สวัสดีครับ กลับมาพบกันกับตอนที่สอง ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านนะครับ ผมเป็นนักเขียนหน้าใหม่ในถนนนักเขียนนี้ ยังต้องการคำติชมไปใช้พัฒนาตนเองอยู่ ฝากติดตามด้วยครับ ขอบคุณครับ
.................................................................
ข้าตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกหิวจนไส้กิ่ว ฟ้าไม่สว่าง แต่บนเมฆกลับมีแสงอาทิตย์ลอดออกมาเล็กน้อย พอจะบอกให้รู้ได้ว่าตอนนี้เช้าแล้ว แค่บรรยากาศในดินแดนปีศาจอึมครึมตลอดเวลาก็เท่านั้น
บนโต๊ะทำงานในห้องมีถาดอาหารวางอยู่ แม้จะอยู่ห่างกันในระดับหนึ่ง แต่ข้าก็ได้กลิ่นหอมฉุยของอาหารลอยมาแตะจมูก จึงเดินไปที่โต๊ะและเปิดฝาออก มีซุปร้อนพร้อมขนมปังเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ วางอยู่ภายใน คงจะมีคนเอามาวางไว้ระหว่างที่ข้าหลับ
ข้าจัดการอาหารทันทีโดยไม่สนว่าตัวเองยังไม่ได้แปรงฟัน และไม่สนว่าในอาหารจะมียาพิษหรือไม่ เมื่อดับความหิวโหยได้ก็เดินไปที่ประตูระเบียง ธงลายดวงอาทิตย์ยังคงตั้งอยู่เกือบสุดสายตา แปลว่าพวกเขายังไม่เริ่มออกเดินทาง เป็นความโชคดีที่ข้าจะได้โอกาสจับจอมมารทำสามี!
ข้าเดินสำรวจภายในห้องต่อ หนังสือที่ถูกรื้อเมื่อคืนขึ้นไปวางเรียงเป็นระเบียบบนชั้นได้อย่างไรก็ไม่ทราบ โชคดีที่ปีศาจกับมนุษย์ใช้ภาษาเดียวกัน ข้าจึงได้เห็นว่าบนชั้นมีหนังสือเกี่ยวกับอะไรบ้าง ชั้นบนสุดเป็นบันทึกการเมืองการปกครองโลกปีศาจ ทุกเล่มมีรายชื่อจอมมารแต่ละรุ่นเขียนไว้ ซึ่งข้าจำได้เฉพาะบางตนที่มีชื่อเสียงเรื่องความชั่วร้ายแบบสุดๆ เท่านั้น ชั้นรองลงมาเป็นกฎข้อบังคับของจอมมาร ไล่สายตาดูก็พบว่ามีถึงแปดเล่มทีเดียว ส่วนชั้นรองลงมาอีกเป็นหนังสือแบบที่ไม่มีชื่อเขียนอยู่ที่สันปก ข้าหยิบออกมาดูก็พบว่าไม่มีชื่ออยู่ที่หน้าปกเช่นกัน รวมถึงไม่มีเนื้อหาอะไรอยู่ภายในด้วย เป็นเพียงหนังสือเปล่าๆ ไร้ตัวอักษร
“สาระแนนัก” เสียงคุ้นหูดังจากด้านหลัง ทำข้าสะดุ้งโหยง
“อุ้ย!...เอ่อ...อ่า...มาหาข้าเหรอ” ข้าทักทายหน้าเหรอหรา ก่อนจะส่งยิ้มให้เพราะคนๆ นั้นคือจอมมารสุดที่รักนั่นเอง
เขาจ้องข้าด้วยแววตาแข็งกระด้าง “นี่ห้องนอนข้า ข้าจะมาทำอะไรก็เรื่องของข้า”
