มีร้านอาหารใหม่มาเปิดฝั่งตรงข้ามบ้านได้สักพักนึงแล้ว ด้วยความอยากลองชิมเลยสั่งอาหารของที่ร้านนี้ผ่านทางบริการเดลิเวอรี่บนมือถือ รสชาติถือว่าอร่อยแซ่บใช้ได้สมกับชื่อร้าน ZAAB CUISINE (แซ่บคูซีน) ตัวร้านตั้งอยู่บนถนนราชพฤกษ์ฝั่งมุ่งหน้าไปถนนสาทรใต้ ระหว่าง BTS สถานีตลาดพลู กับ BTS สถานีโพธินิมิตร (อยู่ตรงหน้าโรงเรียนกงลี้จงซัน) เป็นร้านในรูปแบบของสวนอาหารบรรยากาศร่มรื่นและปกคลุมเต็มพื้นที่ หาร้านเป็นสวนอาหารแบบนี้ใกล้เมืองแบบนี้ถือว่าหายากมาก(ส่วนมากจะเจอแถวเลียบด่วนรามอินทรา) วันนี้เลยถือโอกาสเดินมาลอดใต้สะพานติดคลองหลังเดอะมอลล์ท่าพระมาโผล่ที่หน้าร้าน เรามาถึงที่ร้านตอน 18.30 น. แต่จริงๆแล้วร้านนี้เขาเปิดทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่ 16.00-24.00 น. บรรยากาศท้องฟ้ากำลังค่อยๆมืดลง เหมาะแก่การหาที่นั่งชิลล์ทานอาหารรสแซ่บ จิบเครื่องดื่มเย็นๆนั่งเม้าท์กับเพื่อนๆสุดๆ ซึ่งแน่นอนว่าวันนี้ผมนัดเพื่อนๆมาทานด้วยกันอีกจะได้ช่วยกันรีวิวหลายๆเมนูหน่อย ต้นไม้สีเขียวเแน่นปิดไฟกลมสีเหลืองนวลชวนนั่งนานๆ ตอนนี้เราเข้าไปหาที่นั่งในร้านกันเลย (เพื่อนผมนำรถส่วนตัวมาด้วยมีที่จอดรถภายในร้านได้ไม่กี่คัน ทางร้านบอกให้จอดริมถนนกันได้เลยนะครับ)

ถึงแม้ว่าดูจากภายนอกจะเป็นบรรยากาศบ้านสวนดูมีแต่ต้นไม้เยอะๆ แต่ด้านในก็มีการแบ่งที่นั่งเป็นโซนทั้งที่นั่งแบบมีหลังคาเอาไว้นั่งวันที่มีฝนตก หรือหลบมุมหน่อยสำหรับคนที่อยากได้ความเป็นส่วนตัว ใครที่ยกมากันเป็นกลุ่มใหญ่ก็มีพื้นที่สามารถต่อโต๊ะเพื่อนั่งสังสรรค์ได้ แต่วันนี้เราจะนั่งกันในบริเวณสวนกลางร้าน ถ้าใครอยากนั่งมองถนนรถวิ่งคนเดินเล่นผ่านไปมา ก็มีซุ้มโต๊ะไม้พร้อมหลังคากันฝนให้นั่งปล่อยใจสบายๆ หากใครยังกังวลว่าจะโดนยุงหามหรือแมลงกัดต่อย ไม่ต้องกลัวเพราะว่าที่นี่เขาเปิดพัดลมจ่อให้เราที่ใต้โต๊ะ นั่งลมเย็นสบายไร้แมลงมารบกวนครับผม

