ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 นักวิทยาศาสตร์หลายคน ได้ศึกษาหลักฐานต่างๆ และเชื่อว่า ในอดีตเคยมีทวีปหนึ่งในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งปัจจุบันได้สาบสูญไปแล้ว ทวีปนั้นคือ “เลมูเรีย (Lemuria)”
บางคนเชื่อว่า บนเลมูเรียนั้น เคยเป็นที่อยู่ของสายพันธุ์มนุษย์ ที่ปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว นั่นคือ “ชาวเลมูเรีย (Lemurian)” เชื่อว่า ชาวเลมูเรียนั้น มีแขนสี่ข้าง มีรูปกายใหญ่โต สูงถึง 4.5 เมตร และมีทั้งสองเพศ คือชายและหญิงอยู่ในร่างเดียวกัน โดยชาวเลมูเรียนั้น เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ รวมทั้งอาจจะเป็นบรรพบุรุษของ “ลิงลีเมอร์” อีกด้วย
หากพิจารณาจากบริบทในปัจจุบัน คงยากที่จะเชื่อว่า ทวีปนี้เคยมีอยู่จริง และปัจจุบัน วงการวิทยาศาสตร์ ก็ไม่ยอมรับในทฤษฎีนี้อีกแล้ว หากแต่ในอดีตนั้น ทฤษฎีนี้โด่งดังมาก แต่แล้วในปีค.ศ.2013 (พ.ศ.2556) นักธรณีวิทยา ก็ค้นพบหลักฐานว่า ในบริเวณที่กล่าวอ้างว่า เคยเป็นที่ตั้งของทวีปเลมูเรีย บริเวณนั้น เคยมีทวีปที่สูญหายอยู่จริง ทำให้ทฤษฎีเรื่องเลมูเรีย กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง
ทฤษฎีเรื่องทวีปเลมูเรีย ได้เริ่มถูกพูดถึงเป็นวงกว้างครั้งแรก ในปีค.ศ.1864 (พ.ศ.2407) โดยทนายความ และนักสัตวศาสตร์ชาวอังกฤษที่ชื่อ “ฟิลิป สเคลเตอร์ (Philip Sclater)” ได้เขียนบทความเรื่อง “The Mammals of Madagascar” ลงวารสารวิทยาศาสตร์ฉบับหนึ่ง
สเคลเตอร์ ได้ศึกษาและพบว่า ลิงลีเมอร์ในมาดากัสการ์นั้น มีหลากหลายสายพันธุ์ มากกว่าในแอฟริกาหรืออินเดีย จึงสรุปว่า มาดากัสการ์ คือถิ่นกำเนิดของลิงลีเมอร์
นอกจากนั้น สเคลเตอร์ยังกล่าวว่า สาเหตุที่ลิงลีเมอร์ในมาดากัสการ์ สามารถอพยพย้ายถิ่นฐานไปยังอินเดียและแอฟริกาได้ ก็เนื่องจากผืนดินขนาดใหญ่ ที่ทอดยาวเข้าไปยังทางใต้ของมหาสมุทรอินเดีย มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ผืนทวีปนี้ก็คือเลมูเรีย ซึ่งเชื่อมติดกับทางใต้ของอินเดีย ทางใต้ของแอฟริกา และทางตะวันตกของออสเตรเลีย ก่อนที่ในภายหลัง เลมูเรียจะจมสู่ก้นสมุทร
ทฤษฎีนี้ กำเนิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ยังไม่ได้รับการปฏิวัติ ไม่ก้าวหน้าเท่าทุกวันนี้ และนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ก็ยังเชื่อในทฤษฎีเรื่องแผ่นดินที่เชื่อมกัน ทำให้สัตว์ในดินแดนหนึ่งย้ายถิ่นฐานไปยังอีกดินแดนหนึ่งได้
ในไม่ช้า นักวิทยาศาสตร์และนักเขียนคนอื่นๆ ก็สนใจในทฤษฎีทวีปเลมูเรีย โดยในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 นักชีววิทยาชาวเยอรมันที่ชื่อ “แอร์นสต์ แฮคเคิล (Ernst Haeckel)” ได้ตีพิมพ์งานเขียนที่กล่าวว่า ทวีปเลมูเรีย คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ในยุคแรก สามารถเดินทางออกจากเอเชีย เข้าไปในแอฟริกาได้ และบางที เลมูเรียอาจจะเป็นแหล่งกำเนิดมนุษยชาติเลยก็เป็นได้