“อ้อ! จะว่าไป เมื่อคืนท่านนอนที่ไหนน่ะ” ข้าถาม แล้วเดินเข้าไปอยู่ใกล้ๆ เขา น่าเสียดายที่ตอนนี้จอมมารไม่ได้เปลือยท่อนบนอย่างเก่าแล้ว เขาสวมเสื้อติดกระดุมสีดำแดง แม้จะไม่ยั่วยวนเท่าตอนถอด แต่ก็ถือว่ายังทรงเสน่ห์ไม่เบา
“ข้าไม่ได้นอน ประชุมจนถึงเช้า” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะใช้มือดันไหล่ข้าให้ถอยออกห่าง แต่ข้ากลับจับมือเขาเลื่อนให้ต่ำลงมาจนเกือบถึงเนินอก ทำเอาจอมมารชักมือกลับแทบไม่ทัน
ข้าหัวเราะคิกคัก “อะไรกัน...ไม่ชอบเหรอ”
“อ...อ่า..” อีกฝ่ายอึกอัก ข้าสังเกตว่าเขาหน้าแดงอีกแล้ว “เจ้าอย่าทำตัวแบบนี้ได้ไหม เป็นเจ้าหญิงประสาอะไรให้ท่าผู้ชายแบบนี้...แถมข้ายังเป็นจอมมารผู้ชั่วร้ายที่สุดในแผ่นดินอีก เจ้าต้องกลัว ขัดขืน ไม่กล้าสบตา แล้วก็หาทางหนีไปจากที่นี่สิ!” จอมมารพูดเสียงดัง
“เฮ้อ...อะไรกัน สาบานสิว่าถ้าข้าขัดขืน เจ้าจะไม่ใช้กำลัง” ข้าบ่นเสียงหงุดหงิด “ทำไมชีวิตต้องยุ่งยากขนาดนั้นด้วย ข้าชอบเจ้านะ อยากมีอะไรกับเจ้า เจ้าเองก็พูดตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าอยากได้ตัวข้า ก็นี่ไงเล่า...ทุกอย่างง่ายดาย ข้าสมยอม พร้อมรับทุกท่วงท่าที่เจ้าจะมอบให้ แต่ถ้าเจ้าชอบอารมณ์ตื่นเต้นเร้าใจล่ะก็ข้าจะแกล้งขัดขืนให้ ในชั้นเรียนเจ้าหญิงมีสอนวิชาการแสดงด้วยนะ...อุ๊บ!” ข้าพูดไม่ทันจบ จอมมารก็ปิดปากข้าไว้ก่อนจะลากมาที่ประตูระเบียง
“นั่น เห็นนั่นไหม” เขาพยักพเยิดไปทางค่ายชั่วคราวของทหารอาณาจักรข้าที่อยู่ไกลออกไป “นั่นคือพวกทหารจากอาณาจักรรุ่งอรุณ พวกเขากำลังมาช่วยเจ้าตามแผนของข้าเป๊ะๆ หนึ่งในนั้นมีองค์ชายลูเซียส พี่ชายเจ้าที่เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคมาด้วย นอกจากนั้นก็มีพวกยอดฝีมือ นักล่าปีศาจ และกองทหารชั้นสูงกว่าร้อยชีวิตถูกส่งมาเพื่อเจ้าหญิงเพียงคนเดียว ตอนนี้ที่อาณาจักรของเจ้านั้นอ่อนแอ ไร้ซึ่งกำลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งพอ ส่วนข้ามีกองกำลังอมนุษย์ที่พร้อมจะบุกไปที่นั่นทั้งทางอากาศ ทางน้ำ และใต้ดิน บ้านเกิดเจ้าจะถูกยึดครองโดยเหล่าปีศาจ ซึ่งทั้งหมดนี่เป็นแผนของข้าผู้ชั่วร้าย แล้วเจ้า...”
