ตามนั้นครับ อจ.สั่งการบ้านเป็นเรื่องสั้น
ไม่ค่อยมีเวลา ช่วงนี้งานเยอะ (เรียนภาควันอาทิตย์) เลยกะว่าจะเอาของเก่าที่เขียนไว้นานแล้ว ไปส่งนั่นล่ะ
แต่ไม่แน่ใจ
อ่านแล้วรู้ไหมครับ ว่าชายคนที่1
กับชายคนที่สองคือใคร
ถ้าไม่ดีผมว่าจะเอามาปรับปรุงใหม่
ชื่อเรื่อง
ดินโคลน
ข้าคือจอมมาร พญามาร ผู้ต่อต้านผู้สร้าง ลูซิเฟอร์ หลากหลายชื่อที่บุตรแห่งอดัมและธิดาแห่งอีฟเรียกขานข้า
ข้าถือกำเนิดมานานแสนนาน ข้าอยู่ด้วยเมื่อยาม ผู้สร้างรังสรรค์โลกใบนี้ และชีวิตของข้า คงยืนยาวจนได้เห็นโลกาดับสูญ
แต่ทว่า จักนานสักเพียงใด ข้าก็ยังมิอาจเข้าใจว่า มนุษย์ คือสิ่งใด
แม้ว่าข้าอยู่ด้วยเมื่อเจ้าคนแรกเอาชนะนีแอนเธอดัล และกลายมาเป็นต้นกำเนิดพวกเจ้า แต่ยิ่งนานวันข้าก็ไม่อาจเข้าใจพวกเจ้า ข้าเห็นพวกเจ้าฆ่าฟันทำลาย เพียงเพื่อประโยชน์ของตน เป็นปีศาจได้ยิ่งเสียกว่าพญามาร แต่กระนั้นข้ายังไม่เข้าใจ ว่ามนุษย์คือสิ่งใด
ความสงสัยของข้าเกิดจากรอยยิ้ม รอยยิ้มที่น่ารำคาญ และช่างน่าสงสัยในเวลาเดียวกัน รอยยิ้มนั้น เกิดที่สถานที่ที่เจ้าเรียกว่าอินเดียเมื่อเทียบกับเวลาของพวกเจ้า ก็คงราว2500ปีมาแล้ว
ชายคนนั้น เป็นบุตรกษัตย์ สมบรูณ์พร้อม มีทุกสิ่งที่มนุษย์พึงมี มีข้าทาสบริวาร มากมาย เงินทองรึก็มีท่วมหัว เพียงแค่เอ่ยทุกอย่างก็จะได้ตามปรารถนา แต่ชายคนนั้นก็ทิ้งทุกอย่างไป
ข้าไม่เข้าใจ ข้าปรากฏ ตัวต่อหน้าเขา และบอกว่าข้าคือผู้ใด ก่อนเอ่ยปากถามว่าเหตุใดเจ้าจึงทิ้งทุกสิ่งไป
ชายคนนั้นตอบกลับมาว่า เขากำลังค้นหาคำตอบ คำตอบที่จะช่วยเหลือผู้คนได้มากมาย
ข้าผู้ซึ่งพลิกฝ่ามือก็สามารถทำลาย โลกใบนี้ให้ดับสูญได้ ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
ข้ายื่นข้อเสนอ
“ หากหันหลังกลับไปเจ้าจะได้ทุกสิ่งที่ใจปราถนา ข้าให้เจ้าได้ทุกสิ่ง ดลบรรดาลให้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้น จักเป็นสิ่งใด กระทั่งดวงจันทร์ข้าก็ให้เจ้าได้ “
ชายคนนั้นยิ้มให้ข้า และหันหลังให้ข้า เฉกเช่นหันหลังให้กับทุกสิ่ง
ข้าเฝ้าดูชายคนนั้น ค้นหาคำตอบ วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ข้าเฝ้าดู จนในที่สุดชายคนนั้นก็เลือกที่จะทรมาณตัวเอง ไม่กินไม่ดื่มไม่นอน เป็นเวลาถึง 7วัน