ด้วยแรงสนับสนุนจากแฮคเคิล ทำให้ทฤษฎีเรื่องทวีปเลมูเรีย แพร่กระจายไปเป็นวงกว้าง ในช่วงตลอดศตวรรษที่ 19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 โดยในเวลานั้น ยังไม่มีการศึกษาว่าทวีปแอฟริกา คือจุดกำเนิดของมนุษยชาติ อีกทั้งยังไม่รู้เรื่องทฤษฎี การแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค (Plate tectonic) ซึ่งหมายถึงทฤษฎีที่ใช้อธิบายถึงกําเนิดของแผ่นดิน มหาสมุทร และสิ่งมีชีวิต ที่ตายทับถมอยู่ในหินบนเปลือกโลก แผ่นธรณีภาคและการเคลื่อนที่
ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องนี้ ทำให้หลายคนเชื่อในทฤษฎีทวีปเลมูเรีย โดยเฉพาะหลังจากที่นักเขียนและผู้วิเศษชาวรัสเซียที่ชื่อ “เฮเลนา บลาวัตสกี (Helena Blavatsky)” ได้ตีพิมพ์หนังสือเรื่อง “The Secret Doctrine” ในปีค.ศ.1888 (พ.ศ.2431) โดยหนังสือเรื่องนี้ ได้เสนอแนวคิดว่า ในอดีตนั้น เคยมีสายพันธุ์มนุษย์ถึงเจ็ดสายพันธุ์ และหนึ่งในนั้นก็คือชาวเลมูเรีย บลาวัตสกีกล่าวว่า ชาวเลมูเรียนั้น มีชีวิตอยู่ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ และชาวเลมูเรีย ก็ได้วิวัฒนาการมาเป็นลิงลีเมอร์
หลังจากนั้น ก็ได้มีการถ่ายทอดเรื่องราวของทวีปเลมูเรียในสื่อต่างๆ มากมาย ทั้งนวนิยาย ภาพยนตร์ หรือหนังสือการ์ตูน โด่งดังไปทั่วในต้น-กลางศตวรรษที่ 20
ข้ามมาในปีค.ศ.2013 (พ.ศ.2556) ทฤษฎีเกี่ยวกับทวีปเลมูเรียนั้น ไม่ได้เป็นที่น่าเชื่อถืออีกต่อไป แต่ในปีค.ศ.2013 (พ.ศ.2556) นี้เอง นักธรณีวิทยา กลับพบหลักฐานบางอย่าง ที่บ่งบอกว่า เคยมีทวีปที่สาบสูญ ในมหาสมุทรอินเดีย มีการค้นพบเศษชิ้นส่วนหินแกรนิต ในมหาสมุทรทางเหนือของอินเดีย รวมทั้งชะโงกผา ที่ทอดยาวไปเป็นระยะทางนับร้อยกิโลเมตร เข้าไปในประเทศมอริเชียส
ที่ประเทศมอริเชียส นักธรณีวิทยา ค้นพบแร่เพทาย ถึงแม้ว่าเกาะแห่งนี้ เพิ่งจะเกิดขึ้นมาได้เพียงสองล้านปีเท่านั้น จากแผ่นดินเคลื่อน หากแต่แร่เพทายที่พบนี้ มีอายุกว่า 3,000 ล้านปี นั่นหมายความว่าแร่เพทายนี้ ต้องมาจากทวีปที่จมลงไปใต้มหาสมุทรอินเดีย เมื่อนานมาแล้ว และก็อาจจะหมายความว่าทฤษฎีของสเคลเตอร์นั้นเป็นเรื่องจริง แต่นักธรณีวิทยา ไม่เรียกทวีปที่ค้นพบนี้ว่าเลมูเรีย แต่เรียกว่า “มอริเทีย (Mauritia)”
จากการตรวจสอบพบว่า มอริเทียนั้น จมหายลงไปในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อราว 84 ล้านปีก่อน แต่ถึงบริเวณนี้ อาจจะเคยมีทวีปอยู่จริง แต่เรื่องราวของชาวเลมูเรีย ที่วิวัฒนาการมาเป็นลิงลีเมอร์นั้น ก็ได้รับการพิสูจน์ว่าไม่จริงแล้ว
ทวีปมอริเทียได้สาปสูญไปเมื่อ 84 ล้านปีก่อน แต่ลิงลีเมอร์ ไม่ได้มีวิวัฒนาการบนมาดากัสการ์ เพิ่งจะข้ามน้ำมาจากแผ่นดินแอฟริกา มาถึงมาดากัสการ์ เมื่อ 54 ล้านปีก่อนนี้เอง
แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องราวของเลมูเรียหรือมอริเทีย ก็ยังคงสร้างความตื่นเต้น ให้เหล่านักประวัติศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ เมื่อทราบว่า ในอดีตนั้น เคยมีทวีปปริศนาที่สาบสูญ และอาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่คาดไม่ถึง อยู่บนแผ่นดินนั้น
