8 เหตุผลว่าทำไมคนเราจึงไม่มีความสุขกับชีวิต

คุณคงเคยมีความรู้สึกว่าคุณน่าจะมีความสุขมากกว่านี้ ในบางครั้งที่ชีวิตก็ดีแทบทุกอย่าง

แต่ดูเหมือนว่าลึกๆข้างในคุณรู้สึกทุกข์ระทม ขมขื่น และอ้างว้าง

คุณอาจเคยคิดว่าความสำเร็จจะทำให้ชีวิตมีความสุขทั้งกายและใจ

แต่ตอนนี้มันเหมือนกับว่าคุณไม่แน่ใจแล้วว่าอะไรกันแน่ที่จะทำให้มีความสุข

เชื่อว่าทุกคนคงเคยประสบกับช่วงเวลาแบบนี้ทั้งนั้น

ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใด?

และทำอย่างไรเราจึงจะมีความสุขได้ในวันนี้เวลานี้โดยไม่ต้องรออีกต่อไป

เรามาดูกันว่าเหตุใดคนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิต?

8เหตุผลว่าทำไมคนเราจึงไม่มีความสุขกับชีวิต




1.คุณยึดความสุขในแบบของคนอื่น

คุณมีรถที่ดีอยู่แล้ว แต่ยังอยากได้คันใหม่อีกไหม?

คุณมีบ้านที่มีสภาพดี อยู่สบาย แต่ยังอยากได้บ้านที่หรูหรากว่านี้หรือไม่?

คุณมีคู่ครองหรือคนรักที่ดี เข้ากันได้ดี แต่ก็ยังหยุดเพ่งโทษข้อเสียเล็กๆน้อยๆของเขาหรือเธอไม่ได้ ใช่หรือไม่?

ถ้าคุณตอบว่าใช้ ข้อใดข้อหนึ่ง หรือทั้งหมด นั่นแปลว่าคุณกำลังยึดถือเอาบรรทัดฐานความสุขของคนอื่นมาเป็นของตน คุณกำลังเปรียบเทียบตัวเองกับดารา นักแสดง นักการเมืองหรือเศรษฐีร้อยล้าน พันล้านคนอื่นๆ และมันทำให้คุณไม่มีความสุข

ทางแก้ คือ เลิกสนใจคำโฆษณาชวนเชื่อหรือสิ่งที่สังคม(ที่มองกันแค่เปลือกนอก)พยายามยัดเยียดความเชื่อและนิยามของความสุขให้คุณ เพราะคุณจะไม่มีวันมีความสุขเลยถ้าคุณมัวแต่ยุ่งยากกับการไขว่คว้าเอาจากข้างนอก แต่ลืมมองสิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว

จงมีความสุขในตอนนี้โดยนับสิ่งดีๆ ที่คุณมีอยู่ในชีวิต เช่น รถที่ถึงแม้จะไม่ใช่ Benz หรือ BMW แต่มันก็นำพาคุณและครอบครัวไปทุกที่ๆต้องการได้ แถมยังดูแลง่าย ไม่ต้องเสียค่าดูแลแพงๆ หรือบ้านที่คุณอยู่ ณ ปัจจุบัน ซึ่งคุณอาจจะยังผ่อนไม่หมด แต่มันก็ทำให้ครอบครัวมีที่ซุกหัวนอน ไม่ต้องเช่าใคร ไม่ต้องกังวลว่าคืนนี้จะนอนที่ไหน ลองทำดู คุณจะเริ่มมีความสุขขึ้นทันตาเห็น




2.คุณกำลังทำเหมือนว่าตัวเองยังไม่โต

คุณเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนๆคนอื่น หรือเปล่า?

คุณยังอดที่ถูกดึงดูดเข้าหารถ บ้านหรือแม้แต่แฟนที่ดูดีกว่า สวยกว่า เพียงเพราะเห็นเพื่อนของตัวเองมี?

ลองคิดดูดีๆ ว่านี่มันยุค พ.ศ.ไหนแล้ว คุณไม่ใช่เด็กอีกต่อไปที่อิจฉาเวลาเพื่อนมีอะไรดีกว่า และอยากจะมีบ้าง ตอนนี้คุณอาจเริ่มมีผมขาว ริ้วรอยบนหน้าแล้ว มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะคิดอะไรแคบๆอีกต่อไป

ทางแก้ คือ ถ้าคุณมีกลุ่มเพื่อนที่คอยแต่จะเปรียบเทียบกันแต่สิ่งของภายนอก อวดกันว่าใครมีอะไรใหม่ตลอดเวลา มันถึงเวลาที่จะหาเพื่อนกลุ่มใหม่แล้ว เปลี่ยนเป็นคบกับเพื่อนที่เป็นผู้ใหญ่จริงๆ โฟกัสที่การเจริญงอกงามทางปัญญาและสร้างครอบครัวที่ดี เลิกคิดถึงแต่ตัวเองได้แล้ว มันถึงเวลาที่เราควรให้อะไรต่อคนที่เรารักและสังคมบ้าง



3.คุณไม่รู้จักการเข้าถึงคนอื่น

คุณรู้สึกเหงา อ้างว้างและโดดเดี่ยว ถึงแม้จะมีเพื่อนใน Facebook, Instagram หรือโซเชียลต่างๆหลายร้อยหลายพันคน?