แต่ในที่สุดชายคนนั้นก็เลิกการทรมาณตัวเอง ผู้ติดตาม5คน ก็หมดสิ้นศรัทธา และจากไปหมดสิ้น
ชายคนนั้น ก็ยังค้นหาคำตอบ
ข้าปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และยื่นข้อเสนอเดิม
“ เจ้าเลือกที่จะทรมาณอยู่ 7วัน 7คืนแต่เจ้าก็ยังไม่พบคำตอบ ผู้ที่ติดตามเจ้าก็หันหลังให้ ทุกสิ่งที่เจ้าทำมา เหลือเพียงว่างเปล่า แล้วเจ้าจักทำไป เพื่อสิ่งใดกัน เจ้าจะลำบากเพื่อคนที่ไม่เคยเห็นหน้าเพื่อสิ่งใดกัน “
หากเพียงหันหลังกลับ ข้าจักให้สิ่งที่ชายคนนั้นต้องการ แม้นอยากเป็นพญามารแทนข้า ก็จักได้ตามนั้น
แต่ชายคนนั้นยิ้มให้ข้า และค้นหาคำตอบต่อไป
ข้าเฝ้าดูชายคนนั้น จนกระทั่งเขาพบคำตอบและออกเดินทางช่วยเหลือผู้คน จนกระทั่งชายคนนั้นจบชิวิตลง
ข้าก็ยังไม่เข้าใจรอยยิ้มนั้น
รอยยิ้มนั้นหมายถึงสิ่งใด
หลังชายคนนั้นตายลงได้ ราวห้าร้อยกว่าปีตามเวลาของพวกเจ้า
ข้าก็พบรอยยิ้มนั้นอีกครา
ชายคนนั้น เป็นบุตรของผู้สร้างเกิดในถ้ำเลี้ยงสัตว์ เขาออกเดินทางช่วยเหลือผู้คน ผู้คนที่แม้นไม่รู้แม้เพียงชื่อชายคนนั้นก็ยังช่วยเหลือ มอบความความรักให้กับทุกผู้ทุกนาม ไม่มีแบ่งแยก และสอนให้ผู้คนรักเช่นเดียวกับตน
จนกระทั่ง ชายคนนั้นถูกทหารโรมันจับตัวไปถูกทรมาณ หยามเกียรติหมดสิ้นทุกอย่างที่มี
เพียงแค่เพราะความกลัวที่ กษัตร์จะกลับมา
แต่ชายคนนั้นก็ยังไม่หมดสิ้นซึ่งความรัก ยอมรับบาปทั้งหมดของมนุษย์ มาไว้ที่ตัวเอง
ข้าปรากฏตัวและเป็นอีกครั้งที่ข้ายื่นข้อเสนอ
“ เหตุใดเจ้าจึงยอมรับบาปของมนุษย์ เหตุเจ้าจึงต้องทำเพื่อคนที่ทรมาณเจ้าด้วย หากปราถนา เจ้าจักเป็นอิสระ “
บุตรของผู้สร้าง ยิ้มให้ข้าเช่น เดียวกับชายคนนั้น
ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดจึงยิ้ม เหตุใดจึงต้องทำเพื่อผู้อื่น
2000กว่าปีนับจากบุตรของผู้สร้าง กลับสู่สรวงสวรรค์
ข้าจึงคิดได้ว่าหากข้าไม่เข้าใจมนุษย์ ทำไมข้าไม่เป็นมนุษย์เสียล่ะ
แล้วข้าก็แบ่งส่วนหนึ่งของตนเอง กลับมาเกิดใหม่เป็น มนุษย์ แล้วเฝ้าดู
เมื่อข้าเป็นมนุษย์ ข้าก็ยิ่งไม่เข้าใจ มนุษย์นั้นอ่อนแอ อยู่ตัวคนเดียวก็ไม่ได้ต้องพึ่งพาคนอื่นเสมอ
