1. เชลซีเน้นรับชัดเจน - การจัด 11 คนแรกของแลมพ์ด้วยการยัดกลางตัวรับไปถึง 3 แสดงให้เห็นถึง "การเรียนรู้" ว่าควรจะรับมือกับหงส์แดงเช่นไร เพราะถ้าจะเล่นเกมรุกสู้ในสภาพที่ยังต้องลองทีมอยู่ โอกาสพินาศย่อมมีมากกว่า
2. แลมพ์จัดทีมแบบเสียดายของ - การดันทุรังส่งฮาเวิร์ซลงในตำแหน่งหน้าเป้า ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆกับทีม เข้าใจว่านักเตะค่าตัวแพง แต่ก็ไม่ควรมานั่งเสียดายตังค์และยัดลงไปแบบนั้น เพราะเหมือนกับเป็นการต่อแต้มให้กับหงส์แดงไปโดยปริยาย
3. ฟาบินโญ่ โคตรเหนือ - ทำได้ดีเยี่ยมในตำแหน่งกองหลัง ถึงจะขาดความเร็วแต่การชิงจังหวะ และความนิ่งในการดักทางบอล ทำให้แวร์เนอร์ไม่สามารถแผลงฤทธิ์ได้เลย
ฟบญ โชว์เทพแบบนี้ เปลี่ยนตำแหน่งมาเลยละกัน
4. คริสเตียนเซ่นตัดสินเกม - การตัดสินใจทำฟาวล์ของเค้าประหนึ่งเป็นการตัดสินผลลัพธ์ของเกมในบั้นปลาย เพราะด้วยรูปเกมที่เป็นรองอยู่แล้ว ก็กลายเป็นรองแบบสุดกู่ และในที่สุดก็ต้านพลังการรุกของหงส์แดงไว้ไม่อยู่
5. เกป้า ไม่ควรได้รับโอกาส - ไม่ว่าจะได้ผู้รักษาประตูคนใหม่มาตามข่าวหรือไม่ แลมพ์ก็ควรที่จะพักเกป้าไว้ข้างสนาม เพราะนอกจากฟอร์มจะตกแล้ว ก็ยังผิดพลาดแบบไม่น่าอภัยซึ่งทำให้เกมที่ยากอยู่แล้ว กลายเป็นเกมที่หมดหนทางกลับมาได้แต้มอย่างสิ้นเชิง
เกป้าดูไม่เหมาะที่จะอยู่กับทีมที่ต้องการลุ้นแชมป์เลย
6. อลิสซอนชอบโชว์เทพในช่วงสำคัญ - นอกจากความสามารถโดยรวมที่เก่งเข้าขั้นระดับโลก เค้ายังชอบมีโมเม้นการเซฟประตูในจังหวะเปลี่ยนเกมอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจุดนี้มันชัดเจนและโดดเด่นกว่าผู้รักษาประตูแทบทุกคน ลูกที่เซฟจุดโทษในเกมนี้ นอกจากจะทำลายโมเมนตัมของเจ้าบ้านแล้ว ยังช่วยรักษาสภาพจิตใจของธิอาโก้ผู้เป็นคนทำเสียจุดโทษในทางอ้อมด้วย
7. 3 ประสานหงส์ ยังน่าเกรงขามเสมอ - ประตู 1:0 คือการเล่นที่สวยงามของสามคีย์แมน ด้วยบอลที่แม่นยำไม่กี่จังหวะ และอนาคตยังจะมีมิติเพิ่มจากบอลสวยๆของ ธิอาโก้เพิ่มขึ้นมา นั่นคงทำใฟ้เกมรุกดูวูบวาบอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
8. รบส มีบทบาทมากขึ้น - การวางตำแหน่งให้ รบส เปิดลูกคอร์เนอร์มากขึ้น แทนที่จะให้เทรนต์เหมาแบบเบ็ดเสร็จ และนี่คงเป็นการเพิ่มโอกาสให้ รบส พัฒนาการเปิดลูกนิ่ง และคงได้เห็นบทบาทในการเล่นเกมรุกของเค้าได้มากขึ้นไปอีก
9. ธิอาโก้เปิดตัวได้โอเค - สถิติการเปิดบอลเข้าเป้ามากที่สุดตลอดกาลในครึ่งเวลาหลังเป็นสิ่งที่จับต้องได้ชัดเจนถึงบทบาทที่เค้ามีกับทีม แต่อย่าลืมไปว่านี่เป็นการเล่นกับทีมที่ตั้งใจอุดเป็นรถบัสอีกทั้งยังมีแค่ 10 ตัวอีกต่างหาก ถ้ากลับมาดูที่ภาพรวม เห็นชัดเจนว่าเค้าออกบอลให้เพื่อนเล่นได้ง่ายๆ และมีจังหวะจ่ายบอลสวยๆได้หลายครั้งอยู่เช่นกัน แต่ในส่วนของการปรับจังหวะกับเกม เค้ายังติดประมาทอยู่ 2-3 หน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการพลาดทำเสียจุดโทษ ดีที่พี่หมีเซฟไว้ได้ มิเช่นนั่นรูปเกมอาจจะเปลี่ยนก็ได้
