ปกติมันเคลื่อนทีละเล็กละน้อย แผ่นดินไหวยังรุนแรงสุดๆ ถ้าเคลื่อนแบบที่บอกสเกลริตเตอร์ก็อาจจะไม่พอวัด

ขึ้นอยู่กับว่าเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าไหร่ด้วย แต่ถ้าแบบคืนนึงเอาเมกามาติดยุโรปอะไรแบบนี้ก็

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะมหาศาล แผ่นดินไหวระดับ 10 ทุกหย่อมหญ้า เกิดภูเขาไฟระเบิด+เกิดใหม่นับพันๆ แห่ง ซึนามิระดับกิโลเมตรอย่างน้อย เทคโทนิกเพลทบางแผ่นอาจะถึงขึ้นแตกเป็นแผ่นเล็กๆ แมกม่ามหาศาลพุ่งออกมาตามรอยแยกของเพลท เกิดทวีปใหม่ เกาะ แนวเทือกเขาใหม่

เนื่องจากการเคลื่อนที่ของเพลทมันส่งผลต่อกัน (คือมันอยู่ติดกันเป็นจิกซอว์ จะขยับอะไรทีก็ยากลำบาก ถ้าเกิดเหตุการสมมติแบบที่ จขกท ว่าอยู่ๆ มีพลังงานบางอย่างมาทำให้มันเคลื่อนที่แบบนั้นจริงๆ ผลกระทบมันจะเป็นทั้งโลก แบบเราดันจิกซอว์ตัวนึงไปอีกจุดนึง ตัวอื่นๆ ก็กระเด็นกระจายไปหมด)

ไม่ต้องพูดถึงสิ่งมีชีวิตว่ารอดหรือไม่ นี่คือรุนแรงกว่าตอนไดโนเสาร์สูญพันธุ์อีก พวกแมลงบางชนิด (เช่นแมลงสาบ) จะอยู่รอด แต่ทั่วโลกจะเกิดภาวะฤดูหนาวนิวเคลียร์จากผลของภูเขาไฟระเบิด ต้นไม้ที่รอดตายก็จะตายเพราะไม่ได้รับแสงอาทิตย์ สิ่งมีชีวิตในทะเลที่ยังรอด(จากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำ) ก็จะอดตายเพราะห่วงโซ่อาหารต่ำสุด (เช่น แพลงตอน, สาหร่าย) ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เพราะขาดแสง

สัตว์และมนุษย์ที่ยังเหลือรอดจากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟ และซึนามิจะเริ่มขาดแคลนอาหาร สัตว์กินพืชก็จะไม่มีอะไรให้กิน ห่วงโซ่อาหารจะขาดลง สัตว์จำนวนมากสูญพันธุ์ หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับมนุษย์แล้วว่ายังจะรอดจนถึงวันที่ฤดูหนาวนิวเคลียร์จบลงหรือไม่ (ไม่สามารถคาดการณ์ระยะเวลาได้)

สุดท้ายแมลงสาบก็จะไม่เหลืออะไรให้กิน(หลังจากกินซากหมดแล้ว) แล้วก็สูญพันธุ์ไป

แบคทีเรียบางจำพวก (ตามพวกปล่องหรือรอยแยกใต้ทะเล) อาจจะอยู่รอด และเพิ่มจำนวนขึ้น หลังจากนี้อีกสักพันล้านปีโลกอาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่เป็น sulfur based แทนพวกเรา carbon based ก็ได้