คุณอยากมีเพื่อนแท้มากๆ ที่คุณสามารถแบ่งปันความคิด ความรู้สึกหรือความกลัวต่างๆได้?

เชื่อสิ ว่าความเป็นจริงแล้ว เพื่อนคนอื่นๆของคุณก็มีความรู้สึกเดียวกันนั่นแหละ เราทุกคนอยากมีใครที่สามารถพูดคุยแบ่งปันเรื่องราวทั้งหมดของชีวิตเราได้ ที่จะทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่คนเดียวในโลก

ทางแก้ คือ ลองหัดพบปะ นัดเจอคนรู้จักบ้าง ที่คาดว่าเขาน่าจะชอบอะไรเหมือนๆกัน คนเราที่รู้จักผิวเผินบางทีที่เราเคยตัดสินเขาไปว่าเขาไม่ดีหรือไม่น่าจะเข้ากันได้ ลองหัดทำความรู้จักคนอื่นโดยไม่อคติดู ไม่แน่นะ พวกเขาอาจกลายเป็นเพื่อนแท้ที่ดีที่สุดที่คุณตามหามานาน



4.ปีศาจร้ายตัวเก่าในตัวคุณกำลังขับเคลื่อนคุณอยู่

ช่วงเวลาที่เราเติบโตขึ้น เคยมีใครบางคนทำให้คุณรู้สึกไม่ดีพอบ้างไหม?

คุณรู้สึกว่า คุณต้องการพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ใครบางคนเห็นหรือไม่?

และคนที่คุณกำลังพยายามพิสูจน์ตัวเองให้เห็น คือ ใคร? พ่อ แม่ พี่ชาย น้องชาย พี่สาว น้องสาว เพื่อนที่เคยกลั่นแกล้ง หรือครูที่เคยทำให้ขายหน้ามาก่อน?

สิ่งเหล่านี้คือแรงขับเพื่อความสำเร็จ คุณต้องการพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้คนเหล่านี้เห็นว่าคุณดีพอและไม่ใช่แบบที่เขากล่าวหา เราทุกคนต่างต้องการรู้สึกว่า “เรามีคุณค่า” และการกระทำที่เราทุกคนไขว่คว้าคือ การหาเงินให้มากขึ้น การสร้างภาพลักษณ์ มีสิ่งของราคาแพงให้มากที่สุด เพื่อพิสูจน์ว่า “เรามีคุณค่า”

ทางแก้ คือ ทำความเข้าใจว่าแรงขับในตัวคุณมาจากอะไร ถ้ามันมาจากความเชื่อที่ว่า “คุณไม่ดีพอ” คุณควรมีลิมิตว่าแค่ไหนจึงจะเพียงพอ คุณไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งชีวิตพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้คนอื่นยอมรับ แต่ตัวเองไม่มีความสุข เพราะต่อให้คุณประสบความสำเร็จแค่ไหน ก็ต้องมีคนที่ไม่ยอมรับตัวตนของคุณอยู่ดี ทางที่ดีคือ ทำเท่าที่เรามีความสุข เพราะทุกคนมีคุณค่าอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว ค่าของคนไม่ได้วัดกันที่เงินหรือปัจจัยภายนอกเลย



5.คุณติดอยู่ในคุกแห่งอารมณ์

คุณเป็นคนที่กลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นหรือไม่?

คนส่วนใหญ่มักจะมีความรู้สึกพ่ายแพ้หรืออายที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่คุณต้องการความช่วยเหลืออย่างที่สุด ซึ่งความเครียดเป็นผลจากปัญหาที่คุณมีอาจก่อให้เกิดภาวะดื่มมากเกินไป กินมากเกินไปหรือทำอะไรสักอย่างมากเกินไปเพื่อหลบเลี่ยงความรู้สึกที่แท้จริง หรือเรียกง่ายๆว่า เพื่อหนีปัญหา และนี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า การติดอยู่ในคุกแห่งอารมณ์

ทางแก้ คือ ถ้าคุณมีปัญหาบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่าอายและอย่ารีรอ เช่น ปัญหาชีวิต ปัญหาสุขภาพต่างๆ ปัญหาด้านอารมณ์ ทั้งความโกรธ ความเครียด โรคซึมเศร้าและความเฉยชา อย่าอายที่จะบอกกล่าวคนอื่น เช่น เพื่อนสนิท ครอบครัวหรือที่ปรึกษาเฉพาะบ้าน เพราะยิ่งปล่อยไว้นานมันจะยิ่งทำให้คุณแย่ลง ดังนั้น อย่าอายหรือกลัวที่จะได้รับความช่วยเหลือเมื่อยามจำเป็น ชีวิตมันสั้นเกินกว่าที่จะทนอยู่อย่างไม่มีความสุข