“อู้ว อ้า ตื่นเต้นจัง” ข้าเอ่ย พลางกลอกตาไปมา “เห็นข้าโง่เง่านักหรือไร ถึงจะได้ดูแผนพวกนี้ไม่ออก”
จอมมารสะดุ้ง “จ...เจ้า...ไม่ตกใจกลัวหน่อยหรือ” เขาถามเสียงประหลาดใจ
“คิดว่าข้าตั้งฉายากุหลาบซ่อนหนามขึ้นมาเองอย่างนั้นหรือ ถึงอยู่แดนปีศาจก็น่าจะรู้สิ ว่าข้าได้เป็นเสนาธิการหญิงเคียงคู่กองทหารของเสด็จพี่ตั้งแต่อายุสิบสาม! จากแคว้นเล็กๆ เมื่อหลายสิบปีก่อน ปัจจุบันกลายเป็นอาณาจักรใหญ่ มีเมืองอาณานิคมมากมายคอยส่งบรรณาการให้ กว่าครึ่งมันมาจากฝีมือข้าทั้งนั้น!” ข้าอวดสรรพคุณเสียงหนักแน่น พลางถือโอกาสเอนหัวซบไหล่แกร่งของจอมมารไปด้วย “แผนง่ายๆ แค่นี้ ต่อให้พ่อของข้าดูไม่ออก แต่ข้ากับพี่ชายใช่ว่าจะเป็นเช่นเดียวกัน...อย่าได้ดูถูกมันสมองมนุษย์เชียวนะจอมมาร”
“เหอะ! มองออกแล้วจะเป็นอย่างไรกัน สุดท้ายแล้วมันก็เป็นไปตามแผนข้า พี่ชายเจ้าอยู่ในค่ายนั่น กำลังจะเคลื่อนกำลังพลมาช่วยเจ้า แต่กว่าจะฝ่าป่ามนตราที่เต็มไปด้วยอันตรายมาถึงกำแพงเมืองปีศาจได้อาณาจักรรุ่งอรุณก็พินาศหมดแล้ว รู้เอาไว้!”
“แล้วกว่าพี่ชายข้าจะมาถึง...ข้าจะได้เป็นเมียท่านก่อนไหม?” ข้าถาม ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นจุมพิตเบาๆ ที่คอของเขา แม้มันจะเต็มไปด้วยเกล็ดแข็ง แต่สัมผัสของข้าบอกว่ามันไม่ได้เลวร้ายเลย มันเหมือนได้ประทับริมฝีปากลงบนถ้วยน้ำชาอุ่นๆ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น มันให้ความรู้สึกที่ดี และกลิ่นแห่งบุรุษก็รัญจวนใจจนข้าเผลอครางออกมาเบาๆ
จอมมารผงะถอยหลังไป “อีกแล้ว! เจ้าล่วงเกินข้าอีกแล้วนะองค์หญิงแพททริเซีย!!” เขาตะคอก “แล้วผู้หญิงสูงศักดิ์ประสาอะไร พูดคำว่า ‘เมีย’ ออกมาได้เต็มปากเต็มคำ”
ข้าหัวเราะร่า “ฮ่าๆ เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินบุรุษสักคนพูดว่าตัวเองถูกล่วงเกินนี่ล่ะ...แล้วถ้าไม่ใช้คำว่า ‘เมีย’ ข้าควรพูดคำว่าอะไรดีล่ะท่านจอมมาร?”
“อ่า...เอ่อ...ชายาล่ะมั้ง หรือไม่ก็คนรัก ภรรยา หรือ...เอ่อ...” เขาทำท่านึกอย่างยากลำบาก ทำข้าหัวเราะอีกครั้ง
“คิกๆๆ แค่ชายาก็ผิดแล้ว มันเป็นราชาศัพท์ หมายถึงเมียน้อย จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าเป็นกษัตริย์ ส่วนคำอื่นๆ นั่นตัดทิ้งไปได้เลย คนรักอาจหมายถึงคนที่ชอบพอกันแล้วคบหากัน ส่วนภรรยาก็พอได้ แต่มันไม่สะใจเท่าไร ถ้าเจ้าเรียกข้าว่า ‘เมีย’ มันหมายถึงว่าเราน่ะ...อุ๊บ!”