ไร้ซึ่งพลัง เจ็บป่วยเพียงน้อยนิดก็ตายจากไป ยิ่งมองดูส่วนหนึ่งของตัวข้าที่เป็นมนุษย์
ข้า....ก็ยิ่งไม่เข้าใจรอยยิ้มนั้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง ส่วนหนึ่งของตัวข้าเติบใหญ่ขึ้นได้ 6ปี อายุน้อยไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวของตัวข้า
ส่วนหนึ่งของตัวข้า วิ่งเล่นกับเพื่อน เพื่อนคนนั้นสวมหมวกใบสวยที่มารดาให้ไว้ ท่ามกลางทุ่งนาที่เขียวขจี
ท้องฟ้าเป็นสีครามสุดสายตา ทันใดนั้นเอง ลมแรงวูบหนึ่ง ก็พัดหมวกใบสวยปลิวไปตกที่ยอดต้นไม้ กลางทุ่งนา หากจะไปเก็บไม่พ้นต้องย่ำโคลนสกปรก เลอะเทอะมากมาย
ไม่ที่ข้าจะใช้อำนาจของตนเอง ดลบรรดาลให้หมวกลอยกลับมา
ส่วนหนึ่งของตัวข้าก็ลุยโคลนไปเก็บมาเสียแล้ว
เพื่อนคนนั้นร่ำไห้ แล้วกล่าวว่า “ขอโทษนะ เลอะเทอะหมดเลย “
ส่วนหนึ่งของตัวข้ายิ้มให้ ยิ้มแบบเดียวกับที่ข้าเจอครั้งแรกเมื่อสองพันห้าร้อยปีก่อน
แล้วบอกว่า “ก็แค่ดินโคลน จะหนักหนาสักเท่าไหร่กันเชียว “
ไม่รู้ทำไมข้ารู้สึกว่า ค้นพบคำตอบของรอยยิ้มนั้นแล้ว
ก็แค่ดินโคลน จะหนักหนาสักเท่าไหร่กันเชียว
อ่านแล้วเข้าใจไหมครับ
ไม่ค่อยมีเวลา ช่วงนี้งานเยอะ (เรียนภาควันอาทิตย์) เลยกะว่าจะเอาของเก่าที่เขียนไว้นานแล้ว ไปส่งนั่นล่ะ
แต่ไม่แน่ใจ
อ่านแล้วรู้ไหมครับ ว่าชายคนที่1
กับชายคนที่สองคือใคร
ถ้าไม่ดีผมว่าจะเอามาปรับปรุงใหม่
ชื่อเรื่อง
ดินโคลน
ข้าคือจอมมาร พญามาร ผู้ต่อต้านผู้สร้าง ลูซิเฟอร์ หลากหลายชื่อที่บุตรแห่งอดัมและธิดาแห่งอีฟเรียกขานข้า
ข้าถือกำเนิดมานานแสนนาน ข้าอยู่ด้วยเมื่อยาม ผู้สร้างรังสรรค์โลกใบนี้ และชีวิตของข้า คงยืนยาวจนได้เห็นโลกาดับสูญ
แต่ทว่า จักนานสักเพียงใด ข้าก็ยังมิอาจเข้าใจว่า มนุษย์ คือสิ่งใด
แม้ว่าข้าอยู่ด้วยเมื่อเจ้าคนแรกเอาชนะนีแอนเธอดัล และกลายมาเป็นต้นกำเนิดพวกเจ้า แต่ยิ่งนานวันข้าก็ไม่อาจเข้าใจพวกเจ้า ข้าเห็นพวกเจ้าฆ่าฟันทำลาย เพียงเพื่อประโยชน์ของตน เป็นปีศาจได้ยิ่งเสียกว่าพญามาร แต่กระนั้นข้ายังไม่เข้าใจ ว่ามนุษย์คือสิ่งใด
ความสงสัยของข้าเกิดจากรอยยิ้ม รอยยิ้มที่น่ารำคาญ และช่างน่าสงสัยในเวลาเดียวกัน รอยยิ้มนั้น เกิดที่สถานที่ที่เจ้าเรียกว่าอินเดียเมื่อเทียบกับเวลาของพวกเจ้า ก็คงราว2500ปีมาแล้ว
