เสียงฝีเท้าอันฉกาจฉกรรจ์เหยียบย้ำผืนหญ้ามาอย่างว่องไว ราวกับเจ้าของฝีเท้าผู้นั้นกำลังหลบหนีผู้ใดผู้หนึ่ง
เด็กน้อยวัยสิบขวบในชุดอันสกปรกและขาดวิ่นวิ่งฝ่าต้นหญ้ามุ่งเข้าสู่ป่ารกชัดด้วยทีท่าตระหนก เด็กชายผู้นี้มีนามว่า ลี่หยุน เขากำลังหลบหนีการไล่ล่าของจอมมารผู้ชั่วร้ายซึ่งหมายจะเอาชีวิต
ลี่หยุนหลบหลีกเข้าป่าหมายใช้ต้นไม้อันสูงใหญ่บดบังกายา เด็กน้อยซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบอันมีพุ่มไม้ปกคลุม
บัดดลกันนั้น บังเกิดเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงกลัวก้องไปทั่วป่า ตามด้วยร่างแห่งจอมมารเหินทะยานผ่านแนวต้นไม้มาอย่างช้าๆด้วยวรยุทธ์อันล้ำลึกพลางสอดส่ายสายตามองหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
" ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า ลี่หยุน.... เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย หากแม้นข้าจับเจ้าได้เมื่อใด ร่างเจ้าจะแหลกเป็นชิ้นๆ "
โดยมิทันระวัง ลี่หยุนขยับกาย ยังผลให้พุ่มไม้สั่นไหว จอมมารรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหว ณ ที่แห่งนั้นมันจึงควงร่างพุ่งกายไปยังจุดหมายในทันที ลี่หยุนเผยกายกระโจนออกแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต จอมมารลั่นหัวเราะพลางพุ่งตัวติดตามลี่หยุนมาอย่างต่อเนื่อง แต่แล้ว โชคร้ายก็มาเยือน ลี่หยุนสะดุดขอนไม้ล้มลงแล้วถลาไถลไปตามผืนหญ้า จอมมารโถมกายเข้าหาอย่างฉับพลัน ฝ่ามืออันเกรี้ยวกราดของมันโหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ยั้ง
ครากระนั้นเอง...
พลันบังเกิดเกลียวร่างสีทองอร่ามตาพุ่งสอดด้ามกระบี่ปัดฝ่ามือจอมมารออก พร้อมซัดพลังปราณเข้าใส่กลางอกจนร่างจอมมารควงทะยานกลับลอยละลิ่วพุ่งชนต้นไม้หักโค่นลงต้นหนึ่ง
จอมมารกลิ้งไถลไปตามพื้นอยู่ครู่ ก่อนจะทรงตัวลุกขึ้นด้วยโลหิตกระอักปาก มือของมันกุมกระชับแน่นไว้กลางอก
" เจ้า... เจ้าเป็นผู้ใดกัน บังอาจลอบทำร้ายข้า "
สายตาจอมมารจ้องมายังบุรุษร่างสูงสง่าในชุดเสื้อเกราะสีทองอร่ามตาอย่างขุนศึกจากเมืองหลวง บุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าคมสันห้าวหาญได้เอ่ยปากตอบไป
" ข้าเป็นใครไม่สำคัญ แต่เจ้า... ทำร้ายเด็กไร้ทางสู้มิสมเป็นผู้เยี่ยมวรยุทธ์ "
" โอหัง... ปากดีนัก ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึกว่ากำลังพูดอยู่กับผู้ใด "
ลี่หยุนจ้องมองดูชายในชุดขุนศึกด้วยสายตาอ่อนโยน ชายผู้นั้นลดตัวลงพลางลูบศีรษะลี่หยุนคราหนึ่งจึงว่า
" ข้าจะช่วยขจัดความหวาดกลัวให้เจ้าเอง บุรุษน้อย "
ฉับพลัน จอมมารถีบทะยานร่างขึ้นฟ้าพลางเผยฝ่ามือทั้งสองออก ขุนศึกรูปงามยืดตัวตรงก่อนหันขวับมาพลางยื่นแขนขวาออกรับฝ่ามือจอมมารไว้พลางตวัดร่างจอมมารให้ลอยละลิ่วออกไป ก่อนจะร่ายกระบี่ทั้งฝักเข้าหา
สองวรยุทธ์เข้าห้ำหั่นกันด้วยลีลาเหี้ยมหาญ ลี่หยุนจ้องมองดูด้วยความสะพรึงกลัว เพลงยุทธ์ดำเนินไปไม่นาน จอมมารมิอาจต้านทานกำลังอันกล้าแกร่งแห่งขุนศึกได้จึงพลาดท่า ขุนศึกควงร่างขึ้นสู่เบื้องบนพลางโลมพลังฝ่ามืออันหนักหน่วงเข้าใส่ที่กลางกระหม่อมของจอมมารอย่างแรง