ธิอาโก้เปิดตัวได้ดี แต่ต้องปรับจังหวะ และลดความประมาทลงอีกหน่อย
10. หงส์ไม่โหม - หลังจากขึ้นนำ 2:0 ลิเวอร์พูลก็เล่นแบบเน้นครองบอลแทนการเดินหน้าฆ่ามัน เพราะคงมั่นใจเต็มที่แล้วว่า ยังไงเชลซีก็ไม่น่าจะพลิกนรกกลับมาได้ เพราะถ้าเค้าตั้งใจบุกแบบเต็มที่ละก็สกอร์คงไม่ออกมาจุ๋มจิ๋มที่ 2 ลูกเช่นนี้
ก็ถือเป็นเรื่องดีๆของชาวหงส์ที่เก็บได้ 3 แต้มเต็มกับทีมที่เข้าข่ายลุ้นแชมป์ด้วยกัน การมีตัวผู้เล่นมากกว่าทำให้ทีมเล่นกันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งพูดง่ายๆก็คืออย่าเพิ่งรีบได้ใจ เพราะเกมถัดไปกับอาร์เซนอลที่พัฒนาตัวเองได้ขึ้นมาดีอีกระดับนึงนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสม่ำเสมอของแชมป์เก่า
ยังไงก็ตามนี่มันแค่สองเกมแรกเท่านั้น โฉมหน้าของทีมลุ้นแชมป์คงไม่ได้มีแค่หงส์และเรือใบแน่ๆ เพราะทีมที่เสริมตัวและดูลงล็อคแบบเอฟเวอร์ตันและเลสเตอร์ ก็คงมีโอกาสลุ้นหรืออย่างน้อยก็จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการลุ้นแชมป์อย่างแน่นอน ตอนนี้ก็คงต้องดูทีมเรือใบ ที่ออกสตาร์ทช้ากว่าชาวบ้านว่าจะออกตัวได้ดีแค่ไหน เพราะถ้าพลาดตั้งแต่ต้นแล้วล่ะก็ ปีนี้คงเหนื่อยหนักอย่างแน่นอน
10 ควันหลงหลังเกม หงส์จิกสิงห์ 🦢🔪🦁
2. แลมพ์จัดทีมแบบเสียดายของ - การดันทุรังส่งฮาเวิร์ซลงในตำแหน่งหน้าเป้า ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆกับทีม เข้าใจว่านักเตะค่าตัวแพง แต่ก็ไม่ควรมานั่งเสียดายตังค์และยัดลงไปแบบนั้น เพราะเหมือนกับเป็นการต่อแต้มให้กับหงส์แดงไปโดยปริยาย
3. ฟาบินโญ่ โคตรเหนือ - ทำได้ดีเยี่ยมในตำแหน่งกองหลัง ถึงจะขาดความเร็วแต่การชิงจังหวะ และความนิ่งในการดักทางบอล ทำให้แวร์เนอร์ไม่สามารถแผลงฤทธิ์ได้เลย
ฟบญ โชว์เทพแบบนี้ เปลี่ยนตำแหน่งมาเลยละกัน
4. คริสเตียนเซ่นตัดสินเกม - การตัดสินใจทำฟาวล์ของเค้าประหนึ่งเป็นการตัดสินผลลัพธ์ของเกมในบั้นปลาย เพราะด้วยรูปเกมที่เป็นรองอยู่แล้ว ก็กลายเป็นรองแบบสุดกู่ และในที่สุดก็ต้านพลังการรุกของหงส์แดงไว้ไม่อยู่
5. เกป้า ไม่ควรได้รับโอกาส - ไม่ว่าจะได้ผู้รักษาประตูคนใหม่มาตามข่าวหรือไม่ แลมพ์ก็ควรที่จะพักเกป้าไว้ข้างสนาม เพราะนอกจากฟอร์มจะตกแล้ว ก็ยังผิดพลาดแบบไม่น่าอภัยซึ่งทำให้เกมที่ยากอยู่แล้ว กลายเป็นเกมที่หมดหนทางกลับมาได้แต้มอย่างสิ้นเชิง
เกป้าดูไม่เหมาะที่จะอยู่กับทีมที่ต้องการลุ้นแชมป์เลย