“หยุดเลย! ข้าล้มเลิกความคิดที่จะได้กับเจ้าตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” เขาบอก โดยใช้มือปิดปากข้าไว้แน่น
“อำไออันอ่ะ” ข้าถามเสียงอู้อี้
“เพราะเจ้าไม่ใช่ตัวประกันในฝันของจอมมารอย่างไรเล่า สิ่งที่ข้าต้องการคือหญิงงามที่สะอาดบริสุทธิ์ ดิ้นเก่ง ขัดขืนทุกครั้งที่ข้าแตะต้องตัว เหมือนอย่างที่ในหนังสือบอกไว้!” เขาว่า แล้วลากข้าไปยังชั้นหนังสือ ก่อนจะหยิบ ‘คู่มือจอมมารขั้นพื้นฐาน เขียนโดยอาจารย์ปีศาจแห่งลุ่มแม่น้ำดำ’ มาเปิดให้ข้าดู
ข้าเพ่งมองเนื้อหาในหนังสือ ก่อนจะอ่านออกเสียง “...หนึ่งในวัฒนธรรมของจอมมารผู้ยิ่งใหญ่คือการลักพาตัวเจ้าหญิง หรือหญิงงามแห่งแผ่นดินมนุษย์มาที่แดนปีศาจเพื่อเป็นตัวประกัน เพราะตามหลักแล้วมันจะเป็นการสร้างฐานความชั่วร้ายและขยายความฉาวโฉ่ได้เร็วที่สุด เมื่อลักพาตัวมาสำเร็จ สิ่งที่ต้องทำได้แก่นำมากักตัวไว้อย่างดี หรือนำไปขังในคุก เรื่อยไปจนถึงการขืนใจ ยิ่งทำให้ตัวประกันทรมานร่างกายและจิตใจได้เท่าไร ก็จะยิ่งเป็นการสืบสานวัฒนธรรมให้แข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น...”
จอมมาปิดหนังสือ “อาจารย์ปีศาจบอกว่าต้องขืนใจ ให้ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ...แต่ข้าขืนใจเจ้าไม่ได้ เพราะเจ้าคิดจะสมยอม” เขาว่าด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย “หนังสือไม่มีบอกว่าหากเกิดกรณีนี้ขึ้นต้องทำอย่างไร ข้าก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ...”
“ทำตามเสียงหัวใจสิ เจ้ามีหัวใจหรือเปล่าล่ะ” ข้าแทรก “แล้วถ้าไม่ปฏิบัติตามในหนังสือจะเป็นอะไรไปเล่า มีใครบอกไหมว่าหากฝ่าฝืนจะต้องมีอันเป็นไป”
“อ่า...ก็ไม่มีนะ” เขาตอบ “แต่เสียงหัวใจข้ามันบอกว่าไม่ชอบเจ้า เจ้ามันแปลกมนุษย์!”
“แปลกมนุษย์อะไรกัน อาจจะเห็นได้ยาก แต่คนแบบข้าก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย...เจ้าหญิงองค์อื่นไม่เป็นแบบนี้หรือ?”
คนถูกถามกลอกตา “จากประสบการณ์ลักพาตัวเจ้าหญิง ข้าเพิ่งพบคนประหลาดอย่างเจ้าครั้งแรก...”
“เดี๋ยวๆ! ข้าแค่ถามเล่นๆ นะ นี่เจ้าเคยได้เสียกับเจ้าหญิงองค์อื่นด้วยเหรอ” ข้าถามด้วยความตกใจ
“ใช่! ข้าลักพาตัวพวกนางมาเป็นตัวประกัน พอข่มขืนจนหนำใจแล้วก็ฆ่าทิ้งให้พ่อแม่พวกนางช้ำใจเล่น ชั่วร้ายใช่ไหมเล่า อุวะฮะฮ่าๆๆ!!”
“โอ้โห! แสดงว่าเจ้าต้องมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่าพอสมควรเลยสิ” ข้าถามด้วยความตื่นเต้นระคนเขินอาย “ว่าแต่...เจ้าเคยได้แต่เจ้าหญิงที่ยัง
บริสุทธิ์ใช่ไหม พวกทาส ไพร่ คนใช้ นางโลม พวกนี้เคยหรือเปล่า ข้ากลัวเจ้าจะติดโรค...”
“เฮ้อ...” จอมมารถอนหายใจยืดยาว ก่อนจะเดินตึงตังออกจากห้องไป ข้าคิดจะเดินตาม แต่เขาก็ปิดประตูห้องกระแทกหน้าเสียก่อน
“โอ๊ย! ข้าเจ็บนะจอมมาร เจ้าจะไปไหนน่ะ กลับมาคุยกันก่อน จอมมาร! จอมมารรรร!!!”