พลังปราณถ่ายทอดลงสู่เบื้องล่าง ยังผลให้จอมมารนัยน์ตาเหลือกค้างเป็นสีขาว โลหิตทะลักพรั่งพรูออกจากทวารทั้งเจ็ดอย่างสยดสยอง ลี่หยุนยกมือขึ้นปิดตาของตนเองแน่น ขุนศึกร่อนกายลงสู่พื้นพลางผ่อนพลังปราณลง เขาสามารถกำจัดจอมมารผู้โฉดเขลาได้โดยที่กระบี่ยังไม่ออกจากฝัก เขาลดตัวลงข้างๆลี่หยุนพลางปลอบโยนเด็กน้อยให้คลายความหวาดกลัว
" เจ้าเป็นอิสระแล้ว บ้านเจ้าอยู่ที่ใด ข้าจะไปส่ง "
บุรุษน้อยส่ายหน้าพลางส่งสายตาเว้าวอน
" ข้าไม่มีบ้าน "
" แล้วบิดามารดาของเจ้าละ "
" ไม่มี... ข้าถูกจอมมารจับมาตั้งแต่เล็กๆ "
" เช่นนั้นข้าก็จนปัญญา "
ขุนศึกกล่าวจบก็ยืดตัวขึ้น ลี่หยุนจ้องมองเขาคราหนึ่งจึงเอ่ย
" ให้ข้าติดตามท่านไปเถิด "
" ไม่ได้หรอก... มันอันตรายมาก "
" ได้โปรดเถิดท่านขุนศึก ข้าน้อยยินดีเป็นทาสรับใช้ของท่าน ข้าน้อยไม่มีที่ไปอีกแล้ว "
ขุนศึกจ้องมองแววตาอันไร้เดียวสาและน่าสงสารของเด็กน้อยผู้นั้นด้วยความสับสนในจิตใจพลางคิด
..... เด็กน้อยผู้นี้ยังเล็กนัก หากแม้นเราจะปล่อยให้เขาต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนเผชิญโชคชะตาไปอย่างไร้จุดหมายคงไม่ได้.....
" ก็ได้... ข้าจะให้เจ้าติดตามข้าไปสักระยะหนึ่ง "
เด็กน้อยเผยยิ้มออกมาอย่างร่าเริง และแล้ว ลี่หยุนกับขุนศึกก็มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงอันเป็นจุดหมายปลายทางซึ่งขุนศึกรูปงามจะต้องไปปฏิบัติภาระกิจอันสำคัญ
ในค่ำคืนวันนั้น ทั้งสองก็พักค้างแรมที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ภายในห้องอันคับแคบราวกับห้องเก็บฟืนนั้น ขุนศึกให้ลี่หยุนนอนบนเตียง ส่วนตัวเขาเองก็เสียสละที่จะนอนบนเก้าอี้ที่เอามาเรียงต่อกัน ลี่หยุนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของขุนศึกยิ่งนัก เขาลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินมายังขุนศึกซึ่งกำลังเอนกายหลับใหลอย่างสงบ
ลี่หยุนจ้องมองดวงหน้าของบุรุษรูปงามผู้นั้นด้วยจิตใจอันปั่นป่วน เขาดูคมเข้มและมีเสน่ห์ชวนหลงใหล องอาจห้าวหาญและสง่างามราวกับเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ ความรู้สึกของลี่หยุนนั้นล้วงรู้ว่าชายหนุ่มฉกรรจ์ผู้นี้ยังไม่หลับสนิท ดังนั้น เขาจึงเอ่ยปากไปว่า
" น... ท่านขอรับ "
ขุนศึกตอบกลับมาในขณะที่ยังหลับตานั้นว่า
" มีเรื่องอะไรหรือ "
ขุนศึกลืมตาขึ้นมองเด็กน้อยผู้นั้น
" ข้า... ข้าขอบคุณท่านมากที่ท่านช่วยชีวิตข้า "
" ไม่เป็นไรหรอก "
ลี่หยุนก้มหน้าลง ดวงตาทั้งคู่ของเขามีน้ำตาคลออยู่จนเต็ม ขุนศึกหนุ่มผุดลุกขึ้นพลางพยุงร่างลี่หยุนขึ้นนั่งบนเก้าอี้พลางถามอีก
" เจ้าร้องไห้ทำไม คิดถึงบ้านใช่ไหม "
ลี่หยุนส่ายหน้า เขาจ้องมองดวงตาขุนศึกผู้นั้นพลางกล่าว
" ยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะบอกท่าน "
" เรื่องอะไรเหรอ "
" ข้าถูกจอมมารข่มเหง "
" อะไรนะ !! "
ดวงตาทั้งคู่ของขุนศึกเบิกโพลง เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเด็กน้อยผู้นี้ได้
