Namaste Nepal สวัสดีเนปาล (ตอนที่...พิเศษ... Narrowly Everest...)
Narrowly Everest ตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่ผู้เขียนอยากเล่าประสบการณ์การเฉียด Everest โดยการนั่งเครื่องบิน Buddha Air เที่ยวบิน mountain flight 500 เวลา 7.00 am ใช้เวลาบิน. 1 h บินไปใกล้เทือกเขาหิมาลัย ไม่ได้เหนือยอดเขา Everest
ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องเฉียด everest ( Narrowly Everest)นั้นขอเล่าความเป็นมาของการตัดสินใจขึ้นเครื่อง.บินเฉียด everest ..เรื่องก็มีอยู่ว่า..เมื่อเราอ่านโปรแกรมการเดินทางไปเนปาลครั้งนี้ มีรายการเพิ่มเติมการบินชม everest โดยเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคนละ 230 $ ด้วยความเสียดายตังค์ประกอบกับการดูข้อมูลจาก youtube เห็นการบินขึ้น helicopter ดูน่าหวาดเสียว คุยกับรุจา ว่าถ้าเราขึ้นฮอร์ดู everest เราต้องจ่ายเงินอีกคนละ 7,000 เลยนะ รุจาบอกว่า ถ้า 700 แล้วจะขึ้นเพราะ 7,000 มันเสียวอยู่ ดังนั้นเราเลยหมายมั่นว่าฉันไม่ขึ้นแน่นอน...ก่อนการเดินทางพี่เขียวก็ถามอีกว่าไม่ขึ้นฮอร์ รึ เราก็บอกว่าไม่ เพราะรุจาฝากแลกเงินไปแค่ 200$ แต่เราไม่แลกเพราะมีเงินเก่าเหลืออยู่.... ( ... แลกไว้ตั้งแต่ 32.4 / $ ... ) พอพวกเราไปถึงเนปาล วันแรกที่เกือบ Landing ลงสนามบิน Tribhuvan Airport International (สนามบินกาฐมาณฑุ) เวลาประมาณ 3.00 pm. ( เวลาเนปาลช้ากว่าไทย1.15 h)เครื่องลงไม่ได้ เนื่องจากการจราจรติดขัด (... คงไม่มีที่จอด..Runway...) ทำให้เครื่องบินต้องบินวนเวียนอยู่ในน่านฟ้าเนปาลเกือนชั่วโมง เรานั่ง 15A. ติดหน้าต่างด้านขวา(เวลาขึ้น..) จึงมองเห็น Everest. ตลอด.แต่เราก็ไม่ได้สนใจ...แต่เอ๊ะ!!..ทำไมจึงมองเห็นไอ้เทือกเขานี้ตลอดเลย เดี๋ยวเครื่องวกกลับอีกแล้ว..แต่สายการบินไม่ได้ประกาศ ว่าเรากำลังบินในบริเวณเทือกเขาหิมาลัย (...ได้ยินกัปตันประกาศว่าการจราจรติดขัด ทำให้ล่าช้า...ขออภัย...อะไรประมาณนั้น ) เราก็คิดว่าไหนไหนก็ชมหิมาลัยและ everest ฟรีแล้ว..จะไม่ขึ้นเครื่องบินชม Everest ดีกว่า ( เพราะชม everest บนเครื่องบินวกไปเวียนมา...พอแล้ว...) พอเดินทางถึงเนปาลอีก 1 วันต่อมา พี่เขียวถามอีก ว่าจะไม่ขึ้น ฮอร์รึ เราก็ตอบว่าไม่แต่เสียงเริ่มอ่อนลง เพราะเห็นความสวยของหิมาลัย แล้วในขณะที่เดินทางบนภาคพื้นดิน..แล้วคิดว่าถ้าเราไม่ไป everest ครั้งนี้ เราคงต้องเสียเงินอีกเป็นหมื่นมาเนปาลอีกแน่แท้เลย.... พออีกวันต่อมาที่ Bundipur เราก็เลยบอกว่าขึ้นก็ขึ้น...ยิ่งต้าสมาชิกในกลุ่มขึ้นฮอร์ไปเหยียบ Annapurna base camp มาด้วยฟังต้าคุยแล้ว...ทำให้เราก็ตื่นเต้นปนฝัน ฝัน ...