โปรดติดตามตอนต่อไป
(18+) เจ้าหญิงวุ่นวายกับมารร้ายสุดหล่อ ตอนที่ 2
ข้าตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกหิวจนไส้กิ่ว ฟ้าไม่สว่าง แต่บนเมฆกลับมีแสงอาทิตย์ลอดออกมาเล็กน้อย พอจะบอกให้รู้ได้ว่าตอนนี้เช้าแล้ว แค่บรรยากาศในดินแดนปีศาจอึมครึมตลอดเวลาก็เท่านั้น
บนโต๊ะทำงานในห้องมีถาดอาหารวางอยู่ แม้จะอยู่ห่างกันในระดับหนึ่ง แต่ข้าก็ได้กลิ่นหอมฉุยของอาหารลอยมาแตะจมูก จึงเดินไปที่โต๊ะและเปิดฝาออก มีซุปร้อนพร้อมขนมปังเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ วางอยู่ภายใน คงจะมีคนเอามาวางไว้ระหว่างที่ข้าหลับ
ข้าจัดการอาหารทันทีโดยไม่สนว่าตัวเองยังไม่ได้แปรงฟัน และไม่สนว่าในอาหารจะมียาพิษหรือไม่ เมื่อดับความหิวโหยได้ก็เดินไปที่ประตูระเบียง ธงลายดวงอาทิตย์ยังคงตั้งอยู่เกือบสุดสายตา แปลว่าพวกเขายังไม่เริ่มออกเดินทาง เป็นความโชคดีที่ข้าจะได้โอกาสจับจอมมารทำสามี!
ข้าเดินสำรวจภายในห้องต่อ หนังสือที่ถูกรื้อเมื่อคืนขึ้นไปวางเรียงเป็นระเบียบบนชั้นได้อย่างไรก็ไม่ทราบ โชคดีที่ปีศาจกับมนุษย์ใช้ภาษาเดียวกัน ข้าจึงได้เห็นว่าบนชั้นมีหนังสือเกี่ยวกับอะไรบ้าง ชั้นบนสุดเป็นบันทึกการเมืองการปกครองโลกปีศาจ ทุกเล่มมีรายชื่อจอมมารแต่ละรุ่นเขียนไว้ ซึ่งข้าจำได้เฉพาะบางตนที่มีชื่อเสียงเรื่องความชั่วร้ายแบบสุดๆ เท่านั้น ชั้นรองลงมาเป็นกฎข้อบังคับของจอมมาร ไล่สายตาดูก็พบว่ามีถึงแปดเล่มทีเดียว ส่วนชั้นรองลงมาอีกเป็นหนังสือแบบที่ไม่มีชื่อเขียนอยู่ที่สันปก ข้าหยิบออกมาดูก็พบว่าไม่มีชื่ออยู่ที่หน้าปกเช่นกัน รวมถึงไม่มีเนื้อหาอะไรอยู่ภายในด้วย เป็นเพียงหนังสือเปล่าๆ ไร้ตัวอักษร
“สาระแนนัก” เสียงคุ้นหูดังจากด้านหลัง ทำข้าสะดุ้งโหยง
“อุ้ย!...เอ่อ...อ่า...มาหาข้าเหรอ” ข้าทักทายหน้าเหรอหรา ก่อนจะส่งยิ้มให้เพราะคนๆ นั้นคือจอมมารสุดที่รักนั่นเอง
เขาจ้องข้าด้วยแววตาแข็งกระด้าง “นี่ห้องนอนข้า ข้าจะมาทำอะไรก็เรื่องของข้า”
