คำว่า "บัณเฑาะก์" เป็นคำหนึ่งที่มีการถกเถียงกันมากในหมู่นักภาษาศาสตร์โดยเฉพาะในโลกตะวันตก ชาวตะวันตกที่สนใจและเชียวชาญด้านภาษาตะวันออกโดยเฉพาะบาลีและสันสกฤต ต่างก็ยังลงความเห็นได้ไม่ชัดเจนนักว่าความหมายแท้ที่จริงของคำว่า "บัณเฑาะก์" คืออะไร?
ก่อนอื่นผม (วัชรานนท์) อยากจะอธิบายการตีความหมายของชนิดของคำไว้สั้นๆ ตรงนี้ว่า คำบางคำมีความหมายในตัวของมันโดยสมบูรณ์คือพูดปุ๊บก็รู้ปั๊บไม่ต้องคิดไม่ต้องทวนมาก เราจัดคำพวกนี้เป็นคำที่ใช้ "มโนทัศน์เดี่ยว" เช่นคำว่า กลม ดำ แดง ฯลฯ ส่วนคำที่ต้องใช้ความคิดหลายชั้นหรืออาศัยความจำเพื่อที่จะเข้าใจหรือตีความหมายของคำนั้นๆ เราจัดเข้าเป็นประเภท "มโนทัศน์รวม" เช่นคำว่า ควาย (บางคนอาจจะบอกว่าคือสัตว์สี่เท้าที่มีเขา สีดำก็มี สีเผือกก็มี ชอบนอนในโคลน ฯลฯ ) อย่างนี้เป็นต้น และคำว่า "บัณเฑาะก์" ก็จัดเข้ากลุ่มที่ต้องใช้ "มโนทัศน์รวม" ในการตีความหมาย จะแปลว่า กะเทย หรือ เพศที่สามอะไรนั้น ผมมองว่าแล้วแต่คนจะตีความ
คำว่า "บัณเฑาะก์" ปรากฏในพระไตรปิฏกโดยไม่ต้องสงสัยซึ่งอยู่ในหมวดพระวินัยปิฏก และเป็นที่คำปรากฏอยู่ในศาสนาเชน (คนละอย่างกับลัทธิเชนในญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นศาสนาที่มีอายุไล่เลี่ยหรืออาจจะมากกว่าศาสนาพุทธในอินเดีย ซึ่งในศาสนาเชนตีความหมายคำว่า "บัณเฑาะก์" ว่าคือบุคคลผู้ไม่มีเพศ (นปุงสก) ปราชญ์ด้านภาษาบาลีในเมืองไทยอย่างท่านเจ้าคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตโต ปธ.๙) และ เจ้าคุณพระมหาโพธิวงศาสจารย์ (ทองดี สุรเตโช ปธ.๙) ต่างก็ตีความหมายพร้องกันว่า "กะเทย" (อนึ่ง คำว่า "กะเทย" เองก็ต้องใช้มโนทัศน์รวมตีความหมายลงไปอีกชั้นหนึ่ง คหสต)
ด้วยความเคารพในตัวท่านเจ้าคุณประยุทธ์ในฐานะที่ท่านเคยเป็นอาจารย์สอนผมที่มหาวิทยาลัยสงฆ์มาก่อน แม้ผมจะเห็นด้วยแต่ก็อยากจะเพิ่มเติมต่อพระเดชพระคุรท่านว่า "กะเทย" น่าจะเป็นหนึ่งในความหมายหรือประเภทของบุคคลของคำว่า "บัณเฑาะก์" การที่จะบอกว่า "บัณเฑาะก์" คือกะเทยหรือกะเทยคือบัณเฑาะก์ในเชิงอนุโลมปฏิโลมนั้นเห็นจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียวในมุมมองของผม
คำว่า "บัณเฑาะก์" ถ้าจะให้แจกแจงรากศัพท์นั้นอาจจะยาวและเข้าใจยากมากหากใครไม่มีพื้นฐานด้านบาลีไวยาการณ์มาก่อน ขอรวบรัดสั้นๆ มาจากคำว่า ปณฺ + ฑ+ ก = ปณฺฑก แปลว่า "ผู้เปลี่ยน", "ผู้บกพร่อง", "ผู้เป็นไปตามนั้น" ในอดีต สมัยที่ผมเรียนบาลีใหม่ๆ และร้อนวิชาเคยเขียนจดหมายทักท้วงสำนักงานราชบัณฑิตยสถานที่แปลคำว่า "วิหค" ว่าคือนกนั้นไม่ถูกต้อง "วิหค" (มาจากคำว่า เวหา+คม = วิหค) คำแปลจริงๆ ก็คือ "ผู้เดินทางไปในอากาศ" (ยุง แมลงหวี่ แมงปอ ผีเสื้อ สัตว์เหล่านี้ก็คือวิหค ซึ่งไม่ได้เจาะจงว่าเป็นนกเพียงอย่างเดียว) คำว่า "บัณเฑาะก์" นี้ก็มีทำนองคล้ายๆ กันว่าจะแปลว่า กะเทยเสียทีเดียวนั้น ก็มีส่วนถูกเพียงส่วนหนึ่ง
สมาคมบาลีปกรณ์ที่ประเทศอังกฤษที่มีนักภาษาบาลีระดับศาสตราจารย์เองยังไม่กล้าฟันธงหรือหาคำจำกัดความทีตรงกับคำว่า"บัณเฑาะก์" (Pandaka) ไม่ได้ มีบทความชิ้นหนึ่งเขียนเอาไว้อย่างน่าสนใจ เขาพยายามค้นหาคำว่า "บัณเฑาะก์" ว่าเริ่มเอ่ยถึงครั้งแรกเมื่อใด? แล้วโยงเปรียบเทียบกับศาสนาอื่นในอินเดียยุคเดียวกันว่าให้คำจำกัดความอย่างไร? มีคำอื่นที่ใกล้เคียงกันและใช้ในบริบทเดียวกันอย่างไร? บทความเขาเขียนไว้ที่นี่
https://samita.be/en/2019/05/29/the-meaning-of-pa%E1%B9%87%E1%B8%8Daka-in-light-of-the-vedic-and-jain-scriptures/
ในฐานะที่เคยบวชเรียนมาบ้างและรู้เห็น "วงใน" มา อยากจะแสดงความเห้นส่วนตัวว่า กะเทยที่เข้ามาบวชส่วนใหญ่ก็มักจะวางตนไม่เหมาะกับสมณสารูป (พระอื่นๆ ที่ไม่ใช่กะเทย ก็วางตัวไม่เหมาะเช่นกันก็เยอะ)
บัณเฑาะก์ เขียนอย่างนี้ (มีก. ไก่การันต์) มีอีกคำที่เขียนคล้ายกันคือ "บัณเฑาะว์" (ว.แหวนการันต์) ซึ่งแปลว่า "กลองขนาดเล็ก"
...บัณเฑาะก์...
ก่อนอื่นผม (วัชรานนท์) อยากจะอธิบายการตีความหมายของชนิดของคำไว้สั้นๆ ตรงนี้ว่า คำบางคำมีความหมายในตัวของมันโดยสมบูรณ์คือพูดปุ๊บก็รู้ปั๊บไม่ต้องคิดไม่ต้องทวนมาก เราจัดคำพวกนี้เป็นคำที่ใช้ "มโนทัศน์เดี่ยว" เช่นคำว่า กลม ดำ แดง ฯลฯ ส่วนคำที่ต้องใช้ความคิดหลายชั้นหรืออาศัยความจำเพื่อที่จะเข้าใจหรือตีความหมายของคำนั้นๆ เราจัดเข้าเป็นประเภท "มโนทัศน์รวม" เช่นคำว่า ควาย (บางคนอาจจะบอกว่าคือสัตว์สี่เท้าที่มีเขา สีดำก็มี สีเผือกก็มี ชอบนอนในโคลน ฯลฯ ) อย่างนี้เป็นต้น และคำว่า "บัณเฑาะก์" ก็จัดเข้ากลุ่มที่ต้องใช้ "มโนทัศน์รวม" ในการตีความหมาย จะแปลว่า กะเทย หรือ เพศที่สามอะไรนั้น ผมมองว่าแล้วแต่คนจะตีความ
คำว่า "บัณเฑาะก์" ปรากฏในพระไตรปิฏกโดยไม่ต้องสงสัยซึ่งอยู่ในหมวดพระวินัยปิฏก และเป็นที่คำปรากฏอยู่ในศาสนาเชน (คนละอย่างกับลัทธิเชนในญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นศาสนาที่มีอายุไล่เลี่ยหรืออาจจะมากกว่าศาสนาพุทธในอินเดีย ซึ่งในศาสนาเชนตีความหมายคำว่า "บัณเฑาะก์" ว่าคือบุคคลผู้ไม่มีเพศ (นปุงสก) ปราชญ์ด้านภาษาบาลีในเมืองไทยอย่างท่านเจ้าคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตโต ปธ.๙) และ เจ้าคุณพระมหาโพธิวงศาสจารย์ (ทองดี สุรเตโช ปธ.๙) ต่างก็ตีความหมายพร้องกันว่า "กะเทย" (อนึ่ง คำว่า "กะเทย" เองก็ต้องใช้มโนทัศน์รวมตีความหมายลงไปอีกชั้นหนึ่ง คหสต)
