วันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปจิบกาแฟสไตล์ Chef's Table ครั้งแรก กับบาริสต้าฝรั่งที่คอกาแฟสาย specialty หลายคนคุ้นตาจากร้านดัง หรือคนทั่วไปอาจเห็นผ่านสื่อบ้าง ตอนนี้ Nicholas หรือบาริสต้าฝรั่งคนนี้ได้เปิดคาเฟ่กาแฟของตัวเอง แต่ถ้าอยากไปนั่งจิบที่คาเฟ่ต้องจองรอบเข้าไปเท่านั้น
โดยมีวันละ 4 รอบ รอบละ 6 คน ในเวลา1 ชั่วโมงครึ่ง
เลือกรอบ
8.30 -10.00 / 10.30-12.00 / 12.30-14.00 / 14.30-16.00
เลือกราคา
2 แก้ว 900 บาท และ 3 แก้ว 1,200 บาท
ร้านอยู่ เสรี9 ไม่ไกลจาก The Nineพระราม9 ซึ่งจริงๆที่นี่เป็นทั้งโรงคั่วด้วยซึ่ง Nicholas เป็นคนคั่วกาแฟเองด้วย หน้าตาแรกที่พบตอนมาถึงเป็น feel โรงงานย่อมๆ
ตู้เมนู
เก๋ตั้งแต่เมนูหน้าร้าน ย่อรูปมาตัวหนังสืออาจไม่ชัด คร่าวๆคือเค้าบอกว่าถ้านั่งคาเฟ่ต้องจองเท่านั้น ส่วนเมนูแบบ take away สามารถกดสั่งด้วย Intercallข้างๆได้เลยว่าต้องการอะไร รอแล้วจะมีคนออกมาส่งขวดกาแฟทั้งแบบกาแฟดำ กาแฟนมที่หน้าร้าน ราคาอยู่ที่ในช่วง 120 -150 บาท
ซึ่งแดดเปรี้ยงๆไม่มีที่หลบแดดแต่อย่างใด ส่วนเราก็ยืนเด๋อๆหน้าร้านอยู่พักนึงเพราะไม่รู้จะเข้าไปยังไง สุดท้ายก็ไปกด intercallแล้วแจ้งว่าจองรอบไว้มาถึงแล้วค่ะ -*-
แล้วประตูก็ค่อยๆเปิดต้อนรับพวกเรา เข้ามาด้านในก็เห็นเครื่องคั่วตั้งอยู่หน้าคาเฟ่เลย
ภายในคาเฟ่ เป็นบาร์แล้วมีที่นั่ง 6 ที่พอดี
เมนูกาแฟที่มี เท่าที่จำได้ Flowergarden คือ drip ที่เลือกได้จะร้อนหรือเย็น เน้น floral aroma acidity รสฟรุ้งฟริ้ง
Foreplay คือ Dirty ส่วน Dirty Kitten Dirtyแบบผสมช็อคโกแลต Custom เลือกแบบที่เราชอบ Omakase ลุ้นเอาว่าบาริสต้าจะเสิร์ฟอะไรมาให้
Espresso machine เป็นแบบ under counter ของ mavam แบบทองเหลืองดู cool บาริสต้าก็ cool
แก้วแรกเราสั่ง Foreplay หรือ Dirty ซึ่งบาริสต้าบอกว่าเป็นเมล็ดเบลนจาก โคลอมเบียและคอสตาริก้า แก้วนี้ให้รสชาติอัลมอนด์เต็มปากเต็มคำ
แก้วที่2เราบอกความต้องการไป อยากลองดริปเย็นที่ทั้ง aroma และมีความฟรุตตี้เปรี้ยวสดชื่น ซึ่งบาริสต้าบอกงั้นก็ตรงกับ Flowergarden ระหว่างรอก็บดเมล็ดกาแฟมาให้เทสกลิ่น ขอบอกกลิ่นพุ่งมากๆ ได้กลิ่นแล้วฟิน
นั่งดูบาริสต้าค่อยๆทำ