“อ้อ! จะว่าไป เมื่อคืนท่านนอนที่ไหนน่ะ” ข้าถาม แล้วเดินเข้าไปอยู่ใกล้ๆ เขา น่าเสียดายที่ตอนนี้จอมมารไม่ได้เปลือยท่อนบนอย่างเก่าแล้ว เขาสวมเสื้อติดกระดุมสีดำแดง แม้จะไม่ยั่วยวนเท่าตอนถอด แต่ก็ถือว่ายังทรงเสน่ห์ไม่เบา
“ข้าไม่ได้นอน ประชุมจนถึงเช้า” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะใช้มือดันไหล่ข้าให้ถอยออกห่าง แต่ข้ากลับจับมือเขาเลื่อนให้ต่ำลงมาจนเกือบถึงเนินอก ทำเอาจอมมารชักมือกลับแทบไม่ทัน
ข้าหัวเราะคิกคัก “อะไรกัน...ไม่ชอบเหรอ”
“อ...อ่า..” อีกฝ่ายอึกอัก ข้าสังเกตว่าเขาหน้าแดงอีกแล้ว “เจ้าอย่าทำตัวแบบนี้ได้ไหม เป็นเจ้าหญิงประสาอะไรให้ท่าผู้ชายแบบนี้...แถมข้ายังเป็นจอมมารผู้ชั่วร้ายที่สุดในแผ่นดินอีก เจ้าต้องกลัว ขัดขืน ไม่กล้าสบตา แล้วก็หาทางหนีไปจากที่นี่สิ!” จอมมารพูดเสียงดัง
“เฮ้อ...อะไรกัน สาบานสิว่าถ้าข้าขัดขืน เจ้าจะไม่ใช้กำลัง” ข้าบ่นเสียงหงุดหงิด “ทำไมชีวิตต้องยุ่งยากขนาดนั้นด้วย ข้าชอบเจ้านะ อยากมีอะไรกับเจ้า เจ้าเองก็พูดตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าอยากได้ตัวข้า ก็นี่ไงเล่า...ทุกอย่างง่ายดาย ข้าสมยอม พร้อมรับทุกท่วงท่าที่เจ้าจะมอบให้ แต่ถ้าเจ้าชอบอารมณ์ตื่นเต้นเร้าใจล่ะก็ข้าจะแกล้งขัดขืนให้ ในชั้นเรียนเจ้าหญิงมีสอนวิชาการแสดงด้วยนะ...อุ๊บ!” ข้าพูดไม่ทันจบ จอมมารก็ปิดปากข้าไว้ก่อนจะลากมาที่ประตูระเบียง
“นั่น เห็นนั่นไหม” เขาพยักพเยิดไปทางค่ายชั่วคราวของทหารอาณาจักรข้าที่อยู่ไกลออกไป “นั่นคือพวกทหารจากอาณาจักรรุ่งอรุณ พวกเขากำลังมาช่วยเจ้าตามแผนของข้าเป๊ะๆ หนึ่งในนั้นมีองค์ชายลูเซียส พี่ชายเจ้าที่เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคมาด้วย นอกจากนั้นก็มีพวกยอดฝีมือ นักล่าปีศาจ และกองทหารชั้นสูงกว่าร้อยชีวิตถูกส่งมาเพื่อเจ้าหญิงเพียงคนเดียว ตอนนี้ที่อาณาจักรของเจ้านั้นอ่อนแอ ไร้ซึ่งกำลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งพอ ส่วนข้ามีกองกำลังอมนุษย์ที่พร้อมจะบุกไปที่นั่นทั้งทางอากาศ ทางน้ำ และใต้ดิน บ้านเกิดเจ้าจะถูกยึดครองโดยเหล่าปีศาจ ซึ่งทั้งหมดนี่เป็นแผนของข้าผู้ชั่วร้าย แล้วเจ้า...”
