1. หงส์แดงประเดิมการเล่นกับทีมท้อป 6 ด้วยชัยชนะ - ก่อนเกมเชื่อว่าหลายๆคนคงจะไม่ติดใจอะไรมากมายถ้าเกมนี้ได้แค่ผลเสมอ เพราะเชลซีฟอร์มเกมรุกได้น่ากลัวเหลือเกิน การได้ 3 แต้มอันล้ำค่าจากทีมใหญ่ นอกจากจะทำให้ตำแหน่งจ่าฝูงมั่นคงแล้ว มันยังแสดงให้เห็นถึงความต่างระดับของทีมลุ้นแชมป์กับทีมลุ้น ท้อป 4 อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าช่วงท้ายๆ หงส์แดงก็เจียนอยู่เจียนไปก็ตามที  และนั่นก็พิสูจน์ให้เห็นว่า พรีเมียร์ลีคยุคนี้ประสบการณ์ของนักเตะมันสำคัญกับเกมที่เข้มข้นแบบนี้มากแค่ไหน


อาโนลด์กับสุดยอดฟรีคิก


2. VAR - ย่อมาจาก  We Are Rules...ใข่มั้ยนะ 😅 ในเกมนี้เทคโนโลยีนี้คือตัวแปรสำคัญที่เปลี่ยนรูปเกมไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าเกิดไม่มี VAR  เชลซีที่ได้ประตูตีเสมอเร็วคงได้โมเมนตัมกลับมาเต็มๆ และก็ไม่รู้ว่าความคึกคะนองหลังจากนั้นจะพาพวกเค้าบดขยี้ลิเวอร์พูลจนเสียท่าไปเลยหรือเปล่า แต่กลับกันเมื่อกรรมการตัดสินจาก VAR ทุกอย่างมันก็ "เก้อ" และทำให้แรงเหวี่ยงก็ยังไม่กลับมาที่ฝั่งเจ้าบ้าน


VAR ซึ่งเป็นที่มาของอาการดีใจเก้อส่งผลต่อสภาพจิตใจของทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน


3. แทมมี่ - ฟอร์มล่าสุดของดาวรุ่งรุ่นเดียวกับโซลันเก้ผู้นี้โคตรน่ากลัว เค้ามีครบทั้งรูปร่าง ทักษะและความคม ซึ่งสิ่งเดียวมฝที่ขาดอยู่ก็คือประสบการณ์ และในเกมนี้เค้าก็พลาดโอกาสทองในจังหวะดวลเดี่ยวอย่างน่าเสียดาย ด้วยการตัดสินใจจบสกอร์ที่ไม่ดีพอ และกลายเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พวกเค้าต้องแพ้คารังในที่สุด


แทมมี่คงไม่ถูกโฉลกกับอาเดรียน ทั้งพลาดจุดโทษใน Super cup พลาดการทำประตูจากการหลุดเดี่ยวในเกมนี้


4. ฟาบินโย่ - ถ้าไม่นับจังหวะที่หยุดไล่บอลจากก็องเต้จนเป็นเหตุให้ทีมเสียประตู นี่ก็จะถือเป็นอีกเกมนึงที่เค้าเล่นได้ดีมากๆ ในการตัดเกมรุกคู่แข่งและพลิกจังหวะเป็นฝ่ายรุกแทน โดยเฉพาะจังหวะนึง ที่กระชากบอลลากลุยเข้าไปจนเกือบถึงเขตโทษของคู่แข่งที่เห็นได้ไม่บ่อยครั้งนัก

5. Set piece เด็ดขาด - ประตูทั้ง 2 ลูกมาจากการเล่นบอลเซตเพลย์อันลงตัว ซึ่งเป็นอาวุธพิเศษที่กลายเป็นจุดแข็งในยุคของคลอป โดย 20 กว่าปีก่อนหน้านี้หงส์แดงแทบจะไม่ได้ประโยชน์จากการเล่นเซตเพลย์แบบนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรุกหรือรับ พวกเค้าก็ทำได้แย่พอๆกัน แต่ในนาทีนี้คงมีเพียงนฝไม่กี่ทีมในโลกที่จะเล่นได้ละเอียดเท่าพวกเค้า