ทวีปเลมูเรียที่สาบสูญเป็นเพียงตำนาน แต่แล้วนักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบหลักฐาน
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 นักวิทยาศาสตร์หลายคน ได้ศึกษาหลักฐานต่างๆ และเชื่อว่า ในอดีตเคยมีทวีปหนึ่งในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งปัจจุบันได้สาบสูญไปแล้ว ทวีปนั้นคือ “เลมูเรีย (Lemuria)”
บางคนเชื่อว่า บนเลมูเรียนั้น เคยเป็นที่อยู่ของสายพันธุ์มนุษย์ ที่ปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว นั่นคือ “ชาวเลมูเรีย (Lemurian)” เชื่อว่า ชาวเลมูเรียนั้น มีแขนสี่ข้าง มีรูปกายใหญ่โต สูงถึง 4.5 เมตร และมีทั้งสองเพศ คือชายและหญิงอยู่ในร่างเดียวกัน โดยชาวเลมูเรียนั้น เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ รวมทั้งอาจจะเป็นบรรพบุรุษของ “ลิงลีเมอร์” อีกด้วย
หากพิจารณาจากบริบทในปัจจุบัน คงยากที่จะเชื่อว่า ทวีปนี้เคยมีอยู่จริง และปัจจุบัน วงการวิทยาศาสตร์ ก็ไม่ยอมรับในทฤษฎีนี้อีกแล้ว หากแต่ในอดีตนั้น ทฤษฎีนี้โด่งดังมาก แต่แล้วในปีค.ศ.2013 (พ.ศ.2556) นักธรณีวิทยา ก็ค้นพบหลักฐานว่า ในบริเวณที่กล่าวอ้างว่า เคยเป็นที่ตั้งของทวีปเลมูเรีย บริเวณนั้น เคยมีทวีปที่สูญหายอยู่จริง ทำให้ทฤษฎีเรื่องเลมูเรีย กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง
ทฤษฎีเรื่องทวีปเลมูเรีย ได้เริ่มถูกพูดถึงเป็นวงกว้างครั้งแรก ในปีค.ศ.1864 (พ.ศ.2407) โดยทนายความ และนักสัตวศาสตร์ชาวอังกฤษที่ชื่อ “ฟิลิป สเคลเตอร์ (Philip Sclater)” ได้เขียนบทความเรื่อง “The Mammals of Madagascar” ลงวารสารวิทยาศาสตร์ฉบับหนึ่ง
สเคลเตอร์ ได้ศึกษาและพบว่า ลิงลีเมอร์ในมาดากัสการ์นั้น มีหลากหลายสายพันธุ์ มากกว่าในแอฟริกาหรืออินเดีย จึงสรุปว่า มาดากัสการ์ คือถิ่นกำเนิดของลิงลีเมอร์
นอกจากนั้น สเคลเตอร์ยังกล่าวว่า สาเหตุที่ลิงลีเมอร์ในมาดากัสการ์ สามารถอพยพย้ายถิ่นฐานไปยังอินเดียและแอฟริกาได้ ก็เนื่องจากผืนดินขนาดใหญ่ ที่ทอดยาวเข้าไปยังทางใต้ของมหาสมุทรอินเดีย มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ผืนทวีปนี้ก็คือเลมูเรีย ซึ่งเชื่อมติดกับทางใต้ของอินเดีย ทางใต้ของแอฟริกา และทางตะวันตกของออสเตรเลีย ก่อนที่ในภายหลัง เลมูเรียจะจมสู่ก้นสมุทร
ทฤษฎีนี้ กำเนิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ยังไม่ได้รับการปฏิวัติ ไม่ก้าวหน้าเท่าทุกวันนี้ และนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ ก็ยังเชื่อในทฤษฎีเรื่องแผ่นดินที่เชื่อมกัน ทำให้สัตว์ในดินแดนหนึ่งย้ายถิ่นฐานไปยังอีกดินแดนหนึ่งได้
ในไม่ช้า นักวิทยาศาสตร์และนักเขียนคนอื่นๆ ก็สนใจในทฤษฎีทวีปเลมูเรีย โดยในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 นักชีววิทยาชาวเยอรมันที่ชื่อ “แอร์นสต์ แฮคเคิล (Ernst Haeckel)” ได้ตีพิมพ์งานเขียนที่กล่าวว่า ทวีปเลมูเรีย คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ในยุคแรก สามารถเดินทางออกจากเอเชีย เข้าไปในแอฟริกาได้ และบางที เลมูเรียอาจจะเป็นแหล่งกำเนิดมนุษยชาติเลยก็เป็นได้