“อู้ว อ้า ตื่นเต้นจัง” ข้าเอ่ย พลางกลอกตาไปมา “เห็นข้าโง่เง่านักหรือไร ถึงจะได้ดูแผนพวกนี้ไม่ออก”
จอมมารสะดุ้ง “จ...เจ้า...ไม่ตกใจกลัวหน่อยหรือ” เขาถามเสียงประหลาดใจ
“คิดว่าข้าตั้งฉายากุหลาบซ่อนหนามขึ้นมาเองอย่างนั้นหรือ ถึงอยู่แดนปีศาจก็น่าจะรู้สิ ว่าข้าได้เป็นเสนาธิการหญิงเคียงคู่กองทหารของเสด็จพี่ตั้งแต่อายุสิบสาม! จากแคว้นเล็กๆ เมื่อหลายสิบปีก่อน ปัจจุบันกลายเป็นอาณาจักรใหญ่ มีเมืองอาณานิคมมากมายคอยส่งบรรณาการให้ กว่าครึ่งมันมาจากฝีมือข้าทั้งนั้น!” ข้าอวดสรรพคุณเสียงหนักแน่น พลางถือโอกาสเอนหัวซบไหล่แกร่งของจอมมารไปด้วย “แผนง่ายๆ แค่นี้ ต่อให้พ่อของข้าดูไม่ออก แต่ข้ากับพี่ชายใช่ว่าจะเป็นเช่นเดียวกัน...อย่าได้ดูถูกมันสมองมนุษย์เชียวนะจอมมาร”
“เหอะ! มองออกแล้วจะเป็นอย่างไรกัน สุดท้ายแล้วมันก็เป็นไปตามแผนข้า พี่ชายเจ้าอยู่ในค่ายนั่น กำลังจะเคลื่อนกำลังพลมาช่วยเจ้า แต่กว่าจะฝ่าป่ามนตราที่เต็มไปด้วยอันตรายมาถึงกำแพงเมืองปีศาจได้อาณาจักรรุ่งอรุณก็พินาศหมดแล้ว รู้เอาไว้!”
“แล้วกว่าพี่ชายข้าจะมาถึง...ข้าจะได้เป็นเมียท่านก่อนไหม?” ข้าถาม ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นจุมพิตเบาๆ ที่คอของเขา แม้มันจะเต็มไปด้วยเกล็ดแข็ง แต่สัมผัสของข้าบอกว่ามันไม่ได้เลวร้ายเลย มันเหมือนได้ประทับริมฝีปากลงบนถ้วยน้ำชาอุ่นๆ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น มันให้ความรู้สึกที่ดี และกลิ่นแห่งบุรุษก็รัญจวนใจจนข้าเผลอครางออกมาเบาๆ
จอมมารผงะถอยหลังไป “อีกแล้ว! เจ้าล่วงเกินข้าอีกแล้วนะองค์หญิงแพททริเซีย!!” เขาตะคอก “แล้วผู้หญิงสูงศักดิ์ประสาอะไร พูดคำว่า ‘เมีย’ ออกมาได้เต็มปากเต็มคำ”
ข้าหัวเราะร่า “ฮ่าๆ เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินบุรุษสักคนพูดว่าตัวเองถูกล่วงเกินนี่ล่ะ...แล้วถ้าไม่ใช้คำว่า ‘เมีย’ ข้าควรพูดคำว่าอะไรดีล่ะท่านจอมมาร?”
“อ่า...เอ่อ...ชายาล่ะมั้ง หรือไม่ก็คนรัก ภรรยา หรือ...เอ่อ...” เขาทำท่านึกอย่างยากลำบาก ทำข้าหัวเราะอีกครั้ง
“คิกๆๆ แค่ชายาก็ผิดแล้ว มันเป็นราชาศัพท์ หมายถึงเมียน้อย จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าเป็นกษัตริย์ ส่วนคำอื่นๆ นั่นตัดทิ้งไปได้เลย คนรักอาจหมายถึงคนที่ชอบพอกันแล้วคบหากัน ส่วนภรรยาก็พอได้ แต่มันไม่สะใจเท่าไร ถ้าเจ้าเรียกข้าว่า ‘เมีย’ มันหมายถึงว่าเราน่ะ...อุ๊บ!”
