วันนี้นำSamsung Note8 เข้าไปศูนย์ซ่อมซัมซุง สาขาพระราม9 เวลาประมาณ 14.20น.
ด้วยเรื่องทำเครื่องหล่นแล้วกรอบหลังแตก แต่การใช้งานอุปกรณ์และapplicationทำงานได้ปกติและไม่มีปัญหา
ตอนถึงคิวนำเครื่องให้พนักงาน น้องโทรตรวจสอบกับช่างข้างใน ถามอะไหล่ฝาหลังราคาประมาณ800+บาท
ไม่ได้นำเครื่องเข้าไปตรวจสอบอุปกรณ์ ก็ตกลงกับราคาและทำการแจ้งซ่อม
โดยพนักงานบอกรอเวลาประมาณ2ชม.-2ชม.ครึ่ง แต่ถ้าหากซ่อมเสร็จจะโทรแจ้งหรือลงมาสอบถามได้
ก็รอจนเวลา16.10น.ลงมาสอบถามพนักงาน พนักงานตรวจสอบแล้วบอกเครื่องยังซ่อมไม่เสร็จ
ให้เข้ามาติดต่อเวลา17.30น. ถึงกับตกใจ
เพราะใช้เวลาซ่อมเกือบ 3ชม.
ซึ่งถ้ารู้ว่าใช้เวลาซ่อมถึง3ชม. ถึง3ชม.ครึ่งจะไม่ส่งเครื่องซ่อม เพราะต้องออกไปทำธุระ
จึงขอนำเครื่องคืน และต้ัองตกใจเพิ่ม
เพราะต้องเสียค่าปฎิเสธการซ่อมอีกเป็นเงิน 214บาท
โดยให้เหตุผลเป็นค่าตรวจเช็คอุปกรณ์ แต่ด้วยต้องไปทำธุระจึงยินดีหักจากเงินที่ได้จ่ายค่าซ่อม800+บาท
ได้เงินคืน600กว่าบาท
เดินออกมาจากศูนย์ซ่อมด้วยอาการงงๆ ไม่ได้ใบเสร็จค่าซ่อม
เสียทั้งเวลา เครื่องก็ไม่ได้ซ่อม และเสียทั้งเงินค่าตรวจเช็คอุปกรณ์ที่ไม่รู้ว่ามีการตรวจเช็คอุปกรณ์จริงไหมข้างใน
ได้เปิดเครื่องออกมาดูหรือเปล่าหรือเอาไปวางรอการซ่อม(และได้ทำการเปิดเช็คอุปกรณ์จริง ไม่ซ่อมไปเลยละ แค่สงสัย)
แล้วเสียค่าปฎิเสธการซ่อม และไม่มีใบเสร็จรับเงินค่าปฎิเสธการซ่อม
ได้ทำการโทรไปสอบถามSamsung Thai CallCenter ได้คำตอบว่า ค่าปฎิเสธการซ่อมเป็นค่าตรวจเช็คอุปกรณ์ (เช็คจริงไหม??? ถ้าได้ทำก็ขอหลักฐาน)
ไม่มีความโปร่งใสอะไร ทั้งเรื่องการตรวจเช็คอุปกรณ์ หน้างานก็แค่โทรศัพท์แจ้งถามอะไหล่ และราคา ไม่ได้นำเข้าว่าอุปกรณ์มีปัญหาจริงหรือไม่
ไม่มีทั้งใบเสร็จรับเงิน (เพราะอย่างน้อยก็สามารถนำไปstamp เป็นค่าจอดรถได้ เพราะ จอดฟรีได้แค่2ชม. แต่ต้องรอ 3ชม.กว่า)
สุดท้ายที่เสียไปมากที่สุด คือ เสียความรู้สึก แม้ CallCenter แจ้งว่าสามารถจองคิวได้ในบางรุ่นของอุปกรณ์
หลังจากนี้คงหันไปใช้ Brandอื่นแล้วครั้งหน้า เพราะค่ายอื่นก็คุณภาพดีไม่แพ้กันทางเลือกยังอีกมาก
และอาจแนะนำบอกต่อคนอื่นที่อาจต้องใช้โทรศัพท์Samsungสำหรับคนที่กำลังมองหาโทรศัพท์Smartphoneในอนาคตเพื่อประกอบการตัดสินใจ
Samsung กับค่าปฎิเสธการซ่อม 214บาท
ด้วยเรื่องทำเครื่องหล่นแล้วกรอบหลังแตก แต่การใช้งานอุปกรณ์และapplicationทำงานได้ปกติและไม่มีปัญหา
ตอนถึงคิวนำเครื่องให้พนักงาน น้องโทรตรวจสอบกับช่างข้างใน ถามอะไหล่ฝาหลังราคาประมาณ800+บาท
ไม่ได้นำเครื่องเข้าไปตรวจสอบอุปกรณ์ ก็ตกลงกับราคาและทำการแจ้งซ่อม
โดยพนักงานบอกรอเวลาประมาณ2ชม.-2ชม.ครึ่ง แต่ถ้าหากซ่อมเสร็จจะโทรแจ้งหรือลงมาสอบถามได้
ก็รอจนเวลา16.10น.ลงมาสอบถามพนักงาน พนักงานตรวจสอบแล้วบอกเครื่องยังซ่อมไม่เสร็จ
ให้เข้ามาติดต่อเวลา17.30น. ถึงกับตกใจ เพราะใช้เวลาซ่อมเกือบ 3ชม.