เหมือนทดลองวิทยาศาสตร์อะไรซักอย่าง
มาแล้ว ice drip เสิร์ฟแก้วปากแคบเพื่อกลิ่นพุ่งๆ ทั้งๆที่เลือกแบบเย็นแต่รู้สึกสัมผัสถึง aromaของแก้วนี้ได้พอควร จิบไปรู้สึกถึงความหวานเบอร์รี่และความเปรี้ยวแทรกขึ้นมาด้วย แก้วนี้เบลนจากเมล็ดเอธิโอเปียและเคนย่า ซึ่งใช้เมล็ดเอธิโอเปียในอัตราส่วนที่มากกว่า
หลายคนอาจสงสัย ดื่มกาแฟแค่ 2-3แก้วแต่ทำไมใช้เวลาถึง1ชั่วโมงครึ่ง นั่นเพราะรอบนึงมีลูกค้า 6 คน บาริสต้าค่อยๆบรรจงทำแต่ละแก้วตามออเดอร์ พร้อมทั้งพูดคุยความรู้เกี่ยวกับกาแฟไปด้วย ซึ่งการพูดคุยได้ฝึกทั้งสกิล Speaking และ Listening อย่างดี แม้จะมีนั่งงมๆไปบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าสื่อสารกันได้ นอกจากนี้บาริสต้ายังเอาเมล็ดกาแฟมาให้เทสกลิ่นเรื่อยๆ ซึ่งมีทั้งเมล็ดเกอิชาจากโคลอมเบีย หากใครอยากลองเกอิชาก็สามารถสั่งเพิ่มได้เพราะราคา 900 และ1,200 ไม่ได้รวมเมล็ดเกอิชาไว้
ราคาจะว่าสูงก็สูง แต่ถ้าคิดถึงในแง่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนใกล้ชิดกับบาริสต้าที่มีประสบการณ์ ก็ถือว่าคุ้มทีเดียว
แถมท้าย กาแฟ latte signature แบบ take away 140 บาท สีดูจางๆ แต่รสชาตินุ่มนวลมากนะ
[CR] เปิดประสบการณ์จิบกาแฟสไตล์ Chef's table ที่ Solos Cafe
โดยมีวันละ 4 รอบ รอบละ 6 คน ในเวลา1 ชั่วโมงครึ่ง
เลือกรอบ
8.30 -10.00 / 10.30-12.00 / 12.30-14.00 / 14.30-16.00
เลือกราคา
2 แก้ว 900 บาท และ 3 แก้ว 1,200 บาท
ร้านอยู่ เสรี9 ไม่ไกลจาก The Nineพระราม9 ซึ่งจริงๆที่นี่เป็นทั้งโรงคั่วด้วยซึ่ง Nicholas เป็นคนคั่วกาแฟเองด้วย หน้าตาแรกที่พบตอนมาถึงเป็น feel โรงงานย่อมๆ
ตู้เมนู
เก๋ตั้งแต่เมนูหน้าร้าน ย่อรูปมาตัวหนังสืออาจไม่ชัด คร่าวๆคือเค้าบอกว่าถ้านั่งคาเฟ่ต้องจองเท่านั้น ส่วนเมนูแบบ take away สามารถกดสั่งด้วย Intercallข้างๆได้เลยว่าต้องการอะไร รอแล้วจะมีคนออกมาส่งขวดกาแฟทั้งแบบกาแฟดำ กาแฟนมที่หน้าร้าน ราคาอยู่ที่ในช่วง 120 -150 บาท
ซึ่งแดดเปรี้ยงๆไม่มีที่หลบแดดแต่อย่างใด ส่วนเราก็ยืนเด๋อๆหน้าร้านอยู่พักนึงเพราะไม่รู้จะเข้าไปยังไง สุดท้ายก็ไปกด intercallแล้วแจ้งว่าจองรอบไว้มาถึงแล้วค่ะ -*-
