Namaste Nepal สวัสดีเนปาล (ตอนที่ 3)

Namaste Nepal สวัสดีเนปาล (...ตอนที่ 3 ...เทือกเขาพระศิวะ...Annapurna Mt. ..รอปิ่นพระศิวะปรากฏ....)
       หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Bundipu Mtn Resort เรียบร้อยแล้วเตรียมพร้อมเดินทางสู่เมืองโภครา ( Pokhara ) หรือชื่อเต็มว่า มหานครโภคราเลขนาถ เป็นศูนย์กลางของอำเภอกาสกี เดิมโภครามีสถานะเป็นเทศบาล มีประชากรมากเป็นอันดับสองรองจากกรุงกาฐมาณฑุ คืนนี้ค้างโภครา ซึ่งโภคราถือว่าเป็นเมืองหน้าด่านตากอากาศที่สวยงาม ก่อนที่นักปีนเขาจะเดินทางไป trekking   ที่เทือกเขา Annapurna Base Camp  บ้านเมืองเป็นระเบียบสวยงาม ชาวเนปาลเปรียบเทียบโภคราเป็นป่าหิมพานต์ เทือกเขา Annapurna ว่าเป็นเขาไกรลาศ  ส่วนทะเลสาบเฟวา เป็นสระอโนดาต โดยมีไฮไลท์คือการดูพระอาทิตย์ขึ้น ณ เทือกเขาอันนาปุระ (Annapurna) โดยมียอดเขาหางปลามัจฉาปูร์ชเร (Machapuchare) ที่สูงตระหง่านเสียดฟ้า( ความสูงของ  Machapuchare 6,993 m or 22,943 ft  ) เป็นที่สถิตย์ของพระศิวะ  การเดินทางจาก  Bundipur ถึง โภคราใช้เวลา ประมาณ  4 h 
   

     ก่อนถึงเมืองโปครา ได้แวะค่ายผู้ลี้ภัยชาวทิเบต “เฮียงจา” (Hyangia Tibetan Refugee Camp) เป็นสถานที่พักพิงของชาวทิเบตที่ลี้ภัยการเมืองตั้งแต่ครั้งกองทัพแดงของจีนบุกทิเบต เมื่อ ปี 1950 ค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติและองค์กรการกุศลต่าง ๆ เมื่อไปถีงได้เข้าชมอาคารแสดงการทอผ้าทอพรมของชาวทิเบต แล้วเดินไปดูสินค้าพวกผ้า พรม จัดจำหน่ายตามเอกลักษณ์ของทิเบตที่อาคารนิทรรศการ ( ...no photo...) พวกเราไม่มีใครซื้อ อาจเป็นราคาที่สูง และไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในบ้านเขตร้อนอย่างเมืองไทย (...ถ้ามองแบบสวยงาม..อาจไม่ใช่ ...แต่ถ้ามองแง่วัฒนธรรรมและคุณค่าทางจิตใจ...อาจใช่...ขึ้นอยู่กับมุมมอง...)  วันนี้มีหน่วยแพทย์ทันตกรรมเคลื่อนที่มาบริการที่หอประชุมชองศูนย์อพยพ จึงมองเห็นชาวทิเบตและชาวเนปาลมาเข้ารับการรักษา (...มีป้ายเขียน...no entry....) แต่ที่หลายคนสนใจคือสิ้นค้าประเภทเครื่องประดับ สร้อยคอ สร้อยมือ ตุ้มหู ที่ทำด้วยหินสีมากกว่าที่ร้านค้าด้านนอก

     
      หลังจากที่ออกจากหมู่บ้านอพยพชาวทิเบต แล้วไปดูน้ำตกเดวิด Davi 's Fall อยู่ด้านหลังตลาดกาสกี น้ำตกเดวี  เป็นน้ำตกที่ตกมาจากซอกหินกลางภูเขาตั้งอยู่ในเมือง สวยงามน้ำเป็นฟองสีขาวกระจายเป็นที่น่าอัศจรรย์เหมือนกับว่าเป็นน้ำไหลไปตามท่อหินแล้วตกลงไปตามหน้าผา (...เห็นน้ำตก เดวีแล้วนึกถึง น้ำพุ blowhole  ที่  sydney..ที่เกิดจากน้ำทะเลที่ถูกคลื่นซัดเข้าไปในซอกหินที่เป็นรูเล็ก เกิดเป็นน้ำพุพวยพุ่งขึ้นสูงสวยงาม ...เวลาน้ำพุพุ่งขึ้นที่คนก็เฮ...)  ส่วนชื่อของน้ำตกเดวี  นี้เกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่ชื่อ  DEVI ได้เล่นน้ำที่เขื่อนใกล้ ๆ กับทะเลสาบเฟวา  อาจเป็นความเชี่ยวของกระแสน้ำใต้ผิวน้ำที่มองไม่เห็น พัดพาจนกระทั่งเกิดพลัดตกลงไปในน้ำตก  ทำให้ DEVI เสียชีวิต จนกลายเป็นชื่อของน้ำตกเดวี

