หลังจากรับเจ้า Thruxton R มือสอง มาประจำการ ผ่านไป 4เดือน ใช้งานไป 3000 km พอจะรู้จักนิสัย ใจคอ พอสมควรนะครับ
Engine
Thruxton R ใช้เครื่องยนต์ 1200cc parallel twin with 270° cross-plane crank that puts out 96bhp and 82.6 ft-lbs (112 Nm) of torque
ในส่วนนี้ชอบมากครับ นิ่มนวล ไม่กระชาก มีโหมด Rain Road Sport ให้เลือกใช้ บิดสวิตซ์ กุญแจมา จะเป็นโหมด Road เสมอ
การมีโหมดให้เลือกนี้ดีมากครับ วันที่ฝนตก ถนนลื่นๆ เราเลือก ใช้ rain mode รถจะลดทอนกำลังลงเยอะครับ การเดินคันเร่งไม่ต้องกลัวเลยว่าจะล้อจะลื่น เพราะมันเหมือนรถเร่งไม่ขึ้น ผมใช้ในวันถนนลื่น ฝนตกๆ คุมรถรถง่ายดี ไม่ต้องระวังมาก
road mode ก็กลางๆ ในวันสบายๆ ถนนแห้ง ขี่ง่ายๆ ส่วน sport mode โอ้ อันนี้มันส์ครับ เสียงท่อคำราม กร่อม กร่อม มากขึ้นจนรู้สึกได้เลย ท่อเดิมนะครับ อัตราเร่งได้ดั่งใจชี่สนุกมาก
ช่วงความเร็วเร่งแซง 120บิดหมดปลอกไปที่160 ในgear 6 ใช้เวลา6วินาที พอให้ได้เลือดสูบฉีด สนุกๆ แล้วก็เบาแล้วล่ะครับ ขับขี่ส่วนใหญ่อยู่ที่ 110-120 km/hr
สิ่งที่อยากได้ อยากให้ลากในเกียร์ 3และ4ได้ยาวกว่านี้อีกหน่อย อัตราเร่งน้อยลงอยากเห็นได้ชัด เวลารอบเครื่อง แตะ6000rpm เพราะred line ที่7000
อัตราการกินน้ำมัน ส่วนใหญ่ผมทำได้ 20-21 km/l happyมากครับ
ความร้อนไม่มีผลมาก เพราะผมใช้ส่วนใหญ่ที่บางแสนขี่ไปทำงาน ในนิคมอมตะระยอง
Brakes
Up front Brembo 4-piston radial mounted calipers, on 310mm
หยุดได้ดั่งใจ แต่นุ่มนวล กดหน้าและคลอเบรคหลังช่วยคุมtractionในล้อหลัง รถควบตุมได้เหมือนได้มือยักษ์มาฉุดไว้ล่ะครับ อันนี้ไม่ต้องทำไรเพิ่ม ก็พอใจแล้วล่ะครับ
Suspension
Thruxton R ใช้shock up 43mm จาก Showa สีทองสะกดสายตา ปรับได้เต็มระบบทั้ง pre load จังหวะbump และ rebound
ผมหมุนscrew ปรับเพิ่มให้ กระชับขึ้นทั้งใน จังหวะ bump และrebound เพราะ รถยวบยาบในโค้งเกินไป ปรับเข้าที่ ก็ขี่สนุกล่ะครับ แบนโค้งแล้วไม่ยุบ ไม่ดีดคืนจนน่ากลัว
ในด้านหลังได้ Öhlinsสุดหล่อ fully adjustable เหมือนกัน มี piggybackสีทอง ดูสวยงาม ผมก็ปรับเพิ่มให้firmขึ้นเหมือนด้านหน้าเหมือนกัน
Wheel
ล้อเปลี่ยนไปใช้ Kineo เพราะต้องการล้อ tubeless ขนาดกว้าง3.5นิ้ว และ 5.5นิ้ว เพราะไม่ค่อยมีโชคด้านนี้ สมัยเป็นนักเรียนใช้รถเล็ก ยางแบน รั่วประจำ ทั้งเข็น ทั้งบด จนเข็ดครับ นี่น้ำหนักร่วม200kgไม่อยากจะคิด
ข้อดีที่ได้ตามมาคือ รถพลิกคล่องตัวมาก ยางเปลี่ยนใหม่ใส่ขนาดเดิมคือ 120กับ160 พิเลอรี่ Diabo Rosso ii ในล้อหลัง กระทะล้อดึงหน้ายางมากไปซักหน่อยครับ ล้อkineoข้อดีอีกอย่างคือดูสวย
Handling
ค่าเฟ่สุดซอย ก้มไงก็ยอม ขี่ง่าย ขี่สบาย ขี่หล่อ นิยามของเค้าเลย ยิ่งผมได้โม่งจากเจ้าของเดิม ลมประทะแรงหน่อย ก็ก้มหมอบลงนิด ให้โม่งช่วยก็สบายล่ะครับ
ABS กับ TC ทำงานร่วมกันได้ดีมาก ตอบสนองไวมาก เวลาเจอ อุปสรรค กดเกียร์ปักๆ ลงต่ำ กดเบรคตาม ถ้าล้อทำท่าจะล็อค แป้นเบรค ตอบสนองมาแร่ะครับ ช่วยให้เราปลอดภัยมากขึ้น
การซ่อมบำรุง Thruxton R เป็นรถ ที่ออกแบบมาใช้รอบกลางๆ สึกหรอน้อยก็เลยยืดเวลาเข้าศูนย์นานมาก ผมเปลืยนนมค เองหลังได้รถมา
ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงระยะserviceเลย เพราะตามคู่มือเข้า 800km แลัวไป 16000kmเลย อีกทีก็ 32000km