“หยุดเลย! ข้าล้มเลิกความคิดที่จะได้กับเจ้าตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” เขาบอก โดยใช้มือปิดปากข้าไว้แน่น
“อำไออันอ่ะ” ข้าถามเสียงอู้อี้
“เพราะเจ้าไม่ใช่ตัวประกันในฝันของจอมมารอย่างไรเล่า สิ่งที่ข้าต้องการคือหญิงงามที่สะอาดบริสุทธิ์ ดิ้นเก่ง ขัดขืนทุกครั้งที่ข้าแตะต้องตัว เหมือนอย่างที่ในหนังสือบอกไว้!” เขาว่า แล้วลากข้าไปยังชั้นหนังสือ ก่อนจะหยิบ ‘คู่มือจอมมารขั้นพื้นฐาน เขียนโดยอาจารย์ปีศาจแห่งลุ่มแม่น้ำดำ’ มาเปิดให้ข้าดู
ข้าเพ่งมองเนื้อหาในหนังสือ ก่อนจะอ่านออกเสียง “...หนึ่งในวัฒนธรรมของจอมมารผู้ยิ่งใหญ่คือการลักพาตัวเจ้าหญิง หรือหญิงงามแห่งแผ่นดินมนุษย์มาที่แดนปีศาจเพื่อเป็นตัวประกัน เพราะตามหลักแล้วมันจะเป็นการสร้างฐานความชั่วร้ายและขยายความฉาวโฉ่ได้เร็วที่สุด เมื่อลักพาตัวมาสำเร็จ สิ่งที่ต้องทำได้แก่นำมากักตัวไว้อย่างดี หรือนำไปขังในคุก เรื่อยไปจนถึงการขืนใจ ยิ่งทำให้ตัวประกันทรมานร่างกายและจิตใจได้เท่าไร ก็จะยิ่งเป็นการสืบสานวัฒนธรรมให้แข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น...”
จอมมาปิดหนังสือ “อาจารย์ปีศาจบอกว่าต้องขืนใจ ให้ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ...แต่ข้าขืนใจเจ้าไม่ได้ เพราะเจ้าคิดจะสมยอม” เขาว่าด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย “หนังสือไม่มีบอกว่าหากเกิดกรณีนี้ขึ้นต้องทำอย่างไร ข้าก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ...”
“ทำตามเสียงหัวใจสิ เจ้ามีหัวใจหรือเปล่าล่ะ” ข้าแทรก “แล้วถ้าไม่ปฏิบัติตามในหนังสือจะเป็นอะไรไปเล่า มีใครบอกไหมว่าหากฝ่าฝืนจะต้องมีอันเป็นไป”
“อ่า...ก็ไม่มีนะ” เขาตอบ “แต่เสียงหัวใจข้ามันบอกว่าไม่ชอบเจ้า เจ้ามันแปลกมนุษย์!”
“แปลกมนุษย์อะไรกัน อาจจะเห็นได้ยาก แต่คนแบบข้าก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย...เจ้าหญิงองค์อื่นไม่เป็นแบบนี้หรือ?”
คนถูกถามกลอกตา “จากประสบการณ์ลักพาตัวเจ้าหญิง ข้าเพิ่งพบคนประหลาดอย่างเจ้าครั้งแรก...”
“เดี๋ยวๆ! ข้าแค่ถามเล่นๆ นะ นี่เจ้าเคยได้เสียกับเจ้าหญิงองค์อื่นด้วยเหรอ” ข้าถามด้วยความตกใจ
“ใช่! ข้าลักพาตัวพวกนางมาเป็นตัวประกัน พอข่มขืนจนหนำใจแล้วก็ฆ่าทิ้งให้พ่อแม่พวกนางช้ำใจเล่น ชั่วร้ายใช่ไหมเล่า อุวะฮะฮ่าๆๆ!!”
“โอ้โห! แสดงว่าเจ้าต้องมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่าพอสมควรเลยสิ” ข้าถามด้วยความตื่นเต้นระคนเขินอาย “ว่าแต่...เจ้าเคยได้แต่เจ้าหญิงที่ยัง
บริสุทธิ์ใช่ไหม พวกทาส ไพร่ คนใช้ นางโลม พวกนี้เคยหรือเปล่า ข้ากลัวเจ้าจะติดโรค...”
“เฮ้อ...” จอมมารถอนหายใจยืดยาว ก่อนจะเดินตึงตังออกจากห้องไป ข้าคิดจะเดินตาม แต่เขาก็ปิดประตูห้องกระแทกหน้าเสียก่อน
“โอ๊ย! ข้าเจ็บนะจอมมาร เจ้าจะไปไหนน่ะ กลับมาคุยกันก่อน จอมมาร! จอมมารรรร!!!”