เมื่อเริ่มได้ทำความรู้จักกับประเทศฝรั่งเศส ก็แอบจะพูดได้อย่างเต็มคำว่าชาวฝรั่งเศสนี่มีความคลั่งในขนมปังฝรั่งเศส หรือ เจ้า “บาแกตต์” กันอยู่ไม่น้อย อาหารเช้าส่วนใหญ่ก็เริ่มกันด้วยบาแกตต์ และถ้าสังเกตเวลาไปตามร้านอาหารก็จะเริ่มเสิร์ฟบาแกตต์มาไว้ก่อน สำหรับทานคู่กับอาหารต่างๆ นอกจากนี้แทบจะทุกร้านเบเกอรี่ก็จะมีบาแกตต์วางขายอยู่ เป็นที่แน่ๆ ลองไปแอบไปเดินดูกันได้
หลังจากนั่งอ่านรีวิว ถามคนรู้จักบ้างก็ได้ไอเดียว่าบาแกตต์ที่ดีควรกรอบๆที่ด้านนอก เมื่อบิออกก็ต้องเปิดเข้าไปให้เห็ยเนื้อขนมปังด้านในที่มีสีออกงาช้างและหนึบๆหน่อย รวมไปถึงยังจะเห็นรูอากาศภายในด้วย และอย่างที่รู้ว่าบาแกตต์นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสที่ปรากำให้เห็นบ่อยๆในหนังหรือการ์ตูนหลายๆเรื่อง เมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับฝรั่งเศสก็เริ่มจะต้องมีบาแกตต์เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่บ่อยๆ ทางกรุงปารีสจึงจัดการแข่งขันประกวดบาแกตต์ขึ้นมาซะเลย โดยการการแข่งขันนั้นมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Grand Prix de la baguette de la Ville de Paris” และลิสต์อันนี้น่าจะพอเป็นตัวช่วยสำคัญในกรณีที่ใครอยากจะลองชิมบาแกตต์ที่เขาว่าดี จะได้รู้กันว่าบาแกตต์แบบฉบับฝรั่งเศสควรจะออกมาเป็นยังไง ไหนๆก็ไหนๆ เมื่อเราอยู่ปารีสกันอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจพากันออกไปชิม 5 บาแกตต์ที่เขาว่าดีที่สุดในปี 2019 ไปดูกันว่าจะออกมาเป็นยังไง แต่ขอบอกตอนนี้เลยว่าจากการลองมา 5 ร้าน ความแตกต่างของบาแกตต์นั้นไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนในเรื่องของรสชาติ เพียงแต่ระดับความเหนียว ความกรอบนั้นจะแตกต่างๆกันเล็กน้อย แม้กระทั่งลองไปถามชาวฝรั่งเศสเอง บางคนก็ยังไม่รู้จะอธิบายความต่างยังไง แต่เมื่อคิดจะออกไปแล้วก็ลองดูเผื่อเราจะได้สัมผัสความต่างเเละเข้าใจมากขึ้น ไปดูกันเลย
สารภาพล่วงหน้าว่ารสชาติ ความเเตกต่างนั้นอธิบายไม่ออกเลย เพราะฉะนั้นจะเน้นอธิบายตัวร้านที่เห็นบวกกับรสชาติไปเพียงเล็กน้อยแล้วกันนะ
1. Boulangerie Leroy –Monti
Fabrice Leroy กลายเป็นคนทำขนมปังบาแกตต์ที่ดีที่สุดประจำปี 2019 เนื่องจากการประกวด “Grand Prix de la baguette de la Ville de Paris” จากการให้สัมภาษณ์ เขาเล่าว่าเขาค่อนข้างตกใจกับรางวัลนี้ เพราะตัวเองก็เพิ่งเริ่มอาชีพที่ได้ประมาณสองสามปี ก่อนจะเริ่มอาชีพนี้ เขาเคยงานเป็นหัวหน้าโปรเจคที่ SNCF หรือองค์การรถไฟของประเทศฝรั่งเศส ร้าน Boulangerie Leroy –Monti โดดเด่นออกมาจากตัวอาคารเดียวกันด้วยสีเขียวของร้าน และสติ๊กเกอร์การันตีรางวัลด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ไม่เบา เมื่อเดินเข้าไปในร้าน ชั้นวางบาแกตต์ในร้านค่อนข้างโล่งทีเดียวเพราะ เพียงแค่นี้ก็น่าจะพอการันตีความนิยมของร้านได้ไม่น้อย บาแกตต์ที่เราสั่งมามีสีเหลืองทองที่ด้านนอก กลิ่นของขนปังหอมๆก็ค่อนข้างทำให้เราตื่นเต้นกับการลองไม่น้อย ส่วนเนื้อสัมผัสที่ได้จาด้านในเนื้อบาแกตต์ก็เป็นเนื้อหนึบ มีรสชาติเค็มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ที่อยู่ : 203 Avenue Daumesnil, 75012 Paris