แล้วประตูก็ค่อยๆเปิดต้อนรับพวกเรา เข้ามาด้านในก็เห็นเครื่องคั่วตั้งอยู่หน้าคาเฟ่เลย
ภายในคาเฟ่ เป็นบาร์แล้วมีที่นั่ง 6 ที่พอดี
เมนูกาแฟที่มี เท่าที่จำได้ Flowergarden คือ drip ที่เลือกได้จะร้อนหรือเย็น เน้น floral aroma acidity รสฟรุ้งฟริ้ง
Foreplay คือ Dirty ส่วน Dirty Kitten Dirtyแบบผสมช็อคโกแลต Custom เลือกแบบที่เราชอบ Omakase ลุ้นเอาว่าบาริสต้าจะเสิร์ฟอะไรมาให้
Espresso machine เป็นแบบ under counter ของ mavam แบบทองเหลืองดู cool บาริสต้าก็ cool
แก้วแรกเราสั่ง Foreplay หรือ Dirty ซึ่งบาริสต้าบอกว่าเป็นเมล็ดเบลนจาก โคลอมเบียและคอสตาริก้า แก้วนี้ให้รสชาติอัลมอนด์เต็มปากเต็มคำ
แก้วที่2เราบอกความต้องการไป อยากลองดริปเย็นที่ทั้ง aroma และมีความฟรุตตี้เปรี้ยวสดชื่น ซึ่งบาริสต้าบอกงั้นก็ตรงกับ Flowergarden ระหว่างรอก็บดเมล็ดกาแฟมาให้เทสกลิ่น ขอบอกกลิ่นพุ่งมากๆ ได้กลิ่นแล้วฟิน
นั่งดูบาริสต้าค่อยๆทำ
เหมือนทดลองวิทยาศาสตร์อะไรซักอย่าง
มาแล้ว ice drip เสิร์ฟแก้วปากแคบเพื่อกลิ่นพุ่งๆ ทั้งๆที่เลือกแบบเย็นแต่รู้สึกสัมผัสถึง aromaของแก้วนี้ได้พอควร จิบไปรู้สึกถึงความหวานเบอร์รี่และความเปรี้ยวแทรกขึ้นมาด้วย แก้วนี้เบลนจากเมล็ดเอธิโอเปียและเคนย่า ซึ่งใช้เมล็ดเอธิโอเปียในอัตราส่วนที่มากกว่า
หลายคนอาจสงสัย ดื่มกาแฟแค่ 2-3แก้วแต่ทำไมใช้เวลาถึง1ชั่วโมงครึ่ง นั่นเพราะรอบนึงมีลูกค้า 6 คน บาริสต้าค่อยๆบรรจงทำแต่ละแก้วตามออเดอร์ พร้อมทั้งพูดคุยความรู้เกี่ยวกับกาแฟไปด้วย ซึ่งการพูดคุยได้ฝึกทั้งสกิล Speaking และ Listening อย่างดี แม้จะมีนั่งงมๆไปบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าสื่อสารกันได้ นอกจากนี้บาริสต้ายังเอาเมล็ดกาแฟมาให้เทสกลิ่นเรื่อยๆ ซึ่งมีทั้งเมล็ดเกอิชาจากโคลอมเบีย หากใครอยากลองเกอิชาก็สามารถสั่งเพิ่มได้เพราะราคา 900 และ1,200 ไม่ได้รวมเมล็ดเกอิชาไว้
ราคาจะว่าสูงก็สูง แต่ถ้าคิดถึงในแง่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนใกล้ชิดกับบาริสต้าที่มีประสบการณ์ ก็ถือว่าคุ้มทีเดียว
แถมท้าย กาแฟ latte signature แบบ take away 140 บาท สีดูจางๆ แต่รสชาตินุ่มนวลมากนะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้