เราเป็นคนที่ชอบมีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นๆ
แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนต่างชาติ (จขกท.เป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ)
ที่ทำงานของเรามีหลากหลายชาติมาก ซึ่งแน่นอนผจก. ส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างชาติ
วันนึงเราได้มาเจอกับ ก (นามสมมุติ) ก เป็นคนต่างชาติที่จริงจังกับการทำงานมากๆ เราดีใจที่ได้ร่วมงานกับ ก
เราได้ทำงานร่วมกับ ก หลากหลายโปรเจค เวลางานมีปัญหาจะช่วยกันหาวิธีการแก้ไข ก ก็จะมีความคิดอีกแบบ เราก็จะมึความคิดอีกแบบ ซึ่งแน่นอนเราต้องมีการทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่สุดท้ายแล้วเราก็ได้ขอโทษซึ่งกันและกัน
เราได้เจอ Feedback จากเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เกี่ยวกับ ก ว่าชอบโยนงานบ้าง ต่างๆ นานา
แต่เรามองถึงโปรเจคงานที่เคยผ่านร่วมกันมา ก ก็เป็นคนต่างชาติที่โอเคสำหรับเราคนนึงเลย
เราดีใจที่มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ มันก็แปลกไปอีกแบบ แม้บางคนจะไม่ค่อยเข้าใจเรา (เพื่อนคนอื่นๆ)
วันนึงโครงสร้างมีปรับเปลี่ยน ก ได้มาเป็นหัวหน้าของส่วนงานเรา เราก็ทำงานของเราเหมือนเดิม แต่แค่ทุกอย่างเราต้องรายงานเค้าเสมอ การทำงานของเราเริ่มเปลี่ยนไป จากที่เราต้องใช้ความคิดร่วมกัน แชร์กัน กลายเป็นว่าเราต้องคิดเองและนำไปเสนอ ติดต่อประสานงาน ทำรายงาน สรุปโปรเจค ทุกอย่างคือเรา
แต่เดี๋ยวเค้าคือ ผจก. คือเพื่อน หรือ คือ..
ความรู้สึกของเราตอนนี้มีเส้นบางๆ กั้นอยู่ ระหว่างคำว่าเพื่อนกับหัวหน้า ทุกครั้งเวลาคุยงานจะจริงจังและฟีลหัวหน้าทุกครั้ง เค้าจะใช้คำพูดที่บ่งบอกเลยว่า เราคือลูกน้องเค้า ปัญหาที่เจอต่างๆ เมื่อทำโปรเจค เค้าจะถามเราอย่างเดียว ว่าทำไมไม่ติดตามแก้ไข มีปัญหาต้องแก้ ( จขกท.บอกก่อนเลยว่าการทำงานนั้นเกินเวลาไม่มีโอที บางครั้งกลับเช้า เข้าทำงานสายก็โดนว่า มีสิทธิ์หยุดก็ไม่กล้าหยุดเพราะกลัวงานไม่เสร็จ เสาร์-อาทิตย์บางทีก็ไม่ได้พักเลย ) ทุกปัญหาเราหาทางออกเสมอ ไม่ใช่ไม่หาวิธีแก้ไข แต่แค่บางครั้งเรายุ่งจนไม่มีเวลา Feedback ไป
ทุกวันนี้เราได้แต่คิดว่า จะลาออก / อยู่ต่อ
เราอึดอัดมากๆ ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยต้องอยู่ในสภาวะงานที่กดดันขนาดนี้ ความรับผิดชอบต้องสูงขนาดนี้ กับเงินเดือนที่ไม่ได้เยอะ โอทีก็ไม่ได้
(เรานึกถึงตอนเราทำงานร่วมกันตอนแชร์ความคิด แบ่งประสบการณ์ต่างๆ คือเรามองเค้าเป็นเพื่อนเราจริงๆ แต่เค้ากลับไม่ได้มองอย่างนั้นเลย)
เป็นเพื่อนๆ เลือกที่จะลาออก / อยู่ต่อครับ
อยากให้แชร์ประสบการณ์ให้จขกท. เพื่อจะได้นำไปปรับใช้ครับ
ปล.เราทั้งสองคนอายุไม่ถึง 25 ปี (แต่ขอบเขตงานต่างๆ และความรู้สึกต่อ ก นั้นเกินไปสำหรับเราจริงๆ)
เพื่อนร่วมงาน (ต่างชาติที่ตอนนี้โคตร..)
แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนต่างชาติ (จขกท.เป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ)
ที่ทำงานของเรามีหลากหลายชาติมาก ซึ่งแน่นอนผจก. ส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างชาติ
วันนึงเราได้มาเจอกับ ก (นามสมมุติ) ก เป็นคนต่างชาติที่จริงจังกับการทำงานมากๆ เราดีใจที่ได้ร่วมงานกับ ก
เราได้ทำงานร่วมกับ ก หลากหลายโปรเจค เวลางานมีปัญหาจะช่วยกันหาวิธีการแก้ไข ก ก็จะมีความคิดอีกแบบ เราก็จะมึความคิดอีกแบบ ซึ่งแน่นอนเราต้องมีการทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่สุดท้ายแล้วเราก็ได้ขอโทษซึ่งกันและกัน
เราได้เจอ Feedback จากเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เกี่ยวกับ ก ว่าชอบโยนงานบ้าง ต่างๆ นานา
แต่เรามองถึงโปรเจคงานที่เคยผ่านร่วมกันมา ก ก็เป็นคนต่างชาติที่โอเคสำหรับเราคนนึงเลย
เราดีใจที่มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ มันก็แปลกไปอีกแบบ แม้บางคนจะไม่ค่อยเข้าใจเรา (เพื่อนคนอื่นๆ)
วันนึงโครงสร้างมีปรับเปลี่ยน ก ได้มาเป็นหัวหน้าของส่วนงานเรา เราก็ทำงานของเราเหมือนเดิม แต่แค่ทุกอย่างเราต้องรายงานเค้าเสมอ การทำงานของเราเริ่มเปลี่ยนไป จากที่เราต้องใช้ความคิดร่วมกัน แชร์กัน กลายเป็นว่าเราต้องคิดเองและนำไปเสนอ ติดต่อประสานงาน ทำรายงาน สรุปโปรเจค ทุกอย่างคือเรา
แต่เดี๋ยวเค้าคือ ผจก. คือเพื่อน หรือ คือ..
ความรู้สึกของเราตอนนี้มีเส้นบางๆ กั้นอยู่ ระหว่างคำว่าเพื่อนกับหัวหน้า ทุกครั้งเวลาคุยงานจะจริงจังและฟีลหัวหน้าทุกครั้ง เค้าจะใช้คำพูดที่บ่งบอกเลยว่า เราคือลูกน้องเค้า ปัญหาที่เจอต่างๆ เมื่อทำโปรเจค เค้าจะถามเราอย่างเดียว ว่าทำไมไม่ติดตามแก้ไข มีปัญหาต้องแก้ ( จขกท.บอกก่อนเลยว่าการทำงานนั้นเกินเวลาไม่มีโอที บางครั้งกลับเช้า เข้าทำงานสายก็โดนว่า มีสิทธิ์หยุดก็ไม่กล้าหยุดเพราะกลัวงานไม่เสร็จ เสาร์-อาทิตย์บางทีก็ไม่ได้พักเลย ) ทุกปัญหาเราหาทางออกเสมอ ไม่ใช่ไม่หาวิธีแก้ไข แต่แค่บางครั้งเรายุ่งจนไม่มีเวลา Feedback ไป
ทุกวันนี้เราได้แต่คิดว่า จะลาออก / อยู่ต่อ
เราอึดอัดมากๆ ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยต้องอยู่ในสภาวะงานที่กดดันขนาดนี้ ความรับผิดชอบต้องสูงขนาดนี้ กับเงินเดือนที่ไม่ได้เยอะ โอทีก็ไม่ได้
(เรานึกถึงตอนเราทำงานร่วมกันตอนแชร์ความคิด แบ่งประสบการณ์ต่างๆ คือเรามองเค้าเป็นเพื่อนเราจริงๆ แต่เค้ากลับไม่ได้มองอย่างนั้นเลย)
เป็นเพื่อนๆ เลือกที่จะลาออก / อยู่ต่อครับ
อยากให้แชร์ประสบการณ์ให้จขกท. เพื่อจะได้นำไปปรับใช้ครับ
ปล.เราทั้งสองคนอายุไม่ถึง 25 ปี (แต่ขอบเขตงานต่างๆ และความรู้สึกต่อ ก นั้นเกินไปสำหรับเราจริงๆ)