ลี่หยุนกับขุนศึก : เรื่องสั้นวาย โดย ด๋ง
เด็กน้อยวัยสิบขวบในชุดอันสกปรกและขาดวิ่นวิ่งฝ่าต้นหญ้ามุ่งเข้าสู่ป่ารกชัดด้วยทีท่าตระหนก เด็กชายผู้นี้มีนามว่า ลี่หยุน เขากำลังหลบหนีการไล่ล่าของจอมมารผู้ชั่วร้ายซึ่งหมายจะเอาชีวิต
ลี่หยุนหลบหลีกเข้าป่าหมายใช้ต้นไม้อันสูงใหญ่บดบังกายา เด็กน้อยซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบอันมีพุ่มไม้ปกคลุม
บัดดลกันนั้น บังเกิดเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงกลัวก้องไปทั่วป่า ตามด้วยร่างแห่งจอมมารเหินทะยานผ่านแนวต้นไม้มาอย่างช้าๆด้วยวรยุทธ์อันล้ำลึกพลางสอดส่ายสายตามองหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
" ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า ลี่หยุน.... เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย หากแม้นข้าจับเจ้าได้เมื่อใด ร่างเจ้าจะแหลกเป็นชิ้นๆ "
โดยมิทันระวัง ลี่หยุนขยับกาย ยังผลให้พุ่มไม้สั่นไหว จอมมารรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหว ณ ที่แห่งนั้นมันจึงควงร่างพุ่งกายไปยังจุดหมายในทันที ลี่หยุนเผยกายกระโจนออกแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต จอมมารลั่นหัวเราะพลางพุ่งตัวติดตามลี่หยุนมาอย่างต่อเนื่อง แต่แล้ว โชคร้ายก็มาเยือน ลี่หยุนสะดุดขอนไม้ล้มลงแล้วถลาไถลไปตามผืนหญ้า จอมมารโถมกายเข้าหาอย่างฉับพลัน ฝ่ามืออันเกรี้ยวกราดของมันโหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ยั้ง
ครากระนั้นเอง...
พลันบังเกิดเกลียวร่างสีทองอร่ามตาพุ่งสอดด้ามกระบี่ปัดฝ่ามือจอมมารออก พร้อมซัดพลังปราณเข้าใส่กลางอกจนร่างจอมมารควงทะยานกลับลอยละลิ่วพุ่งชนต้นไม้หักโค่นลงต้นหนึ่ง
จอมมารกลิ้งไถลไปตามพื้นอยู่ครู่ ก่อนจะทรงตัวลุกขึ้นด้วยโลหิตกระอักปาก มือของมันกุมกระชับแน่นไว้กลางอก
" เจ้า... เจ้าเป็นผู้ใดกัน บังอาจลอบทำร้ายข้า "
สายตาจอมมารจ้องมายังบุรุษร่างสูงสง่าในชุดเสื้อเกราะสีทองอร่ามตาอย่างขุนศึกจากเมืองหลวง บุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าคมสันห้าวหาญได้เอ่ยปากตอบไป
" ข้าเป็นใครไม่สำคัญ แต่เจ้า... ทำร้ายเด็กไร้ทางสู้มิสมเป็นผู้เยี่ยมวรยุทธ์ "
" โอหัง... ปากดีนัก ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึกว่ากำลังพูดอยู่กับผู้ใด "
ลี่หยุนจ้องมองดูชายในชุดขุนศึกด้วยสายตาอ่อนโยน ชายผู้นั้นลดตัวลงพลางลูบศีรษะลี่หยุนคราหนึ่งจึงว่า
" ข้าจะช่วยขจัดความหวาดกลัวให้เจ้าเอง บุรุษน้อย "
ฉับพลัน จอมมารถีบทะยานร่างขึ้นฟ้าพลางเผยฝ่ามือทั้งสองออก ขุนศึกรูปงามยืดตัวตรงก่อนหันขวับมาพลางยื่นแขนขวาออกรับฝ่ามือจอมมารไว้พลางตวัดร่างจอมมารให้ลอยละลิ่วออกไป ก่อนจะร่ายกระบี่ทั้งฝักเข้าหา
สองวรยุทธ์เข้าห้ำหั่นกันด้วยลีลาเหี้ยมหาญ ลี่หยุนจ้องมองดูด้วยความสะพรึงกลัว เพลงยุทธ์ดำเนินไปไม่นาน จอมมารมิอาจต้านทานกำลังอันกล้าแกร่งแห่งขุนศึกได้จึงพลาดท่า ขุนศึกควงร่างขึ้นสู่เบื้องบนพลางโลมพลังฝ่ามืออันหนักหน่วงเข้าใส่ที่กลางกระหม่อมของจอมมารอย่างแรง