เวลาทำการ : วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 7:00 – 20:00
การเดินทาง : เมโทรสาย 6 สถานี Daumesnil
เว็บไซต์ :
https://boulangerie-leroymonti.business.site/
2. Aux Deux Anges
เบเกอร์รี่ช้อปร้านนี้แตกต่างจากร้านเบเกอร์รี่ออริจินัลทั่วไปนิดหน่อย เพราะมีการจัดที่นั่งไว้สำหรับจิบกาแฟ และเครื่องดื่มภายในร้าน หลังจากเดินเล่นในปารีส ได้ลองนั่งพักพร้อมเบเกอร์รี่ร้อนๆและเครื่องดื่มอุ่นๆคงไม่เลวเลยทีเดียว ชื่อของร้านหมายถึง ถึงเทพทั้งสอง ที่ด้านหน้าของร้านจึงมีการใช้รูปปั้นเพื่อตกแต่งที่ป้ายร้าน นอกจากขนมปัง ขนมอบชนิดต่างๆแล้วภายในร้านยังมีขนมหวานให้เลือกมากมาย เช่นมาการอง ทาร์ตต่างๆ เป็นต้น สีของขนมปังบาแกตต์ที่ร้านนี้ก็ออกมาเป็นสีเหลืองทองเช่นเดียวกับร้านแรก และให้สัมผัสเหนียวนุ่มซึ่งเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญของบาแกตต์ที่ดี
ที่อยู่ : 23 Rue Daval, 75011 Paris
เวลาทำการ : วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 7:00 – 20:30
การเดินทาง : เมโทรสาย 5 หรือสาย 1 สถานี Bastille
3. Paris&Co Ecoles
ร้านนี้ตั้งอยู่ในเขต 5 ของปารีส ซึ่งเป็นเขตที่เรียกว่า Quatier Latin (การ์ติเย่ลาแต็ง) ร้านนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยวัยรุ่น กลุ่มคนวัยทำงานชาวปารีส ภายในร้านมีทั้งขนมปัง เค้ก ของหวาน สลัด ซุป และเครื่องดื่มให้บริการ เรียกได้ว่าสามรถกินอาหารเต็มๆมื้อได้ที่นี่เลย ร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว เทา ดำ ออกจะโมเดิร์นกว่าทุกร้านหน่อย ถ้าพูดถึงบาแกตต์ดูเหมือนว่าไซส์ของบาแกตต์ที่นี่จะดูอวบกว่าทุกร้าน และให้ความกรอบๆที่ด้านนอกมากกว่าทุกๆร้าน
ที่อยู่ : 4, bis Rue des Ecoles 75005
เวลาทำการ : ทุกวัน 6:30 – 21:00
การเดินทาง : รถบัสสาย 47 เลือกลงป้าย Cardinal Lemoine
4. Le Délice de Bagnolet
ร้านนี้เด่นด้วยป้าย BOULANGERIE สีชมพูมาแต่ไกล มองเห็นชัดเจนข้ามฝากถนนไปเลย เมื่อเดินเข้าไปในร้าน คุณสามารถที่จะมองเห็นห้องอบขนมปังได้จากประตูเล็กๆ และด้วยความที่ห้องอบนั้นเชื่อมกับร้านแบบติดๆ กลิ่นของขนมปังก็อบอวลไปทั่วร้านเลย และยิ่งพอได้แอบเห็นห้องอบขนมปังก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก
ที่อยู่ : 42 Boulevard Mortier, 75020 Paris
เวลาทำการ : ทุกวัน 7:00 – 20:00