      ออกจากน้ำตก เดวี เดินทางไปกินข้าวกลางวัน วันนี้มีกั้นถนนเพราะมีประธานาธิบดีบังคลาประเทศมาเยี่ยมเนปาล ทำให้สนามบินโภครามีทหารยืนอารักขา รถต้องอ้อม เสียเวลานิดหน่อย  หลังจากนั้นเดินทางเข้าโภครา แล้วเข้าที่พัก Mount Kailash  Hotel ไกด์ต๊อกบอกว่า 4.30 pm พบกันที่ lobby ไปล่องเรือที่สระอโนดาต ( ทะเลสาบ Phewa Lake ) 
      ทะเลสาบเฟวาเป็นทะเลสาบน้ำจืดในเนปาลเดิมชื่อว่า Baidam Tal ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของหุบเขาโภครา เป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้าน Sarangkot และ Kaskikot บริเวณทะเลสาบเป็นที่ราบลุ่มมีเขื่อนควบคุมปริมาณสำรองน้ำ ดังนั้นทะเลสาบแห่งนี้จึงถูกจัดเป็นทะเลสาบน้ำจืดกึ่งธรรมชาติ และเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเนปาล รองจากทะเลสาบ Rara ทะเลสาบเฟวาเป็นทะเลสาบที่สวยงามมากที่สุดของเนปาล (..สวยมากจนมีชื่อว่าสระอโนดาต..เหล่านางกินนรีจากเขาไกรลาศ บินมาเล่นน้ำที่สระอโนดาตแห่งนี้...เอ๊ะ!!..จะมองเห็นนางกินนรี ไหมหนอ...หรือว่าพรานบูญ นำบวงบาศก์นาคราชมาคล้องนางพาไปถวายพระสุธนซะ แล้ว...อนิจจา...ความพลัดพราก...) กลางทะเลสาบมีเกาะเล็ก ๆ ( เล็กมาก) อยู่กลางทะเลสาบ เป็นที่ตั้งของวัดศักดิ์สิทธิ์ของฮินดู ชื่อวัด Tal Barahi ( วัดทาล บาลาฮี )
     ทะเลสาบเฟวา มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 8.6 ม. ( 28 ฟุต) และความลึกสูงสุด 24 ม. (79 ฟุต) ความจุน้ำสูงสุดของทะเลสาบประมาณ 43,000,000 ลูกบาศก์เมตร (35,000 เอเคอร์) เทือกเขาอันนาปุระอยู่ทางเหนืออยู่ห่างออกไปประมาณ 28 กม.  ทะเลสาบแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องการสะท้อนของภูเขา Machhapuchhreและยอดเขาอื่น ๆ ของ Annapurna  ทำให้เกิดภาพงดงามประหนึ่งสรวงสวรรค์...แดนหิมพานต์
      เมื่อถึงเวลานัดทุกคนไปขึ้นรถ (ตอนนี้เปลี่ยนเป็นรถตู้แล้ว..)  ไปล่องเรือที่ทะเลสาบกัน  ก่อนไปทะเลสาบเราได้ไปช้อป north face  ความจริงเมื่อล่องเรือในทะเลสาบ กำหนดให้ลงเรือ  4 คน ต่อ 1 ลำ  ( ..อาจเป็นด้วยคนเยอะมาก...) ทะเลสาบที่ว่าสวยเมื่อเห็นครั้งแรกก็ไม่ค่อยประทับใจเท่าไรว่าธรรมดา แต่พอดูรูปถ่าย จึงรู้ว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามและมีภูมิทัศน์งดงามจริง ๆ สมคำเล่าลือจริง ...ว่าเป็นสระอโนดาต....
 