6. อลิสซอนชอบโชว์เทพในช่วงสำคัญ - นอกจากความสามารถโดยรวมที่เก่งเข้าขั้นระดับโลก เค้ายังชอบมีโมเม้นการเซฟประตูในจังหวะเปลี่ยนเกมอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจุดนี้มันชัดเจนและโดดเด่นกว่าผู้รักษาประตูแทบทุกคน ลูกที่เซฟจุดโทษในเกมนี้ นอกจากจะทำลายโมเมนตัมของเจ้าบ้านแล้ว ยังช่วยรักษาสภาพจิตใจของธิอาโก้ผู้เป็นคนทำเสียจุดโทษในทางอ้อมด้วย
7. 3 ประสานหงส์ ยังน่าเกรงขามเสมอ - ประตู 1:0 คือการเล่นที่สวยงามของสามคีย์แมน ด้วยบอลที่แม่นยำไม่กี่จังหวะ และอนาคตยังจะมีมิติเพิ่มจากบอลสวยๆของ ธิอาโก้เพิ่มขึ้นมา นั่นคงทำใฟ้เกมรุกดูวูบวาบอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
8. รบส มีบทบาทมากขึ้น - การวางตำแหน่งให้ รบส เปิดลูกคอร์เนอร์มากขึ้น แทนที่จะให้เทรนต์เหมาแบบเบ็ดเสร็จ และนี่คงเป็นการเพิ่มโอกาสให้ รบส พัฒนาการเปิดลูกนิ่ง และคงได้เห็นบทบาทในการเล่นเกมรุกของเค้าได้มากขึ้นไปอีก
9. ธิอาโก้เปิดตัวได้โอเค - สถิติการเปิดบอลเข้าเป้ามากที่สุดตลอดกาลในครึ่งเวลาหลังเป็นสิ่งที่จับต้องได้ชัดเจนถึงบทบาทที่เค้ามีกับทีม แต่อย่าลืมไปว่านี่เป็นการเล่นกับทีมที่ตั้งใจอุดเป็นรถบัสอีกทั้งยังมีแค่ 10 ตัวอีกต่างหาก ถ้ากลับมาดูที่ภาพรวม เห็นชัดเจนว่าเค้าออกบอลให้เพื่อนเล่นได้ง่ายๆ และมีจังหวะจ่ายบอลสวยๆได้หลายครั้งอยู่เช่นกัน แต่ในส่วนของการปรับจังหวะกับเกม เค้ายังติดประมาทอยู่ 2-3 หน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการพลาดทำเสียจุดโทษ ดีที่พี่หมีเซฟไว้ได้ มิเช่นนั่นรูปเกมอาจจะเปลี่ยนก็ได้
ธิอาโก้เปิดตัวได้ดี แต่ต้องปรับจังหวะ และลดความประมาทลงอีกหน่อย
10. หงส์ไม่โหม - หลังจากขึ้นนำ 2:0 ลิเวอร์พูลก็เล่นแบบเน้นครองบอลแทนการเดินหน้าฆ่ามัน เพราะคงมั่นใจเต็มที่แล้วว่า ยังไงเชลซีก็ไม่น่าจะพลิกนรกกลับมาได้ เพราะถ้าเค้าตั้งใจบุกแบบเต็มที่ละก็สกอร์คงไม่ออกมาจุ๋มจิ๋มที่ 2 ลูกเช่นนี้
ก็ถือเป็นเรื่องดีๆของชาวหงส์ที่เก็บได้ 3 แต้มเต็มกับทีมที่เข้าข่ายลุ้นแชมป์ด้วยกัน การมีตัวผู้เล่นมากกว่าทำให้ทีมเล่นกันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งพูดง่ายๆก็คืออย่าเพิ่งรีบได้ใจ เพราะเกมถัดไปกับอาร์เซนอลที่พัฒนาตัวเองได้ขึ้นมาดีอีกระดับนึงนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสม่ำเสมอของแชมป์เก่า
ยังไงก็ตามนี่มันแค่สองเกมแรกเท่านั้น โฉมหน้าของทีมลุ้นแชมป์คงไม่ได้มีแค่หงส์และเรือใบแน่ๆ เพราะทีมที่เสริมตัวและดูลงล็อคแบบเอฟเวอร์ตันและเลสเตอร์ ก็คงมีโอกาสลุ้นหรืออย่างน้อยก็จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการลุ้นแชมป์อย่างแน่นอน ตอนนี้ก็คงต้องดูทีมเรือใบ ที่ออกสตาร์ทช้ากว่าชาวบ้านว่าจะออกตัวได้ดีแค่ไหน เพราะถ้าพลาดตั้งแต่ต้นแล้วล่ะก็ ปีนี้คงเหนื่อยหนักอย่างแน่นอน