ไปด้วย เป็นอันว่าพอถึง โภคราจ่ายเงินให้ต๊อกไปคนละ 230 $ ค่าขึ้นเครื่องบินชม Everest ( หลังจากนั้นก็มานั่งฟังต้าเล่าถึง Annapurna base camp ว่าสวยงามอย่างนั้นอย่างนี้ พลอยทำให้ตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีกด้วย กรุ๊ปเราทั้งหมด 17 คน ขึ้นเครื่องชม Everest. 12. คน ) พวกเราพักที่โภครา 1 คืน เพื่อตื่นเช้ามืดไปชมพระอาทิย์ขึ้นสาดแสงกระทบยอดเขามัจฉปูชเรย์ หลังจากนั้น เรากลับไปกาฐมาณฑุ โดยสายการบิน Buddha Air ที่สนามบินโภครา แต่วันนี้ขึ้นไปนากาก๊อต ไปชมพระอาทิตย์ตกดินก่อน พักที่ค้าง 1 คืนที่ นากาก๊อกโรงแรม Club Himalaya Hotel ซึ่งตอนเช้าได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เทือกเขาหิมาลัยแบบ 180 องศา
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เนปาล พักค้างที่กาฐมาณฑุ ( The Fern Desidency Hotel ) พรุ่งนี้แล้วจะได้บินแบบ Narrowly Everest แล้ว ตอนนอนก็ฝันว่าจะได้เห็น มงกุฏโลก ( Summit Everest : ภูเขาขนาดใหญ่ที่ขรุขระทะลุเมฆ ธารน้ำแข็งและหิมะจะปกคลุมยอดเขาทุกพื้นที่...) สวยที่สุดในโลก....หิมะคงคลุมยอดเขาคงสวยงามมาก ไกด์นัดหมายว่าให้ลงมาพร้อมกัน 5.30 am เดินทางไปสนามบินมาโนชไปส่ง พอไปถึงสนามบิน Tribhuvan International Airport (สนามบินกาฐมาณฑุ) มาโนชไปติดต่อตั๋วบินเที่ยวบิน Mountain Flight 7.00 am เมื่อได้ตั๋วแล้วมาโนชเดินมาหากลุ่มพวกเรา แล้วควํ่าตั๋วลงแบบให้เราทุกคนจับฉลากตั๋วที่นั่งเอง เราหยิบได้ที่นั่ง 12A โชคดีได้ที่นั่งริมขวา หลังจากนี้พวกเราต้องผจญภัยกันเอง เพราะมาโนชเข้าไปใน Gate ไม่ได้ ตอนนี้มีผู้นำคนใหม่แล้วคือ ต้า กับภา เพราะต้าเขาไปบิน ABC ( Anapurna Base Camp ) มาแล้ว
และแล้วพวกเราเดินเป็นขบวนเข้า gate กันไปแล้วไปนั่งรอ boarding โดยนั่งจ้องไปที่จอ monitor ( TV ขนาด 24 inch ที่แขวนอยู่ 2 ด้าน ) เรามองเห็นแต่ตัววิ่ง mountain flight ...เยอะมาก ไหลแบบต่อเนื่อง และยัง flight Lukla ด้วย ( ต้ามาบอกว่า Lukla คือเที่ยวบินที่พวกปีนเขาต้องการไป EBC : Everest Base Camp แล้วต่อไป camp 1-4 จึงจะเดินถึง summit Everest ) นั่งรอสักพัก ต้ากับภา. มาบอกว่าเขาเรียกแล้ว พวกเราจึงเดินไปที่ check ตั๋วเข้าประตูเดินออกไป ขึ้นเครื่องขึ้นรถรับส่งไปยังเครื่องบินซึ่งจอดอยู่บนลานบิน.ห่างจากประตูทางออก ประมาณ 700 m เห็นเครื่องจอดรอรับพวกเราลงจากรถก่อนอื่นถ่ายรูปก่อน
เมื่อขึ้นเครื่องแล้วทุกคนเข้านั่งประจำที่ของตัวเองเป็นแถว 2 ข้างทางเดิน แถวละ 1 คน ซ้ายขวา (ตั๋วจะมี่ที่นั่ง เฉพาะ A และ D เท่านั้น ปกติ จะเป็น A B และ C D )
บนที่นั่งของแต่ละคน พนักงานต้อนรับ ( Air hostess) วางแผ่นพับแนะนำการดูยอดเขาในเทือกหิมาลัยแต่ละยอดว่าชื่ออะไร เมื่อเครื่องบินลอยตัวแล้วพนักงานจะเดินเข้ามาบอกให้แต่ละคนดู ( ที่จริงไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะแต่ละยอดเขาก็เหมือน ๆ กัน ) ยิ่งใกล้ everest ก็ไม่รู้อีก (เฮ้อ!...ถอนหายใจ...)