มาเปิดเมนูอาหารของที่นี่ดูว่ามีอะไรให้ทานบ้าง ถึงร้านจะชื่อว่า ZAAB CUISINE (แซ่บคูซีน) แต่ก็ไม่ได้มีแค่เมนูอาหารอีสานเท่านั้น พอมาดูเล่มเมนูเต็มๆแล้วถึงได้เข้าใจว่า ร้านนี้รวมความแซ่บ(ที่แปลว่าอร่อยในภาษาอีสาน) ของอาหารไทยภูมิภาคต่างๆเอาไว้ที่ร้านนี้ร้านเดียว โดยหน้าแรกเป็นเมนูส้มตำเริ่มต้นที่จานละ 50 บาท แพงสุดคือตำถาดชื่อร้านราคา 250 บาท ถ้าใครนึกไม่ออกว่าจะสั่งอะไรเขามีเมนูแนะนำรวมเอาไว้ ราคาเริ่มต้นที่ 115 - 250 บาท หน้าถัดมาเป็นเมนูสารพัดยำตามกระแสแห่งปี 2020 ราคาเริ่มต้นที่ 110-220 บาท เมนูลาบและน้ำตกอีสานราคาเริ่มต้นที่ 85-110 บาท เมนูผัดเริ่มต้นที่ 90-280 บาท เมนูปลาทั้งตัวราคาถูกมาก ปลาช่อนทั้งตัวราคา 285 บาท เมนูทำจากปลาทับทิมราคาตัวละ 300 บาท เมนูทำจากปลากระพงราคา 325-350 บาท ถือว่าราคาถูกมากเมื่อเทียบกับหลายๆร้าน เมนูแกงราคาเริ่มต้นที่ 90-200 บาท เมนูอาหารทานเล่นย่างและทอดราคา 90-150 บาทเมนูลวกจิ้มราคา 110-200 บาท จิ้มจุ่มชุดละ 200-250 บาท ใครทานน้อยก็มีอาหารจานเดียวเริ่มต้นที่จานละ60 -250 บาท(ไข่ดาวฟองละ 10 บาท) เมนูกับแกล้มทานกับเครื่องดื่มเย็นๆราคาเริ่มต้นที่ 90-165 บาท อาหารเหนือสุดแซ่บก็มี ราคาเริ่มต้นที่ 85-120 บาท เมนูอาหารปักษ์ใต้เริ่มต้นที่ 90-250 บาท เครื่องดื่มเริ่มต้นที่ 15 น้ำแข็งถังละ 15 บาท ขนมหวานถ้วยละ 45 บาท ถือว่าราคาถูกมาก ที่สำคัญราคาที่เห็นไม่มี Vat.และ Service Charge มากวนใจเราด้วยนะ ที่เห็นว่าราคาอาหารถูกขนาดนี้แล้วยังมีโปรโมชั่นกับบัตรเครดิตธนาคารต่างๆ ช่วยลดหนักยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก เอาเป็นว่าตอนนี้เราได้สถานที่นั่ง Hang Out กับเพื่อนที่ใหม่แล้ว สั่งมาหารมาชิมกันดีกว่าครับผม

สั่งอาหารไปเรียบร้อยแล้วสั่งเครื่องดื่มเย็นๆมานั่งรอชิลล์ๆ น้ำเปล่าที่นี่ขวดละ 15 บาท น้ำแข็งถังใหญ่ราคาแค่ 35 บาท เครื่องดื่มยี่ห้องช้างราคาขวดละ 90 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คบหากันได้ยาวๆ ว่างก็เดินไปสำรวจที่ห้องครัว ซะหน่อย ครัวของที่นี่เป็นแบบเปิดที่มองดูแล้วสะอาดมาก แต่ภายในห้องครัวมีแค่พ่อครัวกับผู้ช่วยเพียงแค่ 2 คนแค่นั้น Grab Food/Line Man/Food Panda/Get รอสั่งอาหารกันอีกเพียบ (แล้วเราจะได้ทานตอนไหน?) สอบถามทางร้านได้ความมาว่าพ่อครัวและผู้ช่วยส่วนใหญ่จะหยุดกันวันพุธ ปกติจะมีพ่อครัว 3 และผู้ช่วยอีก 3 เป็น 6 คนมีกันเต็มครัว เอาเป็นว่าใครอยากมาชิลล์ที่หน้าร้านควรเว้นวันพุธเอาไว้ 1 วัน เพราะอาหารจะออกค่อนข้างช้า แนะนำให้นั่งกดมือถือสั่งรอที่บ้านเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครับ แต่พวกเรานั้นไม่รีบ นั่งดื่มนั่งเม้าท์กับเพื่อนรอกันไปพลางๆครับ

