ปัจจุบันเราอยู่ชั้นม.หก และอย่างนึงคือเรารู้ตัวเราเองแล้วค่ะว่าตั้งแต่เริ่มอยู่ม.หกมาสถานการณ์มันบีบบังคับจนเราเป็นโรคซึมเศร้า (ในความเป็นจริงเราเป็นมานานมากแล้วตั้งแต่ม.4เทอม2แล้วเพิ่งรู้ตัว) เราไม่มีโอกาศได้บอกใครว่าเราเป็น เพราะในชีวิตคนๆหนึ่งต้องมาเล่าโรคจิตของตัวเองให้ใครฟังก็ไม่มีใครเข้าใจ แล้วหนึ่งในส่วนที่ทำให้เรารู้สึกทรุดหรือเหนื่อยคือเพื่อนสนิทคนนึง เขาดีในเรื่องการคุยกัน เข้าใจตรงกันในหลายๆเรื่อง แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่คือ เขาลืมเราในขณะที่เราไม่เคยลืมเขา เหตุการณ์เหมือนว่า ถ้าวันนึงเขาไม่มาเรียน เราแทบจะช่วยทุกอย่าง ทั้งบอกงานถึงแม้เขาไม่ถาม ทั้งบางทีงานต้องส่งภายในวันที่เขาไม่มา เราก็ช่วยทำให้ไปเลย ส่งพร้อมๆกันไปเลย ในขณะที่เขาตรงข้ามกับเราทุกอย่าง บางทีมาบอกก็ตอนที่ใกล้ส่งแล้วหรือต้องส่งแล้วตอนนี้เวลานี้ นี่เป็นแค่ส่วนน้อยๆแต่บ่อยมากๆ อีกเรื่องคือเรารู้สึกไม่โอเคมากกับการกระทำของเขา ในวันใดที่เขาไม่มีอารมณ์มาตั้งแต่เช้า เรามักจะต้องเป็นฝ่ายชวนคุย พยายามหาเรื่องมาคุยเพราะเขาไม่พูดกับเรา แรกๆเราไม่ได้ซีเรื่องนี้นะคะ เพราะเข้าใจว่าอารมณ์เสียก็คงอยากมีเวลาส่วนตัวอยู่คนเดียวบ้าง แต่ปัญหาคือในขณะที่เราพยายามให้เขาคุยกับเรา เขากลับคุยกับเพื่อนคนอื่นๆ ได้ยิ้มแย้มสบายใจ คิดว่าเราต้องรู้สึกแบบไหนคะ ..
น่าเสียใจมากที่สุดในยามที่เขาเหนื่อยเขาท้อ บางทีเขาไม่บอกเราก็ดูออกว่าเนี่ยะเขาไม่โอเคนะ เราให้กำลังใจเขามาตลอด ปลอบใจเขามาตลอด ในขณะที่เราคือไม่มีเลย ไม่ได้แม้แต่คำว่าสู้ๆ กลับกันเราเหมือนโดนซ้ำเติม ในวันที่เราจมดินลุกขึ้นไม่ไหวไปต่อไม่ได้อย่างตอนนี้ เรายอมรับเลยว่าเราดิ่งมาก เราไม่มีกำลังใจเลย เราเหนื่อย เราไม่รู้จะอธิบายยังไง ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ไปเรียนเพราะเราดิ่งมาก เหมือนเป้าหมายมันหายไป
และประโยคที่ได้จากเพื่อนสนิทคนนี้คือ แกไปอธิบายกับเพื่อนคนอื่นเอาเองนะ ไปเคลียร์เอง
ฉันไม่เข้าใจแกเลย..
น่าเสียดายที่เราตอบเพื่อนสนิทไม่ได้ เพราะเราก็ไม่เคยเข้าใจตัวเอง แต่เราไม่เข้าใจยิ่งกว่าว่าทำไมต้องมาพูดให้เราดิ่งลงเรื่อย ๆ ฉุดให้เราจมดินลงไป จนตอนนี้เราไม่แม้แต่อยากเจอใคร อยากอยู่คนเดียวมากขึ้น คิดว่าการอยู่คนเดียวคงปลอดภัยที่สุดแล้ว เหนื่อยจริงๆ เราไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ บางทีเราก็คิดว่าปัญหาที่เข้ามา มันผิดที่เราเป็นแบบนี้รึเปล่า
เป็นโรคซึมเศร้า และตอนนี้มีปัญหากับเพื่อนสนิทค่ะ ทำไงดี
น่าเสียใจมากที่สุดในยามที่เขาเหนื่อยเขาท้อ บางทีเขาไม่บอกเราก็ดูออกว่าเนี่ยะเขาไม่โอเคนะ เราให้กำลังใจเขามาตลอด ปลอบใจเขามาตลอด ในขณะที่เราคือไม่มีเลย ไม่ได้แม้แต่คำว่าสู้ๆ กลับกันเราเหมือนโดนซ้ำเติม ในวันที่เราจมดินลุกขึ้นไม่ไหวไปต่อไม่ได้อย่างตอนนี้ เรายอมรับเลยว่าเราดิ่งมาก เราไม่มีกำลังใจเลย เราเหนื่อย เราไม่รู้จะอธิบายยังไง ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ไปเรียนเพราะเราดิ่งมาก เหมือนเป้าหมายมันหายไป
และประโยคที่ได้จากเพื่อนสนิทคนนี้คือ แกไปอธิบายกับเพื่อนคนอื่นเอาเองนะ ไปเคลียร์เอง
ฉันไม่เข้าใจแกเลย..
น่าเสียดายที่เราตอบเพื่อนสนิทไม่ได้ เพราะเราก็ไม่เคยเข้าใจตัวเอง แต่เราไม่เข้าใจยิ่งกว่าว่าทำไมต้องมาพูดให้เราดิ่งลงเรื่อย ๆ ฉุดให้เราจมดินลงไป จนตอนนี้เราไม่แม้แต่อยากเจอใคร อยากอยู่คนเดียวมากขึ้น คิดว่าการอยู่คนเดียวคงปลอดภัยที่สุดแล้ว เหนื่อยจริงๆ เราไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ บางทีเราก็คิดว่าปัญหาที่เข้ามา มันผิดที่เราเป็นแบบนี้รึเปล่า