ศพที่หายไป
ภายใต้ท้องฟ้ามืดสนิทของเวลาย่ำเที่ยงคืน ถนนคดเคี้ยวขนาบด้วยป่าทึบสองข้างทางเช่นนี้ แสงไฟสีแดงและน้ำเงินกะพริบวูบวาบเบื้องหน้า เป็นเพียงจุดสังเกตเดียวที่ทำให้รู้ว่าใกล้ถึงจุดเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งถูกแจ้งเข้ามาทางวิทยุเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
ร้อยตำรวจเอกเมธี กิ่งเพชร วัยห้าสิบสองแอบรถยนต์ส่วนตัวเข้าข้างทาง ต่อท้ายรถตำรวจคันแรกที่เห็นทันที
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่เหรอจ่ากมล” บุหรี่ไทยก้นกรองแดงถูกหยิบมาคาบหลังเคาะออกจากซอง ก่อนจะเอ่ยคำถามออกไป เมื่อเห็นผู้ใต้บังคับบัญชากำลังยืนมองรถพยาบาล ที่หงายท้องอยู่ในร่องน้ำความลึกระดับหน้าแข้ง
“ครับผู้กอง” ตำรวจนอกเครื่องแบบหนุ่มสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันมาทำความเคารพเจ้าของคำถาม “เอ่อ...ผมคิดว่ารถพยาบาลวิ่งมาจากด้านนั้น” จ่ากมลชี้มือไปตามทิศทางถนน “แล้วเกิดยางระเบิด ทำให้เสียหลักพุ่งลงไปข้างทางครับ”
เจ้าของยศร้อยตำรวจเอกขมวดคิ้วพิจารณาสภาพที่เกิดเหตุ ก่อนจะก้มลงจุดบุหรี่ “มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า ทำไมเขาเรียกทีมสืบสวนของเรามาล่ะ”
“อ๋อ...ครับๆ คือ...รถพยาบาลคันนี้เดิมทีจะไปรับ คุณพิชิต ธารานคร ที่ถูกแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุล้มหมดสติในห้องน้ำ แต่พอไปถึงกลับช่วยชีวิตไว้ไม่ทัน คุณพิชิตเสียชีวิตก่อนเจ้าหน้าที่พยาบาลจะไปถึงครับ”
“แล้ว...” สีหน้าของผู้กองเมธีบ่งบอกว่ากำลังพยายามจับต้นชนปลายอยู่
“เอ่อ...ครับ คือพอคุณพิชิตเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่เลยนำศพขึ้นรถพยาบาลคันนี้ ที่เกิดอุบัติเหตุนี่ละครับ เพื่อจะเอาไปชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่โรงพยาบาล”
“ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันเกี่ยวยังไงกับทีมสืบสวนอยู่ดี”
“ศพคุณพิชิตหายไปจากรถพยาบาลครับ...”
ใบหน้าสวยหวานจะพึงชวนให้หลงใหลมากกว่ายามนี้อีกหลายเท่านัก หากผู้เป็นเจ้าของไม่ได้ตกอยู่ในอาการหวั่นวิตกอย่างหนัก แม้จะพยายามแอบหยิกข้อมือของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเป็นรอยเล็บ ก็ยังมิอาจลดทอนอาการสั่นเทานั้นลง ห้องสี่เหลี่ยมธรรมดาที่มีเพียงโต๊ะเก้าอี้สำนักงานสเตนเลสอยู่ชุดเดียว คงไม่สามารถทำให้ใครรู้สึกกลัวหรือกังวลใจได้ ขวัญสุดาเองก็เช่นกัน
แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวเกิดอาการอย่างนี้นั้น เพราะเรื่องที่เธอถูกเชิญมาต่างหาก
ท่ามกลางเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังต่อเนื่องมาร่วมสิบนาที อยู่ๆ ความราบเรียบนั้นก็ถูกแทรกด้วยการเคาะประตู ทำเอาขวัญสุดาซึ่งกำลังตกอยู่ในภวังค์ถึงกับสะดุ้งเฮือก
“สวัสดีครับคุณขวัญสุดา ผมร้อยตำรวจเอกเมธี กิ่งเพชร ก่อนอื่นต้องขอโทษที่เชิญมาแต่เช้านะครับ” หลังจากบานประตูถูกเปิด ขวัญสุดาก็พบกับร้อยเวรที่จะทำการสอบสวนเธอ