เมนู 2 จานแรกถูกยกออกมานั่นคือ"แกงรัญจานเนื้อ"ราคา 150 บาท เป็นเนื้อวัวสไลด์ตุ๋นจนนุ่ม ต้มในน้ำพริกกะปิละลายน้ำผสมตะไคร้/ใบมะกรูด/หอมแดง/พริกสดและใบโหระพา ปรุงรสชาติมาเปรี้ยวหอมมะนาวรสชาติเผ็ดร้อน หอมเครื่องสมุนไพรและกลิ่นกะปิในทุกๆคำอร่อยมากถึงกับต้องสั่งข้าวมาทานด้วย ใครอยากทานแกงรัญจวญรสชาติเผ็ดร้อนจี๊ดจ๊าด สูตรของที่ร้านนี้ผมขอแนะนำเลยครับ เมนูถัดมาคือ "หมูตุ๋นคั่วแห้ง"ราคา 135 บาท เป็นหมูส่วนขั้วตับตุ๋นจนนุ่มกำลังดีหั่นมาชิ้นใหญ่ๆเคี้ยวเต็มปากเต็มคำ มีความเคี้ยวหนึบนิดๆไม่ถึงกับนุ่มละลายในปาก ผัดกับเครื่องสมุนไพรทั้งคะไคร้ซอย/หอมแดง/ใบมะกรูดและต้นหอมหั่นท่อน ปรุงรสด้วยน้ำพริกเผาให้ออกรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ อร่อยสุดๆเลยครับจานนี้ แต่ถ้าใครชอบหมูตุ๋นที่นุ่มหน่อยอาจจะไม่ค่อยชอบ แต่ส่วนตัวว่าได้เคี้ยวดีครับ

ตามมาด้วยเมนูส้มตำที่ใส่เครื่องมาจัดเต็มที่สุดในร้านอย่าง"ตำแซ่บคูซีน"ราคา 250 บาท ยกมาถึงกับตะลึงทั้งโต๊ะเพราะชุดใหญ่มาก ประกอบด้วยตำปูปลาร้ารสแซ่บนัวรสชาติอมหวานนิดๆตรงกลางจาน ล้อมรอบด้วยไข่เยี่ยวม้าต้มแบบยางมะตูม 1 ฟองแบบผ่าครึ่ง/หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ลวก 3 ตัว/หมูยออุบลแบบติดหนังเคี้ยวอร่อยหอมพริกไทยดำ/ปลาหมึกลวก/กุ้งลวก/ปูม้าสด 1 ตัว/เส้นขนมจีน/ผักกระเฉดและถั่วงอกสดๆ ในชุดนี้สามารถเปลี่ยนส้มตำตรงกลางเป็นตำไทย/กุ้งเปลี่ยนเป็นแบบสด/ปูม้าสดเปลี่ยนเป็นปูม้าลวกได้ตามใจ ส้มตำ 1 จานได้ทานเครื่องเคียงอย่างหลากหลาย ถือว่าแซ่บคุ้มเลยครับสำหรับจานนี้ เมนูสุดแซ่บอีกจานเป็น"ตำไหลบัวกุ้งสด"เปลี่ยนเป็นกุ้งต้มได้) ราคา 100 บาท เป็นตำสายบัวแบบปลาร้านัวๆ(ใครอยากเปลี่ยนเป็นตำไทยก็สั่งได้) ที่สายบัวกรอบๆดูดตัวน้ำส้มตำเข้าไปภายในจนมีน้ำแตกในปากเวลาเคี้ยว ทานคู่กับกุ้งสด(ที่ร้านนี้ใช้กุ้งกุลาดำไม่ใช่กุ้งขาวทุกเมนู) รสชาติเปรี้ยวหวานหอมกลิ่นน้ำปลาร้ากลมกล่อม (เราสั่งแบบเผ็ดปกติไปใครอยากทานเข้มข้นหน่อยแนะนำให้สั่งเผ็ดๆนะครับ) ถือว่าเป็นเมนูส้มตำที่ทำมาได้ดีรสชาติแซ่บสมกับชื่อร้าน ตอนนี้เพื่อนๆที่มาด้วยกันถูกใจร้านนี้กันใหญ่เลยครับ