พอบินได้ระดับ แอร์ก็จะพาทุกคนไปที่ห้องนักบิน ไปดูยอดเขาที่ห้องนักบินคนละ 2 นาที ( อาจน้อยกว่า ) ห้องนักบินเล็กนิดเดียวแค่มีที่นั่ง 2 คน ( นักบินกับผู้ช่วย....) นักบินจะชี้ให้ดูยอดเขาและอธิบาย....ชื่อยอดเขาอีกแล้ว...ไม่รู้เรื่องตามเคย. จำชื่อไม่ได้หรอก... (...กระจกที่ห้องนักบินใสมาก ) กัปตันพูดพร้อมกับหยิบมือถือเราถ่ายรูปยอดเขาให้ด้วย...Thank you the pilot and your assistant
เมื่อเที่ยวบินพิเศษจบลงด้วยความหฤหรรษ์ของทุกคน. ได้ยินเสียงกัปตันบอกขอบคุณทุกคนบนเที่ยวบิน Mountain flight ( บนเที่ยวบินนี้ มีคนต่างชาติหลากหลายชาติ แต่พวกเราเสียงดังมากคุยกันตลอด..) ตอนขาออกประตูเครื่องบินก่อนลงบันได แอร์แจกใบ Certificate ให้ทุกคนลงมาถ่ายรูปอีก
และแล้ว ความสุขก็จบลง...เมื่อจบเที่ยวบิน mountain flight 500 มาโนชมารอรับกลับโรงแรม เตรียมตัวกลับเมืองไทย ลาก่อน Everest.... หากมีโอกาส เราคงได้พบกับแบบใกล้ชิดกว่านี้ สวัสดีเนปาล Namaste Nepal .....
Goodbye...Nepal...See you again...Thank...
Namaste Nepal สวัสดีเนปาล (ตอนที่...พิเศษ... Narrowly Everest...)
Narrowly Everest ตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่ผู้เขียนอยากเล่าประสบการณ์การเฉียด Everest โดยการนั่งเครื่องบิน Buddha Air เที่ยวบิน mountain flight 500 เวลา 7.00 am ใช้เวลาบิน. 1 h บินไปใกล้เทือกเขาหิมาลัย ไม่ได้เหนือยอดเขา Everest
ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องเฉียด everest ( Narrowly Everest)นั้นขอเล่าความเป็นมาของการตัดสินใจขึ้นเครื่อง.บินเฉียด everest ..เรื่องก็มีอยู่ว่า..เมื่อเราอ่านโปรแกรมการเดินทางไปเนปาลครั้งนี้ มีรายการเพิ่มเติมการบินชม everest โดยเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคนละ 230 $ ด้วยความเสียดายตังค์ประกอบกับการดูข้อมูลจาก youtube เห็นการบินขึ้น helicopter ดูน่าหวาดเสียว คุยกับรุจา ว่าถ้าเราขึ้นฮอร์ดู everest เราต้องจ่ายเงินอีกคนละ 7,000 เลยนะ รุจาบอกว่า ถ้า 700 แล้วจะขึ้นเพราะ 7,000 มันเสียวอยู่ ดังนั้นเราเลยหมายมั่นว่าฉันไม่ขึ้นแน่นอน...ก่อนการเดินทางพี่เขียวก็ถามอีกว่าไม่ขึ้นฮอร์ รึ เราก็บอกว่าไม่ เพราะรุจาฝากแลกเงินไปแค่ 200$ แต่เราไม่แลกเพราะมีเงินเก่าเหลืออยู่.... ( ... แลกไว้ตั้งแต่ 32.4 / $ ... ) พอพวกเราไปถึงเนปาล วันแรกที่เกือบ Landing ลงสนามบิน Tribhuvan Airport International (สนามบินกาฐมาณฑุ) เวลาประมาณ 3.00 pm. ( เวลาเนปาลช้ากว่าไทย1.15 h)เครื่องลงไม่ได้ เนื่องจากการจราจรติดขัด (... คงไม่มีที่จอด..Runway...) ทำให้เครื่องบินต้องบินวนเวียนอยู่ในน่านฟ้าเนปาลเกือนชั่วโมง เรานั่ง 15A. ติดหน้าต่างด้านขวา(เวลาขึ้น..) จึงมองเห็น Everest. ตลอด.แต่เราก็ไม่ได้สนใจ...แต่เอ๊ะ!!..ทำไมจึงมองเห็นไอ้เทือกเขานี้ตลอดเลย เดี๋ยวเครื่องวกกลับอีกแล้ว..แต่สายการบินไม่ได้ประกาศ ว่าเรากำลังบินในบริเวณเทือกเขาหิมาลัย (...ได้ยินกัปตันประกาศว่าการจราจรติดขัด ทำให้ล่าช้า...ขออภัย...