คือเราเป็นผู้ชายที่มีลักษณะตุ้งติ้ง (ตุ๊ดนั้นแหละ) ตอนเด็กๆกล้าแสดงออกมาก แต่พอมาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตในวัยเด็กคือเวลาที่พ่อกับแม่ไปรับที่รร. เขาจะชอบเล่าเรื่องของเราที่บ้านให้ครูฟัง ว่าแบบ เนี่ยนะอยู่บ้านชอบเดินแบบ ชอบเต้นไรงี้ ชอบเอาผ้าขนหนูมาโพกหัวเป็นผม หนักเข้าก็เอารูปมาให้ดู (ยุคกล้องคอมแพค) แล้วครูกะแม่ก็หัวเราะกันเหมือนเป็นเรื่องสนุก เป็นเหตุที่ไม่อยากให้พ่อกะแม่มารับที่รร. ถ้ามารับก็จะให้รอที่ลานจอดรถ แต่มันไม่เท่านั้นคะ พอเขาเล่าให้ครูฟัง ครูก็เอาไปเล่าให้เพื่อนในห้องฟังเป็นเหมือนเรื่องโจ๊กขำขันหย้าชั้นเรียนและรวมถึงเล่าให้ครูด้วยกันเองฟัง แล้วก็มาถึงวันโลกแตก วันนั้นพอครูเล่าเรื่องของเล่าจบปุ๊บ คาบถัดไปเป็นคาบพละ ช่วงเรียนก็ปกติคะ แต่พอจบคาบ แล้วเราเดินเขาห้องมา ก็พบกับเหล่า เพื่อนๆที่กำลังยืนล้อมเราเป็นวงกลมแล้ว ล้อว่า ไอ้ตุ๊ด ๆๆๆ แล้วเสียงดังมากจนครูเข้ามาห้าม ก็แค่ห้ามแต่ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่ได้อธิบายให้เด็กๆฟังถึงความหลากหลายทางเพศ ตอนนั้นคือเหมือนไร้จุดยึดเหนี่ยวมาก จะร้องให้แต่ร้องไม่ออก มันจุกมากไม่มีใครเข้าใจเราเลยตอนนั้น ขนความคิดในหัวเป็นแบบ “ไม่... เราไม่ใช่ตุ๊ด เราเป็นผู้ชาย เราต้องเหมือนคนปกติ” แล้วต้องทนอยู่กับความรู้สึกแบบนี้นาน4-5ปี จากที่เป็นเด็กกล้าแสดงออก กลายเป็นเด็กเงียบๆ ไม่ชอบทำกิจกรรมเพราะเดี๋ยวโดนล้อ แล้วสมัยนั้นประมาณปี 2009-10 ไอโฟน 4ยังไม่เกิด ยูทูปก็ยังไม่คาอยมีคลิปอะไร พันทิปก็ยังไม่รู้จัก ไม่รู้จะปรึกษาใคร ตอนนั้นเหมือนเป็นเด็กเก็บกด พ่อแม่ก็ไม่รู้ว่าเรามีปัญหาอะไร เพราะเราก็ไม่ได้บอก จนพอโตขึ้นก็เริ่มเป็นตัวของตัวเอง แต่เรารำคาญมากเวลาที่เจอผู้ใหญ่หรือเพื่อนของพ่อกะแม่เขาก็จะชอบแนะนำเรากะเพื่อนเขาว่านี่ลูกสาว ลูกสาวกำลังโต แล้วเพื่อนๆเขาก็จะแบบ ต๊ายแล้ว...ลูกสาวหรอนี่ไรทำนองนี้ คือเราอายมาก ไม่ใช่อายที่เป็นตุ๊ดนะ แต่แบบบางทีเราก็ไม่ได้อยากจะบอกทุกคนนี่ว่าเราเป็นอะไร บางคนก็ละลาบละล้วงจนรำคาญอะ ทุกวันนี้เลยตัดปัญหาโดยการที่เวลาพ่อแม่ชวนไปเจอเพื่อน เราก็ไปจะไม่ไป
การโดนครอบครัวตัวเองบูลลี่ แล้วคิดว่าเป็นเรื่องสนุก