ทานของเผ็ดไปหลายจานสั่งของทานเล่นมาแก้เผ็ดกันบ้าง สั่งเป็น"ลาบหมูทอดห่อไข่แดงเค็ม"ราคา 150 บาท เป็นหมูปั่นก้อนปรุงรสลาบรสชาติเปรี้ยวหอมกลิ่นข้าวคั่วและพริกป่นตามแบบฉบับลาบอีสาน ห่อไข่แดงเค็มปั้นก้อนทอดขนาดพอดีคำ ทอดจนเนื้อหมูด่นนอกสุกส่วนไข่แดงเค็มด้านในมีความสุกฉ่ำกำลังดี ถือว่าร้านนี้ฉลาดมากเพราะหลายๆร้านปั้นหมูก้อนใหญ่แบบนี้ส่วนใหญ่ตรงกลางจะไม่สุก แถมได้รสเค็ม+มันกลมกล่อมของไข่เค็มมาช่วยให้จานนี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนร้านไหนๆเป็นอีกเมนูที่ถูกใจขาดื่มมากครับ กินส้มตำแล้วก็ต้องมี"คอหมูย่าง"ราคา 85 บาทเป็นคอหมูแท้หมักปรุงรสหวานเค็มสไตล์อีสาน ย่างจนสุกหอมถ่ายและสไลด์บางๆ ทานคู่กับน้ำสูตรแจ่วหอมมะนาวและข้าวคั่ว ส่วนตัวว่าเนื้อสไลด์บางไม่ค่อยได้เคี้ยวและน้ำจิ้มรสชาติเปรี้ยวนำไปหน่อย ถ้ากลมกล่อมกว่านี้จะดีมาก

เมนูต่อมามีอยู่ในเมนูของทางร้านหน้าอาหารปักษ์ใต้ แต่เราเป็นคนใต้ไม่เคยได้ทานมาก่อนมันคือ "พริกหยวกยัดไส้ต้มกะทิ" ราคา 125 บาท มันก็คือห่อหมกปลาที่รสชาติเข้มข้นหอมกลิ่นเครื่องแกงเผ็ดร้อน เนื้อสัมผัสนวลเนียน สอดไส้ในพริกหยวกเขียวเมล็ดใหญ่ นำไปนึ่งจนสุกนุ่มและราดด้วยกะทิหอมๆ มันก็คือห่อหมกที่เปลี่ยนจากการห่อในใบตองปกติเป็นพริกหยวกแทน แต่รสชาติเนื้อด้านในมีความเผ็ดร้อนกว่าสูตรภาคกลาง อร่อยไม่เหมือนที่ร้านไหนอีกแล้ว เห็นว่าลาบหมูทอดไข่เค็มจานเมื่อกี้อร่อย เลยสั่งเมนูไข่เค็มมาทานอีก 1 จานคือ "ปลาหมึกผัดไข่เค็ม" ราคา 150 บาท เป็นปลาหมึกไข่เค็มที่รสชาติดีตามมาตรฐาน ไม่ผัดมาน้ำนองแบบหลายๆร้าน ทำให้ตัวไข่เค็มมีการเคลือบตัวปลาหมึกและผักต่างๆมีรสหวานเค็ม ได้สัมผัสของผักกรอบๆและเนื้อหมึกนุ่มสู้ฟัน ยิ่งทานกับข้าวสวยร้อนๆเพิ่มพริกน้ำปลาอีกสักนิดหน่อย บอกเลยว่าดีงามพอตัวครับ แต่หมึกผัดไข่เค็มที่ 1 ในใจก็คือร้านมุมอร่อยนาเกลืออยู่ดี