อะไรประมาณนั้น ) เราก็คิดว่าไหนไหนก็ชมหิมาลัยและ everest ฟรีแล้ว..จะไม่ขึ้นเครื่องบินชม Everest ดีกว่า ( เพราะชม everest บนเครื่องบินวกไปเวียนมา...พอแล้ว...) พอเดินทางถึงเนปาลอีก 1 วันต่อมา พี่เขียวถามอีก ว่าจะไม่ขึ้น ฮอร์รึ เราก็ตอบว่าไม่แต่เสียงเริ่มอ่อนลง เพราะเห็นความสวยของหิมาลัย แล้วในขณะที่เดินทางบนภาคพื้นดิน..แล้วคิดว่าถ้าเราไม่ไป everest ครั้งนี้ เราคงต้องเสียเงินอีกเป็นหมื่นมาเนปาลอีกแน่แท้เลย.... พออีกวันต่อมาที่ Bundipur เราก็เลยบอกว่าขึ้นก็ขึ้น...ยิ่งต้าสมาชิกในกลุ่มขึ้นฮอร์ไปเหยียบ Annapurna base camp มาด้วยฟังต้าคุยแล้ว...ทำให้เราก็ตื่นเต้นปนฝัน ฝัน ...ไปด้วย เป็นอันว่าพอถึง โภคราจ่ายเงินให้ต๊อกไปคนละ 230 $ ค่าขึ้นเครื่องบินชม Everest ( หลังจากนั้นก็มานั่งฟังต้าเล่าถึง Annapurna base camp ว่าสวยงามอย่างนั้นอย่างนี้ พลอยทำให้ตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีกด้วย กรุ๊ปเราทั้งหมด 17 คน ขึ้นเครื่องชม Everest. 12. คน ) พวกเราพักที่โภครา 1 คืน เพื่อตื่นเช้ามืดไปชมพระอาทิย์ขึ้นสาดแสงกระทบยอดเขามัจฉปูชเรย์ หลังจากนั้น เรากลับไปกาฐมาณฑุ โดยสายการบิน Buddha Air ที่สนามบินโภครา แต่วันนี้ขึ้นไปนากาก๊อต ไปชมพระอาทิตย์ตกดินก่อน พักที่ค้าง 1 คืนที่ นากาก๊อกโรงแรม Club Himalaya Hotel ซึ่งตอนเช้าได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เทือกเขาหิมาลัยแบบ 180 องศา
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เนปาล พักค้างที่กาฐมาณฑุ ( The Fern Desidency Hotel ) พรุ่งนี้แล้วจะได้บินแบบ Narrowly Everest แล้ว ตอนนอนก็ฝันว่าจะได้เห็น มงกุฏโลก ( Summit Everest : ภูเขาขนาดใหญ่ที่ขรุขระทะลุเมฆ ธารน้ำแข็งและหิมะจะปกคลุมยอดเขาทุกพื้นที่...) สวยที่สุดในโลก....หิมะคงคลุมยอดเขาคงสวยงามมาก ไกด์นัดหมายว่าให้ลงมาพร้อมกัน 5.30 am เดินทางไปสนามบินมาโนชไปส่ง พอไปถึงสนามบิน Tribhuvan International Airport (สนามบินกาฐมาณฑุ) มาโนชไปติดต่อตั๋วบินเที่ยวบิน Mountain Flight 7.00 am เมื่อได้ตั๋วแล้วมาโนชเดินมาหากลุ่มพวกเรา แล้วควํ่าตั๋วลงแบบให้เราทุกคนจับฉลากตั๋วที่นั่งเอง เราหยิบได้ที่นั่ง 12A โชคดีได้ที่นั่งริมขวา หลังจากนี้พวกเราต้องผจญภัยกันเอง เพราะมาโนชเข้าไปใน Gate ไม่ได้ ตอนนี้มีผู้นำคนใหม่แล้วคือ ต้า กับภา เพราะต้าเขาไปบิน ABC ( Anapurna Base Camp ) มาแล้ว
และแล้วพวกเราเดินเป็นขบวนเข้า gate กันไปแล้วไปนั่งรอ boarding โดยนั่งจ้องไปที่จอ monitor ( TV ขนาด 24 inch ที่แขวนอยู่ 2 ด้าน ) เรามองเห็นแต่ตัววิ่ง mountain flight ...เยอะมาก ไหลแบบต่อเนื่อง และยัง flight Lukla ด้วย ( ต้ามาบอกว่า Lukla คือเที่ยวบินที่พวกปีนเขาต้องการไป EBC : Everest Base Camp แล้วต่อไป camp 1-4 จึงจะเดินถึง summit Everest ) นั่งรอสักพัก ต้ากับภา. มาบอกว่าเขาเรียกแล้ว พวกเราจึงเดินไปที่ check ตั๋วเข้าประตูเดินออกไป ขึ้นเครื่องขึ้นรถรับส่งไปยังเครื่องบินซึ่งจอดอยู่บนลานบิน.ห่างจากประตูทางออก ประมาณ 700 m เห็นเครื่องจอดรอรับพวกเราลงจากรถก่อนอื่นถ่ายรูปก่อน