ด้วยแรงสนับสนุนจากแฮคเคิล ทำให้ทฤษฎีเรื่องทวีปเลมูเรีย แพร่กระจายไปเป็นวงกว้าง ในช่วงตลอดศตวรรษที่ 19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 โดยในเวลานั้น ยังไม่มีการศึกษาว่าทวีปแอฟริกา คือจุดกำเนิดของมนุษยชาติ อีกทั้งยังไม่รู้เรื่องทฤษฎี การแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค (Plate tectonic) ซึ่งหมายถึงทฤษฎีที่ใช้อธิบายถึงกําเนิดของแผ่นดิน มหาสมุทร และสิ่งมีชีวิต ที่ตายทับถมอยู่ในหินบนเปลือกโลก แผ่นธรณีภาคและการเคลื่อนที่
ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องนี้ ทำให้หลายคนเชื่อในทฤษฎีทวีปเลมูเรีย โดยเฉพาะหลังจากที่นักเขียนและผู้วิเศษชาวรัสเซียที่ชื่อ “เฮเลนา บลาวัตสกี (Helena Blavatsky)” ได้ตีพิมพ์หนังสือเรื่อง “The Secret Doctrine” ในปีค.ศ.1888 (พ.ศ.2431) โดยหนังสือเรื่องนี้ ได้เสนอแนวคิดว่า ในอดีตนั้น เคยมีสายพันธุ์มนุษย์ถึงเจ็ดสายพันธุ์ และหนึ่งในนั้นก็คือชาวเลมูเรีย บลาวัตสกีกล่าวว่า ชาวเลมูเรียนั้น มีชีวิตอยู่ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ และชาวเลมูเรีย ก็ได้วิวัฒนาการมาเป็นลิงลีเมอร์
หลังจากนั้น ก็ได้มีการถ่ายทอดเรื่องราวของทวีปเลมูเรียในสื่อต่างๆ มากมาย ทั้งนวนิยาย ภาพยนตร์ หรือหนังสือการ์ตูน โด่งดังไปทั่วในต้น-กลางศตวรรษที่ 20
ข้ามมาในปีค.ศ.2013 (พ.ศ.2556) ทฤษฎีเกี่ยวกับทวีปเลมูเรียนั้น ไม่ได้เป็นที่น่าเชื่อถืออีกต่อไป แต่ในปีค.ศ.2013 (พ.ศ.2556) นี้เอง นักธรณีวิทยา กลับพบหลักฐานบางอย่าง ที่บ่งบอกว่า เคยมีทวีปที่สาบสูญ ในมหาสมุทรอินเดีย มีการค้นพบเศษชิ้นส่วนหินแกรนิต ในมหาสมุทรทางเหนือของอินเดีย รวมทั้งชะโงกผา ที่ทอดยาวไปเป็นระยะทางนับร้อยกิโลเมตร เข้าไปในประเทศมอริเชียส
ที่ประเทศมอริเชียส นักธรณีวิทยา ค้นพบแร่เพทาย ถึงแม้ว่าเกาะแห่งนี้ เพิ่งจะเกิดขึ้นมาได้เพียงสองล้านปีเท่านั้น จากแผ่นดินเคลื่อน หากแต่แร่เพทายที่พบนี้ มีอายุกว่า 3,000 ล้านปี นั่นหมายความว่าแร่เพทายนี้ ต้องมาจากทวีปที่จมลงไปใต้มหาสมุทรอินเดีย เมื่อนานมาแล้ว และก็อาจจะหมายความว่าทฤษฎีของสเคลเตอร์นั้นเป็นเรื่องจริง แต่นักธรณีวิทยา ไม่เรียกทวีปที่ค้นพบนี้ว่าเลมูเรีย แต่เรียกว่า “มอริเทีย (Mauritia)”
จากการตรวจสอบพบว่า มอริเทียนั้น จมหายลงไปในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อราว 84 ล้านปีก่อน แต่ถึงบริเวณนี้ อาจจะเคยมีทวีปอยู่จริง แต่เรื่องราวของชาวเลมูเรีย ที่วิวัฒนาการมาเป็นลิงลีเมอร์นั้น ก็ได้รับการพิสูจน์ว่าไม่จริงแล้ว
ทวีปมอริเทียได้สาปสูญไปเมื่อ 84 ล้านปีก่อน แต่ลิงลีเมอร์ ไม่ได้มีวิวัฒนาการบนมาดากัสการ์ เพิ่งจะข้ามน้ำมาจากแผ่นดินแอฟริกา มาถึงมาดากัสการ์ เมื่อ 54 ล้านปีก่อนนี้เอง
แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องราวของเลมูเรียหรือมอริเทีย ก็ยังคงสร้างความตื่นเต้น ให้เหล่านักประวัติศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ เมื่อทราบว่า ในอดีตนั้น เคยมีทวีปปริศนาที่สาบสูญ และอาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่คาดไม่ถึง อยู่บนแผ่นดินนั้น