Set piece ยอดเยี่ยม กับโซนรับยอดแย่ จุดจบในเกมนี้ของเจ้าบ้าน


6. บังโมจืดสนิท - ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเค้าต้องลงเตะค่อนข้างถี่เกินไปรึเปล่า ทำให้เกมนี้ค่อนข้างเงียบ และจังหวะที่ต้องดวลกับกองหลังเชลซี เค้าก็พ่ายแพ้แทบทุกครั้งไป ในกลางสัปดาห์นี้ที่เป็นคิวของบิลถ้วย หวังว่าคลอปจะพักเค้าบ้าง เพื่อจะได้มีพลังพอที่จะเตรียมลุยบอลลีคในวันเสาร์ถัดไป

7. ก็องเต้ - ยอดมนุษย์ที่เล่นได้โคตรคงเส้นคงวา และมีพละกำลังมหาศาล บวกกับมิติการเล่นที่หลากหลายขึ้น ทำให้นึกถึงนักเตะที่เล่นรุกและรับได้เด็ดดวงในคนเดียวกันอย่างสตีวี่จีในช่วงกลางอาชีพ หรือถ้าตรงๆเลยก็คงเป็นเอ็ดการ์ ดาวิดส์  เค้าคือหัวใจสำคัญของทีม การเล่นอันโดดเด่นของเค้าเพียงคนเดียว ทำให้รูปเกมดูคู่คี่ขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ต้องขอบคุณเลสเตอร์ที่ตั้งค่าฉีกสัญญาของยอดคนผู้นี้ไว้เพียง 30 ล้านเท่านั้น ส่วนค่าตัวในตลาดของเค้าตอนนี้คงทวีไปไม่ต่ำกว่า 4-5 เท่าเป็นแน่แท้


ก็องเต้ เดอะแบกขนานแท้


8. โรเบิร์ตสัน โคตรฟิต - หลังจากโดนแฟนบอลประสาทรุมด่าใน social จนจิตพังไปแว๊บนึง ในเกมนี้เค้ากลับมาโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม มี 1 แอสซิสต์ พร้อมกับการโชว์พละกำลังที่เหลือล้นสมกับเป็นแบ็คซ้ายระดับท้อปอย่างแท้จริง

9. เดินหน้าสร้างสถิติ - เปิดหัวชนะ 6 เกมรวดเป็นปีที่สองติดต่อกัน ชนะติดกัน 15 เกม และเป็นเกมนอกบ้านถึง 7 และสถิติต่างๆ อีกมากมายที่จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ในทุกๆครั้งที่ลงเตะ


หงส์แดงยังเก่งได้อีกนะ ชัดๆเลยก็อาเดรียนที่ดูมีคลาสมากขึ้นเมื่อไม่พลาดง่ายๆอีก


10. ทัศนคติแห่งผู้ชนะ - การลงเล่นด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการคว้าสามแต้มอย่างชัดเจนในเกมนี้ มันทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเพื่อการก้าวไปสู่แชมป์ของคลอปและลูกทีมอย่างชัดเจน นี่คือสิ่งที่ลิเวอร์พูลได้เรียนรู้จากฤดูกาลก่อน ที่เคยลงเตะด้วยความลังเลในแนวทาง จนทำให้ทีมต้องเสียคะแนนสำคัญและพลาดแชมป์ในบั้นปลาย ลองคิดดูว่าถ้าปีก่อนพวกเค้าทุ่มสุดตัวในการไปเยือนผีแดง การรอคอย 28 ปีอันยาวนานก็อาจจะจบไปแล้วก็ได้

สุดท้ายแล้วเกมนี้เป็นหนึ่งในเกมคุณภาพที่วัดกันด้านแทคติกแล้วกินกันแทบไม่ลง แต่ความแตกต่างมันอยู่ที่เรื่องคุณภาพและประสบการณ์ของผู้เล่นรวมถึงทีมเวิร์ค ที่ทีมหงส์แดงนำหน้าอยู่หลายขุม และเชลซีรวมทั้งผู้ตามทีมอื่นๆ (ยกเว้นเรือใบ) จะต้องใข้เวลาในการเพาะบ่มอีกพอสมควร

การที่ลิเวอร์พูลชนะในเกมที่ต้องชนะเพื่อรักษาโมเมนตัมแบบนี้ มันคือคุณสมบัติที่ทีมลุ้นแชมป์ต้องมี เส้นทางอีกยาวไกล ความสนุกในการลุ้นยังรออยู่อีกเยอะครับ