การเดินทาง : เมโทรสาย 6 สถานี Porte de Bagnolet
5. Tout Autour du Pain
ร้านนี้อยู่ในย่าน Le Marais ตั้งแต่ที่ด้านหน้าของร้านตกแต่งด้วยสีดำ และตัวหนังสือ “BOULANGERIE” รวมไปถึงลวดลายสีทองร้านเบเกอร์รี่นี่การันตีความดีงามด้วยรางวัลการประกวดบาแกตต์มาถึง 3 ครั้งด้วยกัน นอกจากบาแกตต์รสชาติดีแล้ว ร้านนี้เขายังดังเรื่องครัวซองต์ด้วย ถ้าจะให้เลือกร้านที่กินบาแกตต์แล้วสึกว่ามีความแตกต่างอยากชัดๆ เราก็คงขอเลือกร้านนี้ ความกรอบด้านนอกแบบพอดี เมื่อฉีกเนื้อเข้าไปก็มีความหนึบนุ่มที่กริบที่สุด แถมยังได้รสชาติเค็มๆออกมาปะแล้มๆซึ่งน่าจะช่วยสร้างความอยากอาหารได้ดีทีเดียว
ที่อยู่ : 134 Rue de Turenne 75003
เวลาทำการ : วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 6:30 – 20:30, วันเสาร์และอาทิตย์ 06:30 – 19:30
การเดินทาง : เมโทรสาย 11, 9 หรือ 5 République station, เมโทรสาย 8 สถานี Filles du Calvaire station
บาแกตต์จริงๆแล้วไม่ใช่ขนมปังที่มีรสชาติจัดชัดเจน จะกินเปล่าๆก็ได้ แต่ก็อาจจะไม่ถูกปากชาวไทยอย่างเราที่ทานอาหารรสจัดกันมาตลอด ดังนั้นเราแนะนำว่าให้ลองทานคู่กับเนย ชีส แยม หรือจิ้มซอส น้ำพริกเผาต่างๆของบ้านเราก็จะอร่อยกันไปอีกแบบ ชาวฝรั่งเศสทานบาแกตต์กันเป็นเรื่องปกติ และจริงจังกันถึงขั้นว่ามีกฎกันว่าการที่ขนมปังจะเรียกว่าบาแกตต์ได้นั้นควรจะมีความยาวประมาณ 50 – 60 เซนติเมตรและกว้างไม่เกิน 5-6 เซนติเมตร ราคาของบาแกตต์นั้นอยู่ที่ไม่เกิน 1.50 ยูโรโดยทั่วไป ขึ้นอยู่กับชนิดและร้านขนมปัง เชื่อเหลือไม่ว่าในประเทศฝรั่งเศสมีร้านขนมปังอยู่กว่า 30,000 ร้าน คิดดูเอาเถอะว่าในแต่ละวันจะมีกาแกตต์ผลิตออกมากี่แท่ง มาถึงฝรั่งเศสแล้วก็ลองไปชิมดูหน่อยว่าบาแกตต์แท้ๆในฝรั่งเศสนั้นจะมีรสชาติเป็นยั
พากันไปชิม "บาแกตต์" 5 ร้านการันตีรางวัลจากกรุงปารีส
หลังจากนั่งอ่านรีวิว ถามคนรู้จักบ้างก็ได้ไอเดียว่าบาแกตต์ที่ดีควรกรอบๆที่ด้านนอก เมื่อบิออกก็ต้องเปิดเข้าไปให้เห็ยเนื้อขนมปังด้านในที่มีสีออกงาช้างและหนึบๆหน่อย รวมไปถึงยังจะเห็นรูอากาศภายในด้วย และอย่างที่รู้ว่าบาแกตต์นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสที่ปรากำให้เห็นบ่อยๆในหนังหรือการ์ตูนหลายๆเรื่อง เมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับฝรั่งเศสก็เริ่มจะต้องมีบาแกตต์เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่บ่อยๆ ทางกรุงปารีสจึงจัดการแข่งขันประกวดบาแกตต์ขึ้นมาซะเลย โดยการการแข่งขันนั้นมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Grand Prix de la baguette de la Ville de Paris” และลิสต์อันนี้น่าจะพอเป็นตัวช่วยสำคัญในกรณีที่ใครอยากจะลองชิมบาแกตต์ที่เขาว่าดี จะได้รู้กันว่าบาแกตต์แบบฉบับฝรั่งเศสควรจะออกมาเป็นยังไง ไหนๆก็ไหนๆ เมื่อเราอยู่ปารีสกันอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจพากันออกไปชิม 5 บาแกตต์ที่เขาว่าดีที่สุดในปี 2019 ไปดูกันว่าจะออกมาเป็นยังไง แต่ขอบอกตอนนี้เลยว่าจากการลองมา 5 ร้าน ความแตกต่างของบาแกตต์นั้นไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนในเรื่องของรสชาติ เพียงแต่ระดับความเหนียว ความกรอบนั้นจะแตกต่างๆกันเล็กน้อย แม้กระทั่งลองไปถามชาวฝรั่งเศสเอง บางคนก็ยังไม่รู้จะอธิบายความต่างยังไง แต่เมื่อคิดจะออกไปแล้วก็ลองดูเผื่อเราจะได้สัมผัสความต่างเเละเข้าใจมากขึ้น ไปดูกันเลย
Fabrice Leroy กลายเป็นคนทำขนมปังบาแกตต์ที่ดีที่สุดประจำปี 2019 เนื่องจากการประกวด “Grand Prix de la baguette de la Ville de Paris” จากการให้สัมภาษณ์ เขาเล่าว่าเขาค่อนข้างตกใจกับรางวัลนี้ เพราะตัวเองก็เพิ่งเริ่มอาชีพที่ได้ประมาณสองสามปี ก่อนจะเริ่มอาชีพนี้ เขาเคยงานเป็นหัวหน้าโปรเจคที่ SNCF หรือองค์การรถไฟของประเทศฝรั่งเศส ร้าน Boulangerie Leroy –Monti โดดเด่นออกมาจากตัวอาคารเดียวกันด้วยสีเขียวของร้าน และสติ๊กเกอร์การันตีรางวัลด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ไม่เบา เมื่อเดินเข้าไปในร้าน ชั้นวางบาแกตต์ในร้านค่อนข้างโล่งทีเดียวเพราะ เพียงแค่นี้ก็น่าจะพอการันตีความนิยมของร้านได้ไม่น้อย บาแกตต์ที่เราสั่งมามีสีเหลืองทองที่ด้านนอก กลิ่นของขนปังหอมๆก็ค่อนข้างทำให้เราตื่นเต้นกับการลองไม่น้อย ส่วนเนื้อสัมผัสที่ได้จาด้านในเนื้อบาแกตต์ก็เป็นเนื้อหนึบ มีรสชาติเค็มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เวลาทำการ : วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 7:00 – 20:00
การเดินทาง : เมโทรสาย 6 สถานี Daumesnil
เว็บไซต์ : https://boulangerie-leroymonti.business.site/
2. Aux Deux Anges
เบเกอร์รี่ช้อปร้านนี้แตกต่างจากร้านเบเกอร์รี่ออริจินัลทั่วไปนิดหน่อย เพราะมีการจัดที่นั่งไว้สำหรับจิบกาแฟ และเครื่องดื่มภายในร้าน หลังจากเดินเล่นในปารีส ได้ลองนั่งพักพร้อมเบเกอร์รี่ร้อนๆและเครื่องดื่มอุ่นๆคงไม่เลวเลยทีเดียว ชื่อของร้านหมายถึง ถึงเทพทั้งสอง ที่ด้านหน้าของร้านจึงมีการใช้รูปปั้นเพื่อตกแต่งที่ป้ายร้าน นอกจากขนมปัง ขนมอบชนิดต่างๆแล้วภายในร้านยังมีขนมหวานให้เลือกมากมาย เช่นมาการอง ทาร์ตต่างๆ เป็นต้น สีของขนมปังบาแกตต์ที่ร้านนี้ก็ออกมาเป็นสีเหลืองทองเช่นเดียวกับร้านแรก และให้สัมผัสเหนียวนุ่มซึ่งเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญของบาแกตต์ที่ดี
เวลาทำการ : วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 7:00 – 20:30
การเดินทาง : เมโทรสาย 5 หรือสาย 1 สถานี Bastille
3. Paris&Co Ecoles
