จิตละรูป ละเจตสิค เข้าถึงนิพพาน
จิต เจตสิค รูป นิพพาน
ฉนั้นนิพพานต้องอาศัยจิตไปรู้รสนิพพาน
นิพพานมีอยู่ แต่ถ้าไม่มีจิตไปรับรู้รสนิพพาน
นิพพานก็เหมือนไม่มี
ไม่มีผู้รู้ก็ไม่มีสิ่งที่ถูกรู้
ผู้รู้เป็นสภาวะหนึ่ง
สิ่งที่ถูกรู้ก็เป็นสภาวะหนึ่ง
ทั้งสองสภาวะมีสภาพเดียวกันคือ
ไม่มีรูปพรรณสันฐาน
ไม่มีสีสันวรรณะ
เมื่อจิตละรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์
คือละรูปนามได้
ก็จะเหลือสภาวะ ที่เป็นนิพพาน คือไม่มีสิ่งปรุงแต่งใดๆๆ
ไม่มีรูป ไม่มีเจตสิค เหลือแต่สภาวะที่เรียกว่านิพพาน
เป็นสภาพที่ไม่มีรูปพรรณสันฐาน ไม่มีสีสันวรรณะ
นิพพานมีอยู่แต่ไม่มีคนเข้าถึง
มรรคมีอยู่แต่ไม่มีคนเดิน
เพราะ คนไม่ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า
คนไหนที่มีจิตคิดละตัณหาได้ ก็จะเดินไปบนทาง(มรรค) ถึง นิพพานได้
จิตละรูป ละเจตสิค เข้าถึงนิพพาน
ฉนั้นนิพพานต้องอาศัยจิตไปรู้รสนิพพาน
นิพพานมีอยู่ แต่ถ้าไม่มีจิตไปรับรู้รสนิพพาน
นิพพานก็เหมือนไม่มี
ไม่มีผู้รู้ก็ไม่มีสิ่งที่ถูกรู้
ผู้รู้เป็นสภาวะหนึ่ง
สิ่งที่ถูกรู้ก็เป็นสภาวะหนึ่ง
ทั้งสองสภาวะมีสภาพเดียวกันคือ
ไม่มีรูปพรรณสันฐาน
ไม่มีสีสันวรรณะ
เมื่อจิตละรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์
คือละรูปนามได้
ก็จะเหลือสภาวะ ที่เป็นนิพพาน คือไม่มีสิ่งปรุงแต่งใดๆๆ
ไม่มีรูป ไม่มีเจตสิค เหลือแต่สภาวะที่เรียกว่านิพพาน
เป็นสภาพที่ไม่มีรูปพรรณสันฐาน ไม่มีสีสันวรรณะ
นิพพานมีอยู่แต่ไม่มีคนเข้าถึง
มรรคมีอยู่แต่ไม่มีคนเดิน
เพราะ คนไม่ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า
คนไหนที่มีจิตคิดละตัณหาได้ ก็จะเดินไปบนทาง(มรรค) ถึง นิพพานได้