มีพื้นที่ทั้งส่วนที่เป็นแผ่นดินและเกาะ สำหรับเกาะนั้นในภาษามาเลย์เรียกว่า “ปูเลาปีนัง” (Pulau Penang) ซึ่งคำว่า “ปีนัง” มีความหมายว่า “ต้นหมาก” ที่ในอดีตมีอยู่จำนวนมากทั่วทั้งเกาะ (ปัจจุบันเห็นน้อยมาก) และประวัติศาสตร์ยังขีดเขียนอีกว่า ฝรั่งผมทองสัญชาติอังกฤษคนหนึ่ง ได้เดินทางมาพบกับเกาะที่ว่างเปล่าแห่งนี้  และเกิดความชื่นชอบในภูมิประเทศ
            จนต่อมาในปี 1786 ชายชาวอังกฤษคนเดิมได้พยายามผลักดันให้มีการเจรจาทำสัญญาเช่าเกาะปีนังจากสุลต่านแห่งรัฐเคดาห์ ในนามของบริษัทอิสต์ อินเดีย คอมพานี จนการเจรจาประสบความสำเร็จในที่สุด และได้เปลี่ยนชื่อเกาะเป็น “Prince of Wales Island” 
          ชายชาวอังกฤษผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ได้ให้กำเนิดเมืองจอร์จทาวน์ขึ้นบนเกาะที่ว่างเปล่า เพื่อเป็นเมืองท่าปลอดภาษี การสร้างเมืองจอร์จทาวน์ถือว่าเป็นการพัฒนาทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด จากเกาะที่รกร้างว่างเปล่ามีเพียงต้นหมากและหมู่บ้านชาวประมงพื้นเมือง ได้กลายเป็นเมืองท่าการค้าที่สำคัญแห่งยุค นับจากนั้นความเจริญก็เข้ามาอย่างรวดเร็ว โดยจะเห็นได้จากสถาปัตยกรรมของเมืองจอร์จทาวน์ที่ยังคงมีกลิ่นไอของความรุ่งเรืองจากอดีต”
          ส่วนการที่ชาวปีนังไม่ว่าเชื้อชาติไหนก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เป็นชายชาวอังกฤษคนเดิมอีกนั้นแหล่ะ ที่ได้มีการเปิดสอนภาษาอังกฤษบนเกาะปีนัง เปรียบเสมือนการฝังรากลึกทางภาษาให้กับเกาะปีนัง ในช่วงนั้นคนไทยที่มีฐานะร่ำรวย และมีแนวคิดก้าวหน้า ต่างนิยมส่งบุตรหลานไปเรียนภาษาอังกฤษที่ปีนังกันทั้งนั้น
          ยังไม่หมดเท่านั้นสำหรับเกาะปีนัง โดยในปี 2008 องค์การยูเนสโก (UNESSCO) ได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองจอร์จทาวน์ และเมืองมะละกา เป็นเมืองมรดกโลก และเป็นเหตุผลที่ทำให้เกาะปีนังโด่งดังระดับโลกไปโดยปริยาย
          น่าทึ่งมากสำหรับประวัติศาสตร์ของเกาะปีนัง ความจริงแล้วที่ผมเล่ามาทั้งหมด เป็นเรื่องราวของเกาะปีนังเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น เกาะปีนังยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยเฉพาะข้อมูลที่ว่าเกาะปีนังเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสยาม และยังถือว่าเกาะปีนังเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์หน้าที่สำคัญ ก่อนที่ภูมิภาคแหลมมลายูจะรวมตัวจนกลายมาเป็นสหพันธรัฐมาเลเซีย (Federation of Malaysia) ในปัจจุบัน 
 
และที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็เห็นจะเป็นเรื่องราวของบุรุษชาวอังกฤษผู้บุกเบิกเกาะปีนังจนรุ่งเรือง อีกด้านหนึ่งของประวัติศาสตร์ได้บันทึกเอาไว้ว่า เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชสำนักสยาม! อีกด้วย

โดย
กบในกะลาแก้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่