พลังปราณถ่ายทอดลงสู่เบื้องล่าง ยังผลให้จอมมารนัยน์ตาเหลือกค้างเป็นสีขาว โลหิตทะลักพรั่งพรูออกจากทวารทั้งเจ็ดอย่างสยดสยอง ลี่หยุนยกมือขึ้นปิดตาของตนเองแน่น ขุนศึกร่อนกายลงสู่พื้นพลางผ่อนพลังปราณลง เขาสามารถกำจัดจอมมารผู้โฉดเขลาได้โดยที่กระบี่ยังไม่ออกจากฝัก เขาลดตัวลงข้างๆลี่หยุนพลางปลอบโยนเด็กน้อยให้คลายความหวาดกลัว
" เจ้าเป็นอิสระแล้ว บ้านเจ้าอยู่ที่ใด ข้าจะไปส่ง "
บุรุษน้อยส่ายหน้าพลางส่งสายตาเว้าวอน
" ข้าไม่มีบ้าน "
" แล้วบิดามารดาของเจ้าละ "
" ไม่มี... ข้าถูกจอมมารจับมาตั้งแต่เล็กๆ "
" เช่นนั้นข้าก็จนปัญญา "
ขุนศึกกล่าวจบก็ยืดตัวขึ้น ลี่หยุนจ้องมองเขาคราหนึ่งจึงเอ่ย
" ให้ข้าติดตามท่านไปเถิด "
" ไม่ได้หรอก... มันอันตรายมาก "
" ได้โปรดเถิดท่านขุนศึก ข้าน้อยยินดีเป็นทาสรับใช้ของท่าน ข้าน้อยไม่มีที่ไปอีกแล้ว "
ขุนศึกจ้องมองแววตาอันไร้เดียวสาและน่าสงสารของเด็กน้อยผู้นั้นด้วยความสับสนในจิตใจพลางคิด
..... เด็กน้อยผู้นี้ยังเล็กนัก หากแม้นเราจะปล่อยให้เขาต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนเผชิญโชคชะตาไปอย่างไร้จุดหมายคงไม่ได้.....
" ก็ได้... ข้าจะให้เจ้าติดตามข้าไปสักระยะหนึ่ง "
เด็กน้อยเผยยิ้มออกมาอย่างร่าเริง และแล้ว ลี่หยุนกับขุนศึกก็มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงอันเป็นจุดหมายปลายทางซึ่งขุนศึกรูปงามจะต้องไปปฏิบัติภาระกิจอันสำคัญ
ในค่ำคืนวันนั้น ทั้งสองก็พักค้างแรมที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ภายในห้องอันคับแคบราวกับห้องเก็บฟืนนั้น ขุนศึกให้ลี่หยุนนอนบนเตียง ส่วนตัวเขาเองก็เสียสละที่จะนอนบนเก้าอี้ที่เอามาเรียงต่อกัน ลี่หยุนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของขุนศึกยิ่งนัก เขาลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินมายังขุนศึกซึ่งกำลังเอนกายหลับใหลอย่างสงบ
ลี่หยุนจ้องมองดวงหน้าของบุรุษรูปงามผู้นั้นด้วยจิตใจอันปั่นป่วน เขาดูคมเข้มและมีเสน่ห์ชวนหลงใหล องอาจห้าวหาญและสง่างามราวกับเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ ความรู้สึกของลี่หยุนนั้นล้วงรู้ว่าชายหนุ่มฉกรรจ์ผู้นี้ยังไม่หลับสนิท ดังนั้น เขาจึงเอ่ยปากไปว่า
" น... ท่านขอรับ "
ขุนศึกตอบกลับมาในขณะที่ยังหลับตานั้นว่า
" มีเรื่องอะไรหรือ "
ขุนศึกลืมตาขึ้นมองเด็กน้อยผู้นั้น
" ข้า... ข้าขอบคุณท่านมากที่ท่านช่วยชีวิตข้า "
" ไม่เป็นไรหรอก "
ลี่หยุนก้มหน้าลง ดวงตาทั้งคู่ของเขามีน้ำตาคลออยู่จนเต็ม ขุนศึกหนุ่มผุดลุกขึ้นพลางพยุงร่างลี่หยุนขึ้นนั่งบนเก้าอี้พลางถามอีก
" เจ้าร้องไห้ทำไม คิดถึงบ้านใช่ไหม "
ลี่หยุนส่ายหน้า เขาจ้องมองดวงตาขุนศึกผู้นั้นพลางกล่าว
" ยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะบอกท่าน "
" เรื่องอะไรเหรอ "
" ข้าถูกจอมมารข่มเหง "
" อะไรนะ !! "
ดวงตาทั้งคู่ของขุนศึกเบิกโพลง เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเด็กน้อยผู้นี้ได้