“ค่ะ...” เจ้าของชื่อตอบกลับเพียงสั้นๆ
ติดตามฉบับสมบูรณ์ได้เร็วๆ นี้ครับ...^^
เรียกน้ำย่อย เรื่องสั้น ศพที่หายไป โดย คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
ร้อยตำรวจเอกเมธี กิ่งเพชร วัยห้าสิบสองแอบรถยนต์ส่วนตัวเข้าข้างทาง ต่อท้ายรถตำรวจคันแรกที่เห็นทันที
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่เหรอจ่ากมล” บุหรี่ไทยก้นกรองแดงถูกหยิบมาคาบหลังเคาะออกจากซอง ก่อนจะเอ่ยคำถามออกไป เมื่อเห็นผู้ใต้บังคับบัญชากำลังยืนมองรถพยาบาล ที่หงายท้องอยู่ในร่องน้ำความลึกระดับหน้าแข้ง
“ครับผู้กอง” ตำรวจนอกเครื่องแบบหนุ่มสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันมาทำความเคารพเจ้าของคำถาม “เอ่อ...ผมคิดว่ารถพยาบาลวิ่งมาจากด้านนั้น” จ่ากมลชี้มือไปตามทิศทางถนน “แล้วเกิดยางระเบิด ทำให้เสียหลักพุ่งลงไปข้างทางครับ”
เจ้าของยศร้อยตำรวจเอกขมวดคิ้วพิจารณาสภาพที่เกิดเหตุ ก่อนจะก้มลงจุดบุหรี่ “มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า ทำไมเขาเรียกทีมสืบสวนของเรามาล่ะ”
“อ๋อ...ครับๆ คือ...รถพยาบาลคันนี้เดิมทีจะไปรับ คุณพิชิต ธารานคร ที่ถูกแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุล้มหมดสติในห้องน้ำ แต่พอไปถึงกลับช่วยชีวิตไว้ไม่ทัน คุณพิชิตเสียชีวิตก่อนเจ้าหน้าที่พยาบาลจะไปถึงครับ”
“แล้ว...” สีหน้าของผู้กองเมธีบ่งบอกว่ากำลังพยายามจับต้นชนปลายอยู่
“เอ่อ...ครับ คือพอคุณพิชิตเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่เลยนำศพขึ้นรถพยาบาลคันนี้ ที่เกิดอุบัติเหตุนี่ละครับ เพื่อจะเอาไปชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่โรงพยาบาล”
“ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันเกี่ยวยังไงกับทีมสืบสวนอยู่ดี”
“ศพคุณพิชิตหายไปจากรถพยาบาลครับ...”
ใบหน้าสวยหวานจะพึงชวนให้หลงใหลมากกว่ายามนี้อีกหลายเท่านัก หากผู้เป็นเจ้าของไม่ได้ตกอยู่ในอาการหวั่นวิตกอย่างหนัก แม้จะพยายามแอบหยิกข้อมือของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเป็นรอยเล็บ ก็ยังมิอาจลดทอนอาการสั่นเทานั้นลง ห้องสี่เหลี่ยมธรรมดาที่มีเพียงโต๊ะเก้าอี้สำนักงานสเตนเลสอยู่ชุดเดียว คงไม่สามารถทำให้ใครรู้สึกกลัวหรือกังวลใจได้ ขวัญสุดาเองก็เช่นกัน
แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวเกิดอาการอย่างนี้นั้น เพราะเรื่องที่เธอถูกเชิญมาต่างหาก
ท่ามกลางเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังต่อเนื่องมาร่วมสิบนาที อยู่ๆ ความราบเรียบนั้นก็ถูกแทรกด้วยการเคาะประตู ทำเอาขวัญสุดาซึ่งกำลังตกอยู่ในภวังค์ถึงกับสะดุ้งเฮือก
“สวัสดีครับคุณขวัญสุดา ผมร้อยตำรวจเอกเมธี กิ่งเพชร ก่อนอื่นต้องขอโทษที่เชิญมาแต่เช้านะครับ” หลังจากบานประตูถูกเปิด ขวัญสุดาก็พบกับร้อยเวรที่จะทำการสอบสวนเธอ
“ค่ะ...” เจ้าของชื่อตอบกลับเพียงสั้นๆ