ชายคนนั้น เป็นบุตรกษัตย์ สมบรูณ์พร้อม มีทุกสิ่งที่มนุษย์พึงมี มีข้าทาสบริวาร มากมาย เงินทองรึก็มีท่วมหัว เพียงแค่เอ่ยทุกอย่างก็จะได้ตามปรารถนา แต่ชายคนนั้นก็ทิ้งทุกอย่างไป
ข้าไม่เข้าใจ ข้าปรากฏ ตัวต่อหน้าเขา และบอกว่าข้าคือผู้ใด ก่อนเอ่ยปากถามว่าเหตุใดเจ้าจึงทิ้งทุกสิ่งไป
ชายคนนั้นตอบกลับมาว่า เขากำลังค้นหาคำตอบ คำตอบที่จะช่วยเหลือผู้คนได้มากมาย
ข้าผู้ซึ่งพลิกฝ่ามือก็สามารถทำลาย โลกใบนี้ให้ดับสูญได้ ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
ข้ายื่นข้อเสนอ
“ หากหันหลังกลับไปเจ้าจะได้ทุกสิ่งที่ใจปราถนา ข้าให้เจ้าได้ทุกสิ่ง ดลบรรดาลให้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าสิ่งนั้น จักเป็นสิ่งใด กระทั่งดวงจันทร์ข้าก็ให้เจ้าได้ “
ชายคนนั้นยิ้มให้ข้า และหันหลังให้ข้า เฉกเช่นหันหลังให้กับทุกสิ่ง
ข้าเฝ้าดูชายคนนั้น ค้นหาคำตอบ วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ข้าเฝ้าดู จนในที่สุดชายคนนั้นก็เลือกที่จะทรมาณตัวเอง ไม่กินไม่ดื่มไม่นอน เป็นเวลาถึง 7วัน
แต่ในที่สุดชายคนนั้นก็เลิกการทรมาณตัวเอง ผู้ติดตาม5คน ก็หมดสิ้นศรัทธา และจากไปหมดสิ้น
ชายคนนั้น ก็ยังค้นหาคำตอบ
ข้าปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และยื่นข้อเสนอเดิม
“ เจ้าเลือกที่จะทรมาณอยู่ 7วัน 7คืนแต่เจ้าก็ยังไม่พบคำตอบ ผู้ที่ติดตามเจ้าก็หันหลังให้ ทุกสิ่งที่เจ้าทำมา เหลือเพียงว่างเปล่า แล้วเจ้าจักทำไป เพื่อสิ่งใดกัน เจ้าจะลำบากเพื่อคนที่ไม่เคยเห็นหน้าเพื่อสิ่งใดกัน “
หากเพียงหันหลังกลับ ข้าจักให้สิ่งที่ชายคนนั้นต้องการ แม้นอยากเป็นพญามารแทนข้า ก็จักได้ตามนั้น
แต่ชายคนนั้นยิ้มให้ข้า และค้นหาคำตอบต่อไป
ข้าเฝ้าดูชายคนนั้น จนกระทั่งเขาพบคำตอบและออกเดินทางช่วยเหลือผู้คน จนกระทั่งชายคนนั้นจบชิวิตลง
ข้าก็ยังไม่เข้าใจรอยยิ้มนั้น
รอยยิ้มนั้นหมายถึงสิ่งใด
หลังชายคนนั้นตายลงได้ ราวห้าร้อยกว่าปีตามเวลาของพวกเจ้า
ข้าก็พบรอยยิ้มนั้นอีกครา