สรุป ชอบ ชอบ และ ชอบ แต่อยากได้scrambler1200
Review Thruxton R สั้นๆ หลังผ่านการใช้งาน 3000Km
Engine
Thruxton R ใช้เครื่องยนต์ 1200cc parallel twin with 270° cross-plane crank that puts out 96bhp and 82.6 ft-lbs (112 Nm) of torque
ในส่วนนี้ชอบมากครับ นิ่มนวล ไม่กระชาก มีโหมด Rain Road Sport ให้เลือกใช้ บิดสวิตซ์ กุญแจมา จะเป็นโหมด Road เสมอ
การมีโหมดให้เลือกนี้ดีมากครับ วันที่ฝนตก ถนนลื่นๆ เราเลือก ใช้ rain mode รถจะลดทอนกำลังลงเยอะครับ การเดินคันเร่งไม่ต้องกลัวเลยว่าจะล้อจะลื่น เพราะมันเหมือนรถเร่งไม่ขึ้น ผมใช้ในวันถนนลื่น ฝนตกๆ คุมรถรถง่ายดี ไม่ต้องระวังมาก
road mode ก็กลางๆ ในวันสบายๆ ถนนแห้ง ขี่ง่ายๆ ส่วน sport mode โอ้ อันนี้มันส์ครับ เสียงท่อคำราม กร่อม กร่อม มากขึ้นจนรู้สึกได้เลย ท่อเดิมนะครับ อัตราเร่งได้ดั่งใจชี่สนุกมาก
ช่วงความเร็วเร่งแซง 120บิดหมดปลอกไปที่160 ในgear 6 ใช้เวลา6วินาที พอให้ได้เลือดสูบฉีด สนุกๆ แล้วก็เบาแล้วล่ะครับ ขับขี่ส่วนใหญ่อยู่ที่ 110-120 km/hr
สิ่งที่อยากได้ อยากให้ลากในเกียร์ 3และ4ได้ยาวกว่านี้อีกหน่อย อัตราเร่งน้อยลงอยากเห็นได้ชัด เวลารอบเครื่อง แตะ6000rpm เพราะred line ที่7000
อัตราการกินน้ำมัน ส่วนใหญ่ผมทำได้ 20-21 km/l happyมากครับ
ความร้อนไม่มีผลมาก เพราะผมใช้ส่วนใหญ่ที่บางแสนขี่ไปทำงาน ในนิคมอมตะระยอง
Brakes
Up front Brembo 4-piston radial mounted calipers, on 310mm
หยุดได้ดั่งใจ แต่นุ่มนวล กดหน้าและคลอเบรคหลังช่วยคุมtractionในล้อหลัง รถควบตุมได้เหมือนได้มือยักษ์มาฉุดไว้ล่ะครับ อันนี้ไม่ต้องทำไรเพิ่ม ก็พอใจแล้วล่ะครับ
Suspension
Thruxton R ใช้shock up 43mm จาก Showa สีทองสะกดสายตา ปรับได้เต็มระบบทั้ง pre load จังหวะbump และ rebound
ผมหมุนscrew ปรับเพิ่มให้ กระชับขึ้นทั้งใน จังหวะ bump และrebound เพราะ รถยวบยาบในโค้งเกินไป ปรับเข้าที่ ก็ขี่สนุกล่ะครับ แบนโค้งแล้วไม่ยุบ ไม่ดีดคืนจนน่ากลัว
ในด้านหลังได้ Öhlinsสุดหล่อ fully adjustable เหมือนกัน มี piggybackสีทอง ดูสวยงาม ผมก็ปรับเพิ่มให้firmขึ้นเหมือนด้านหน้าเหมือนกัน
Wheel
ล้อเปลี่ยนไปใช้ Kineo เพราะต้องการล้อ tubeless ขนาดกว้าง3.5นิ้ว และ 5.5นิ้ว เพราะไม่ค่อยมีโชคด้านนี้ สมัยเป็นนักเรียนใช้รถเล็ก ยางแบน รั่วประจำ ทั้งเข็น ทั้งบด จนเข็ดครับ นี่น้ำหนักร่วม200kgไม่อยากจะคิด
ข้อดีที่ได้ตามมาคือ รถพลิกคล่องตัวมาก ยางเปลี่ยนใหม่ใส่ขนาดเดิมคือ 120กับ160 พิเลอรี่ Diabo Rosso ii ในล้อหลัง กระทะล้อดึงหน้ายางมากไปซักหน่อยครับ ล้อkineoข้อดีอีกอย่างคือดูสวย
Handling
ค่าเฟ่สุดซอย ก้มไงก็ยอม ขี่ง่าย ขี่สบาย ขี่หล่อ นิยามของเค้าเลย ยิ่งผมได้โม่งจากเจ้าของเดิม ลมประทะแรงหน่อย ก็ก้มหมอบลงนิด ให้โม่งช่วยก็สบายล่ะครับ
ABS กับ TC ทำงานร่วมกันได้ดีมาก ตอบสนองไวมาก เวลาเจอ อุปสรรค กดเกียร์ปักๆ ลงต่ำ กดเบรคตาม ถ้าล้อทำท่าจะล็อค แป้นเบรค ตอบสนองมาแร่ะครับ ช่วยให้เราปลอดภัยมากขึ้น
การซ่อมบำรุง Thruxton R เป็นรถ ที่ออกแบบมาใช้รอบกลางๆ สึกหรอน้อยก็เลยยืดเวลาเข้าศูนย์นานมาก ผมเปลืยนนมค เองหลังได้รถมา
ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงระยะserviceเลย เพราะตามคู่มือเข้า 800km แลัวไป 16000kmเลย อีกทีก็ 32000km
สรุป ชอบ ชอบ และ ชอบ แต่อยากได้scrambler1200