ด้วยความเคารพในตัวท่านเจ้าคุณประยุทธ์ในฐานะที่ท่านเคยเป็นอาจารย์สอนผมที่มหาวิทยาลัยสงฆ์มาก่อน แม้ผมจะเห็นด้วยแต่ก็อยากจะเพิ่มเติมต่อพระเดชพระคุรท่านว่า "กะเทย" น่าจะเป็นหนึ่งในความหมายหรือประเภทของบุคคลของคำว่า "บัณเฑาะก์" การที่จะบอกว่า "บัณเฑาะก์" คือกะเทยหรือกะเทยคือบัณเฑาะก์ในเชิงอนุโลมปฏิโลมนั้นเห็นจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียวในมุมมองของผม
คำว่า "บัณเฑาะก์" ถ้าจะให้แจกแจงรากศัพท์นั้นอาจจะยาวและเข้าใจยากมากหากใครไม่มีพื้นฐานด้านบาลีไวยาการณ์มาก่อน ขอรวบรัดสั้นๆ มาจากคำว่า ปณฺ + ฑ+ ก = ปณฺฑก แปลว่า "ผู้เปลี่ยน", "ผู้บกพร่อง", "ผู้เป็นไปตามนั้น" ในอดีต สมัยที่ผมเรียนบาลีใหม่ๆ และร้อนวิชาเคยเขียนจดหมายทักท้วงสำนักงานราชบัณฑิตยสถานที่แปลคำว่า "วิหค" ว่าคือนกนั้นไม่ถูกต้อง "วิหค" (มาจากคำว่า เวหา+คม = วิหค) คำแปลจริงๆ ก็คือ "ผู้เดินทางไปในอากาศ" (ยุง แมลงหวี่ แมงปอ ผีเสื้อ สัตว์เหล่านี้ก็คือวิหค ซึ่งไม่ได้เจาะจงว่าเป็นนกเพียงอย่างเดียว) คำว่า "บัณเฑาะก์" นี้ก็มีทำนองคล้ายๆ กันว่าจะแปลว่า กะเทยเสียทีเดียวนั้น ก็มีส่วนถูกเพียงส่วนหนึ่ง
สมาคมบาลีปกรณ์ที่ประเทศอังกฤษที่มีนักภาษาบาลีระดับศาสตราจารย์เองยังไม่กล้าฟันธงหรือหาคำจำกัดความทีตรงกับคำว่า"บัณเฑาะก์" (Pandaka) ไม่ได้ มีบทความชิ้นหนึ่งเขียนเอาไว้อย่างน่าสนใจ เขาพยายามค้นหาคำว่า "บัณเฑาะก์" ว่าเริ่มเอ่ยถึงครั้งแรกเมื่อใด? แล้วโยงเปรียบเทียบกับศาสนาอื่นในอินเดียยุคเดียวกันว่าให้คำจำกัดความอย่างไร? มีคำอื่นที่ใกล้เคียงกันและใช้ในบริบทเดียวกันอย่างไร? บทความเขาเขียนไว้ที่นี่ https://samita.be/en/2019/05/29/the-meaning-of-pa%E1%B9%87%E1%B8%8Daka-in-light-of-the-vedic-and-jain-scriptures/
ในฐานะที่เคยบวชเรียนมาบ้างและรู้เห็น "วงใน" มา อยากจะแสดงความเห้นส่วนตัวว่า กะเทยที่เข้ามาบวชส่วนใหญ่ก็มักจะวางตนไม่เหมาะกับสมณสารูป (พระอื่นๆ ที่ไม่ใช่กะเทย ก็วางตัวไม่เหมาะเช่นกันก็เยอะ)
บัณเฑาะก์ เขียนอย่างนี้ (มีก. ไก่การันต์) มีอีกคำที่เขียนคล้ายกันคือ "บัณเฑาะว์" (ว.แหวนการันต์) ซึ่งแปลว่า "กลองขนาดเล็ก"