ชายคนนั้น เป็นบุตรของผู้สร้างเกิดในถ้ำเลี้ยงสัตว์ เขาออกเดินทางช่วยเหลือผู้คน ผู้คนที่แม้นไม่รู้แม้เพียงชื่อชายคนนั้นก็ยังช่วยเหลือ มอบความความรักให้กับทุกผู้ทุกนาม ไม่มีแบ่งแยก และสอนให้ผู้คนรักเช่นเดียวกับตน
จนกระทั่ง ชายคนนั้นถูกทหารโรมันจับตัวไปถูกทรมาณ หยามเกียรติหมดสิ้นทุกอย่างที่มี
เพียงแค่เพราะความกลัวที่ กษัตร์จะกลับมา
แต่ชายคนนั้นก็ยังไม่หมดสิ้นซึ่งความรัก ยอมรับบาปทั้งหมดของมนุษย์ มาไว้ที่ตัวเอง
ข้าปรากฏตัวและเป็นอีกครั้งที่ข้ายื่นข้อเสนอ
“ เหตุใดเจ้าจึงยอมรับบาปของมนุษย์ เหตุเจ้าจึงต้องทำเพื่อคนที่ทรมาณเจ้าด้วย หากปราถนา เจ้าจักเป็นอิสระ “
บุตรของผู้สร้าง ยิ้มให้ข้าเช่น เดียวกับชายคนนั้น
ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดจึงยิ้ม เหตุใดจึงต้องทำเพื่อผู้อื่น
2000กว่าปีนับจากบุตรของผู้สร้าง กลับสู่สรวงสวรรค์
ข้าจึงคิดได้ว่าหากข้าไม่เข้าใจมนุษย์ ทำไมข้าไม่เป็นมนุษย์เสียล่ะ
แล้วข้าก็แบ่งส่วนหนึ่งของตนเอง กลับมาเกิดใหม่เป็น มนุษย์ แล้วเฝ้าดู
เมื่อข้าเป็นมนุษย์ ข้าก็ยิ่งไม่เข้าใจ มนุษย์นั้นอ่อนแอ อยู่ตัวคนเดียวก็ไม่ได้ต้องพึ่งพาคนอื่นเสมอ
ไร้ซึ่งพลัง เจ็บป่วยเพียงน้อยนิดก็ตายจากไป ยิ่งมองดูส่วนหนึ่งของตัวข้าที่เป็นมนุษย์
ข้า....ก็ยิ่งไม่เข้าใจรอยยิ้มนั้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง ส่วนหนึ่งของตัวข้าเติบใหญ่ขึ้นได้ 6ปี อายุน้อยไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวของตัวข้า
ส่วนหนึ่งของตัวข้า วิ่งเล่นกับเพื่อน เพื่อนคนนั้นสวมหมวกใบสวยที่มารดาให้ไว้ ท่ามกลางทุ่งนาที่เขียวขจี
ท้องฟ้าเป็นสีครามสุดสายตา ทันใดนั้นเอง ลมแรงวูบหนึ่ง ก็พัดหมวกใบสวยปลิวไปตกที่ยอดต้นไม้ กลางทุ่งนา หากจะไปเก็บไม่พ้นต้องย่ำโคลนสกปรก เลอะเทอะมากมาย
ไม่ที่ข้าจะใช้อำนาจของตนเอง ดลบรรดาลให้หมวกลอยกลับมา
ส่วนหนึ่งของตัวข้าก็ลุยโคลนไปเก็บมาเสียแล้ว
เพื่อนคนนั้นร่ำไห้ แล้วกล่าวว่า “ขอโทษนะ เลอะเทอะหมดเลย “
ส่วนหนึ่งของตัวข้ายิ้มให้ ยิ้มแบบเดียวกับที่ข้าเจอครั้งแรกเมื่อสองพันห้าร้อยปีก่อน
แล้วบอกว่า “ก็แค่ดินโคลน จะหนักหนาสักเท่าไหร่กันเชียว “
ไม่รู้ทำไมข้ารู้สึกว่า ค้นพบคำตอบของรอยยิ้มนั้นแล้ว
ก็แค่ดินโคลน จะหนักหนาสักเท่าไหร่กันเชียว