ซึ่งถ้ารู้ว่าใช้เวลาซ่อมถึง3ชม. ถึง3ชม.ครึ่งจะไม่ส่งเครื่องซ่อม เพราะต้องออกไปทำธุระ
จึงขอนำเครื่องคืน และต้ัองตกใจเพิ่ม เพราะต้องเสียค่าปฎิเสธการซ่อมอีกเป็นเงิน 214บาท
โดยให้เหตุผลเป็นค่าตรวจเช็คอุปกรณ์ แต่ด้วยต้องไปทำธุระจึงยินดีหักจากเงินที่ได้จ่ายค่าซ่อม800+บาท
ได้เงินคืน600กว่าบาท
เดินออกมาจากศูนย์ซ่อมด้วยอาการงงๆ ไม่ได้ใบเสร็จค่าซ่อม
เสียทั้งเวลา เครื่องก็ไม่ได้ซ่อม และเสียทั้งเงินค่าตรวจเช็คอุปกรณ์ที่ไม่รู้ว่ามีการตรวจเช็คอุปกรณ์จริงไหมข้างใน
ได้เปิดเครื่องออกมาดูหรือเปล่าหรือเอาไปวางรอการซ่อม(และได้ทำการเปิดเช็คอุปกรณ์จริง ไม่ซ่อมไปเลยละ แค่สงสัย)
แล้วเสียค่าปฎิเสธการซ่อม และไม่มีใบเสร็จรับเงินค่าปฎิเสธการซ่อม
ได้ทำการโทรไปสอบถามSamsung Thai CallCenter ได้คำตอบว่า ค่าปฎิเสธการซ่อมเป็นค่าตรวจเช็คอุปกรณ์ (เช็คจริงไหม??? ถ้าได้ทำก็ขอหลักฐาน)
ไม่มีความโปร่งใสอะไร ทั้งเรื่องการตรวจเช็คอุปกรณ์ หน้างานก็แค่โทรศัพท์แจ้งถามอะไหล่ และราคา ไม่ได้นำเข้าว่าอุปกรณ์มีปัญหาจริงหรือไม่
ไม่มีทั้งใบเสร็จรับเงิน (เพราะอย่างน้อยก็สามารถนำไปstamp เป็นค่าจอดรถได้ เพราะ จอดฟรีได้แค่2ชม. แต่ต้องรอ 3ชม.กว่า)
สุดท้ายที่เสียไปมากที่สุด คือ เสียความรู้สึก แม้ CallCenter แจ้งว่าสามารถจองคิวได้ในบางรุ่นของอุปกรณ์
หลังจากนี้คงหันไปใช้ Brandอื่นแล้วครั้งหน้า เพราะค่ายอื่นก็คุณภาพดีไม่แพ้กันทางเลือกยังอีกมาก
และอาจแนะนำบอกต่อคนอื่นที่อาจต้องใช้โทรศัพท์Samsungสำหรับคนที่กำลังมองหาโทรศัพท์Smartphoneในอนาคตเพื่อประกอบการตัดสินใจ