6.อาการเสพติดบางอย่างทำให้คุณไม่มีความสุข

ไม่ว่าจะเป็นการเสพติดการทำงาน การดื่ม การกิน พนัน ช้อปปิ้งหรือออกกำลังกาย ซึ่งถึงแม้ว่าบางสิ่งจะเป็นสิ่งที่ดี เช่น การทำงานและการออกกำลังกาย

แต่อะไรที่มากไปมันก็สามารถก่อให้เกิดโทษได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เสพติดความสมบูรณ์แบบเกินไป หรือ Perfectionist

ทางแก้ คือ ขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษาหรือโค้ชในเรื่องนั้นๆ ที่สามารถช่วยให้คำแนะนำและวางแผนชีวิตที่สมดุลให้เรา เพื่อที่เราจะไม่ต้องระทมกับอาการเสพติดต่างๆเพียงลำพัง



7.คุณให้คำนิยามความสุขแบบผิดๆ

เช่น ฉันจะมีความสุขเมื่อฉันมีเงินมากกว่านี้ เมื่อฉันซื้อบ้านในฝันได้สำเร็จ เมื่อฉันมีคนรักที่สุดฮอตและเซ็กซี่ เมื่อฉันลดน้ำหนักได้ 5 กิโลกรัมก่อน

แต่ความเป็นจริงคือ เราสามารถสร้างเป้าหมายต่างๆในชีวิตเราได้ แต่อย่าเอาความสุขไปผูกไว้กับเป้าหมายนั้นๆ

ความสุขต้องอยู่ในหนทาง ไม่ใช่อยู่ที่ปลายทาง เพราะมิฉะนั้นระหว่างทางที่คุณกำลังเดินทางสู่เป้าหมาย คุณจะไม่สามารถมีความสุขได้เลย ทุกวันจะเป็นวันที่เหนื่อยและทุกข์ ถ้าคุณมีความเชื่อว่า ต้องได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ก่อนจึงจะมีความสุขได้

ทางแก้ คือ ถ้าตอนนี้คุณไม่มีความสุขกับระหว่างทางที่ไปสู่เป้าหมาย ถามตัวเองว่ามีเหตุการณ์ใดในอดีตที่ขัดขวางไม่ให้คุณมีความสุขในวันนี้? ทำไมคุณถึงต้องการสิ่งภายนอกเพื่อจะมีความสุข?



8.คุณไม่สามารถรักตัวเองได้อย่างไม่มีเงื่อนไข

“ฉันรักเธอมาก และรักเธอในแบบที่เธอเป็นจริงๆ” คุณยืนหน้ากระจก มองลึกเข้าไปในดวงตาของตัวเองและพูดคำนี้กับตัวเองแบบนี้ได้โดยสนิทใจหรือไม่?

คนส่วนมากไม่รักตัวเองจริงๆ เขาจะรักตัวเองต่อเมื่อเขาดูดี รูปร่างดี มีเงินเยอะ หรือทำอะไรสำเร็จสักอย่าง นอกจากนั้น เขามักไม่สามารถพูดได้เต็มปากรักตัวเองจริงๆ

ความรักที่เรามีต่อตัวเราเอง ควรเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข เราควรรักตัวเราเองในแบบที่เราเป็น

ถึงแม้เราจะยังไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้สระผม วันที่ป่วย เมื่อรู้สึกอ้วนขึ้น สิวขึ้น หรือว่าวันที่โดนไล่ออกก็ตาม ความรักตัวเองคือการที่เราไม่ตัดสินตัวเอง คุณค่าของความเป็นคนไม่ได้ลดไปเลยไม่ว่าจะด้วยเหตุการณ์ใดก็ตาม มีแต่ความคิดที่ทำให้เป็นแบบนั้น

คนที่รักตัวเองจริงๆจากข้างใน จะไม่ตัดสินตัวเอง ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไง เนื้อแท้ของเราก็ยังคงเป็นเรา คนๆนั้นจะมีความสุขจริงๆ โดยไม่ต้องแสวงหาจากภายนอก

ถ้าเรารักตัวเองจริงๆ เราจะให้อภัยตัวเองไม่ว่าเราจะทำผิดสักกี่ครั้ง และถ้าเรารักตัวเอง เราจะไม่ทำร้ายตัวเราเองด้วยความคิดลบๆ หรือทำร้ายร่างกายตัวเองด้วยสิ่งที่ไม่ดี

สรุปคือ ถ้าเรายังไม่มีความสุขกับทุกสิ่งที่เรามี แปลว่าคุณอาจยังจมปลักกับอดีตและไม่ยอมปล่อยวางมัน คุณยังคงใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่น คุณยังไม่รักตัวเองอย่างแท้จริง

สิ่งที่ควรทำคือ หยุด ปล่อยวางอดีตให้หมด ให้อภัยตัวเองและคนอื่น ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตโดยการเปรียบเทียบกับคนอื่นอีกต่อไป

แล้วคุณจะพบกับความสุขที่ตามหามานาน ที่มันอยู่ไม่ไกลจากตัวคุณเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่