ร้านนี้ตั้งอยู่ในเขต 5 ของปารีส ซึ่งเป็นเขตที่เรียกว่า Quatier Latin (การ์ติเย่ลาแต็ง) ร้านนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยวัยรุ่น กลุ่มคนวัยทำงานชาวปารีส ภายในร้านมีทั้งขนมปัง เค้ก ของหวาน สลัด ซุป และเครื่องดื่มให้บริการ เรียกได้ว่าสามรถกินอาหารเต็มๆมื้อได้ที่นี่เลย ร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว เทา ดำ ออกจะโมเดิร์นกว่าทุกร้านหน่อย ถ้าพูดถึงบาแกตต์ดูเหมือนว่าไซส์ของบาแกตต์ที่นี่จะดูอวบกว่าทุกร้าน และให้ความกรอบๆที่ด้านนอกมากกว่าทุกๆร้าน
เวลาทำการ : ทุกวัน 6:30 – 21:00
การเดินทาง : รถบัสสาย 47 เลือกลงป้าย Cardinal Lemoine
4. Le Délice de Bagnolet
ร้านนี้เด่นด้วยป้าย BOULANGERIE สีชมพูมาแต่ไกล มองเห็นชัดเจนข้ามฝากถนนไปเลย เมื่อเดินเข้าไปในร้าน คุณสามารถที่จะมองเห็นห้องอบขนมปังได้จากประตูเล็กๆ และด้วยความที่ห้องอบนั้นเชื่อมกับร้านแบบติดๆ กลิ่นของขนมปังก็อบอวลไปทั่วร้านเลย และยิ่งพอได้แอบเห็นห้องอบขนมปังก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก
เวลาทำการ : ทุกวัน 7:00 – 20:00
การเดินทาง : เมโทรสาย 6 สถานี Porte de Bagnolet
5. Tout Autour du Pain
ร้านนี้อยู่ในย่าน Le Marais ตั้งแต่ที่ด้านหน้าของร้านตกแต่งด้วยสีดำ และตัวหนังสือ “BOULANGERIE” รวมไปถึงลวดลายสีทองร้านเบเกอร์รี่นี่การันตีความดีงามด้วยรางวัลการประกวดบาแกตต์มาถึง 3 ครั้งด้วยกัน นอกจากบาแกตต์รสชาติดีแล้ว ร้านนี้เขายังดังเรื่องครัวซองต์ด้วย ถ้าจะให้เลือกร้านที่กินบาแกตต์แล้วสึกว่ามีความแตกต่างอยากชัดๆ เราก็คงขอเลือกร้านนี้ ความกรอบด้านนอกแบบพอดี เมื่อฉีกเนื้อเข้าไปก็มีความหนึบนุ่มที่กริบที่สุด แถมยังได้รสชาติเค็มๆออกมาปะแล้มๆซึ่งน่าจะช่วยสร้างความอยากอาหารได้ดีทีเดียว
ที่อยู่ : 134 Rue de Turenne 75003
เวลาทำการ : วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 6:30 – 20:30, วันเสาร์และอาทิตย์ 06:30 – 19:30
การเดินทาง : เมโทรสาย 11, 9 หรือ 5 République station, เมโทรสาย 8 สถานี Filles du Calvaire station
บาแกตต์จริงๆแล้วไม่ใช่ขนมปังที่มีรสชาติจัดชัดเจน จะกินเปล่าๆก็ได้ แต่ก็อาจจะไม่ถูกปากชาวไทยอย่างเราที่ทานอาหารรสจัดกันมาตลอด ดังนั้นเราแนะนำว่าให้ลองทานคู่กับเนย ชีส แยม หรือจิ้มซอส น้ำพริกเผาต่างๆของบ้านเราก็จะอร่อยกันไปอีกแบบ ชาวฝรั่งเศสทานบาแกตต์กันเป็นเรื่องปกติ และจริงจังกันถึงขั้นว่ามีกฎกันว่าการที่ขนมปังจะเรียกว่าบาแกตต์ได้นั้นควรจะมีความยาวประมาณ 50 – 60 เซนติเมตรและกว้างไม่เกิน 5-6 เซนติเมตร ราคาของบาแกตต์นั้นอยู่ที่ไม่เกิน 1.50 ยูโรโดยทั่วไป ขึ้นอยู่กับชนิดและร้านขนมปัง เชื่อเหลือไม่ว่าในประเทศฝรั่งเศสมีร้านขนมปังอยู่กว่า 30,000 ร้าน คิดดูเอาเถอะว่าในแต่ละวันจะมีกาแกตต์ผลิตออกมากี่แท่ง มาถึงฝรั่งเศสแล้วก็ลองไปชิมดูหน่อยว่าบาแกตต์แท้ๆในฝรั่งเศสนั้นจะมีรสชาติเป็นยั