       หลังจากขึ้นจากเรือ เดินไปในตลาดโภครา มีพวกพี่ ๆ อยากได้เกลือสีชมพู ( pink salt )  ร่ำลือกันว่ามีประโยชน์มากกมาย แต่ทั้งนี้ยังไม่มีผลงานวิจัยที่ชัดเจน เชื่อกันว่า เกลือหิมาลัย หรือเกลือหิมาลายัน มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่เทือกเขาหิมาลัยในประเทศปากีสถาน มีสีชมพูเพราะมีไอเอิร์นออกไซด์ (Iron oxide) เป็นส่วนประกอบ เกลือหิมาลัยจัดว่าเป็นเกลือบริสุทธิ์ เชื่อกันว่าเกิดจากการระเหยและตกผลึกของน้ำทะเลยุคโบราณเมื่อหลายล้านปีก่อน ผ่านการสกัดด้วยมือและไม่มีการเติมสารเคมีหรือสารปรุงแต่งใด ๆ จึงเป็นธรรมชาติและมีแร่ธาตุมากกว่าเกลือที่ใช้กันอยู่ทั่วไป นอกจากจะใช้ประกอบอาหารแล้ว เกลือหิมาลัยยังนิยมนำมาทำเป็นโคมไฟหรือสร้างเป็นถ้ำเกลือหิมาลัยเพื่อช่วยขจัดเชื้อโรคในอากาศ ทำให้ปอดมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย  นอกจากเกลือแล้ว หลายคนเดินหาชุดเนปาลีสวย ๆ พรุ่งนี้จะแปลงกายเป็นสาวเนปาลี ไปชมเมืองภัคตะปูร์ (ฺ้ Bhaktapur ) แต่การเลือกซื้อชุด ลองขุดเนปาลีครั้งนี้   ทำให้พี่หนุ่ยลืมเสื้อวอร์มขแต่กว่าจะรู้ตัวก็วันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นเดินกลับไปรับประทานอาหารที่โรงแรม ซึ่งต๊อกก็มีอาหารเสริมให้อีก 
    
       หลังจากรับประทานอาหารเย็น น้องต๊อกกับมาโนช นัดให้ตื่น ตี 4.15  แล้วมาพร้อมกันที่ lobby  4.45  am เตรียมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขามัจฉาปูร์ชเร (Machapuchare หรือ Fishtail)  เทือกเขาอันนาปุระ (Annapurna)  ที่หมู่บ้าน Sarangkot ที่ระดับความสูง 1600 m  ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายที่นักท่องเที่ยวจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่มีชื่อเสียงและงดงามแห่งหนึ่งของโลก ที่คนทั่วโลกหวังว่าต้องมาชม
     เมื่อทุกคนพร้อม ขึ้นรถตู้  2  คัน เพื่อเดินทางไปหมู่บ้าน Sarangkot ไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ( 06:30  วันพฤหัสบดี14 พฤศจิกายน 2562 (GMT+5:45)พระอาทิตย์ขึ้นที่ Sarangkot, เนปาล )  พวกเราเมื่อไปถึง ต๊อกพาเดินขึ้นเนินไป ประมาณ 100  m  ถึงร้านค้าแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้าของร้านค้า ขณะนี้มีคนจับจองพื้นที่แน่นเลย เราต้องแทรกตัวเข้าไปเพื่อไปจ้องมองเทือกเขาอันนาปุรณ และยอดมัจฉปูชร์เร เมื่อขึ้นไปบนดาตฟ้าเรามองเห็นทุกคนจ้องไปยังเทือกเขาอันนาปุรณะ ที่มียอดมัจฉปูชร์เร ทุกสายตาจ้องมองเทือกเขาอันนาปุรณะอย่างตาไม่กระพริบ เรามองชมด้วยความแปลกใจว่าทำไมคนถึงมากมายต้องมาชมพระอาทิตย์ขึ้น ( ได้ยินพี่สุว่า พระอาทิตย์ขึ้นก็เคยเห็น...เอ๊ะ!อย่างงัยกัน...คนละสถานที่..น๊า...) ในขณะที่สีสันบนท้องฟ้าและยอดเขาเริ่มเปลี่ยนสี จากความมืดมิดของท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีซึ่งแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงตามวัฏจักรของธรรมชาติที่แท้จริง เมื่อแสงแรกของดวงอาทิตย์ค่อย ๆสลายความมืดในที่ราบต่ำของหุบเขาโภครา ปรากฏทิวทัศน์จะทำให้เรารู้สึกประหลาดใจอิ่มเอิบ มีความสุข ชั่วเวลานั้นเหมือนต้องมนต์       ( ...ปิ่นพระศิวะ  เริ่มปรากฏ ณ .แรม  4 ค่ำ เดือน  12. เกือบตรงกับแผนที่ ที่มังนอรธามอบไว้ให้ ...พรานใหญ่  แต่เราไปก่อน  1  วัน แต่เหมือนจะเป็น ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 )

    ยอดเขาหางปลามัจฉาปูร์ชเร (Machapuchare) ที่สูงตระหง่านเสียดฟ้า( ความสูงของ  Machapuchare 6,993 m or 22,943 ft  ) ซึ่งเป็นยอดหนึ่งของเทือกเขาอันนาปุรณะ ( ต่อ
[lef
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่