คำตอบของประตูเจ้าปัญหา อยู่ในบทความนี้แล้ว

นักข่าวเวียดนาม ถามมาซาทาดะ อิชิอิ ในห้องแถลงข่าวตอนจบเกมว่า "คุณคิดอย่างไรกับประตูที่ 2 ของไทย ที่เป็นลูกยิงสกปรก แล้วคุณคุยกับผู้ตัดสินว่าอะไร เขาแนะนำไหมว่า คุณควรให้เวียดนามยิงประตูคืนฟรีๆ เพื่อความแฟร์เพลย์"

เขาใช้คำว่า "Dirty Goal" พูดคำนี้ ในเพรส คอนเฟอเรนซ์ ต่อหน้าอิชิอิเลย

แค่ฟังก็รู้ว่า นี่คือคำถามหาเรื่อง กะยั่วให้อิชิอิโมโห แล้วเอาเป็นประเด็นพาดหัวข่าวต่อ

แต่ต้องขอบคุณ คุณเก้า- ทีมฝ่ายต่างประเทศของสมาคมฟุตบอลฯ ที่ทำหน้าที่โฮสต์ เพราะเข้ามาช่วยเบรกสถานการณ์ โดยพูดว่า "กรุณาถามด้วยถ้อยคำที่ดีกว่านี้หน่อย"

ดังนั้นนักข่าวเวียดนามเลย ยอมถอยก้าวหนึ่ง แล้วเหลือคำถามแค่ว่า "คิดอย่างไรกับประตูที่ 2 ของไทย"

อิชิอิ ตอบกลับว่า "มองว่าเป็นประตูที่สวยงามมากครับ"

อิชิอิ เป็นคนฉลาด เขารู้อยู่แล้วว่านักข่าวเวียดนามมีจุดประสงค์แบบไหน เมื่อใช้คำถามยั่วยุ และมีเหลี่ยมแบบนี้ ก็ตอบกลับไปแบบนี้ ด้วยประโยคเดียวสั้นๆ ถือว่ายุติธรรมดีแล้ว

เรื่องความเกรียนของเวียดนาม ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในห้องแถลงข่าวเท่านั้น แต่ ณ เวลานี้ เกิดขึ้นไปทั่วโลกออนไลน์แล้ว

หลังจบเกมที่เวียดนามคว้าแชมป์ AFF เกิดปรากฏการณ์ ชาวเน็ตเวียดนามบุกถล่มเพจไทย รวมถึงบุกอินสตาแกรมของสุภโชค สารชาติ และด่าทอด้วยถ้อยคำเสียหาย คือเกรียนไม่หยุดนั่นแหละ

สำหรับดราม่า ประตู 2-1 ของสุภโชค สารชาติ เราจะไปลำดับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน และสุดท้าย ผมจะขออนุญาต เสนอมุมมองของตัวเอง ว่าคิดอย่างไรกับช็อตนี้นะครับ

หลังจบครึ่งแรก ในนัดชิง AFF เลกสอง สกอร์เสมอกันอยู่ 1-1 พอเข้าครึ่งหลังปั๊บ เวียดนามตัดสินใจ "เน้นเกมรับมากกว่าเดิม"

สาเหตุเพราะ พวกเขา เสีย เหงียน ซวน เซิน จากอาการบาดเจ็บ ทำให้ต้องใช้นักเตะ 11 คน ถอยมายืนในแดนตัวเอง ไม่ได้คิดจะเดินหน้าบุกสู้ เหมือนในครึ่งแรกที่ซวน เซินยังอยู่

ถ้าเวียดนามยันสกอร์ 1-1 ไว้ได้ พวกเขาก็ได้แชมป์ ดังนั้นจึงเล่นอย่างอดทน เล่นช้า ดึงเวลาได้ก็ดึง แล้วปล่อยให้ไทยทำเกมบุก

ไทยเดินหน้าลุยมากขึ้นเรื่อยๆ เปอร์เซ็นต์การครองบอล ขยับเป็น 68%-32%  นั่นทำให้เวียดนามก็ดึงเวลามากขึ้นอีก

ไม่รู้บังเอิญไหม แต่พวกเขา เริ่ม "ล้มลงเจ็บ" ในสนามบ่อยขึ้น

นาทีที่ 58 นักเตะเวียดนาม ล้มลงไปในสนามสองคน และให้เพื่อนเตะออกข้างให้ คือมันดูไม่ออกเลยว่า "เจ็บจริง" หรือ "แกล้งเจ็บ"

พอเตะออกไปปั๊บ เกมก็ต้องเบรกชั่วคราว เหมือนเป็นการขอเวลานอกโดยอัตโนมัติ เท่ากับ่วาเกมของไทยที่กำลังต่อเนื่อง ได้บุก ได้ลุย ต้องมาหยุดความต่อเนื่องจากจังหวะเบรกตรงนี้

หลังจากเบรกปั๊บ นักเตะเวียดนามได้ดื่มน้ำ ดื่มท่า แล้วทั้งคู่ก็ยืนขึ้นลงเล่นตามปกติ เหมือนว่า ไม่เคยเจ็บมาก่อนเลย

แล้วจากนั้น ด้วยความที่เวียดนามเตะออกข้าง ก็ตามมารยาท ไทยต้องส่งบอลคืนให้ แล้วเวียดนามก็ได้เซ็ตบอลลุยขึ้นมาใหม่ จากผู้รักษาประตูของตัวเอง

โมเมนตั้มของไทยเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ทีนี้ในนาทีที่ 62 เบน เดวิส กระชากหลบเหงียน ฮอง ดึ๊ก (เบอร์ 14) แล้วจ่ายบอลให้สุภโชค บอลลึกไปนิด ไม่เข้ามือโกล์ แต่โกล์รับกระฉอกจนเกือบแจกส้มหล่นให้ไทยฟรีๆ

ในโมเมนต์ชุลมุน ที่เวียดนามกำลังป่วน อยู่ๆ เหงียน ฮอง ดึ๊ก ที่กำลังจะลุกขึ้นยืน ก็นอนกลิ้งลงไปกับพื้น แล้วนายทวารเวียดนามก็หนีปัญหาด้วยการขว้างบอลออกข้างสนามไปเลย

เราดูไม่ออกว่า เหงียน ฮอง ดึ๊ก เจ็บจริง หรือเจ็บหลอกเพื่อช่วยเบรกเกมของไทย แต่สิ่งที่เห็นคือ แค่แป้บเดียวเท่านั้น เหงียน ฮอง ดึ๊ก ก็ลุกขึ้น แล้วเล่นต่อได้สบายๆ เหมือนกับว่าที่ล้มลงไป เป็นกลยุทธ์ในการชะลอเกม ที่ไทยกำลังเพรสซิ่งหนักเท่าๆ นั้น

ตามมารยาท (อีกครั้ง) นักเตะไทยก็ต้องส่งบอลคืนให้ เพื่อให้เวียดนามได้เซ็ตบอลเล่นต่อแบบง่ายๆ

คำถามอยู่ตรงนี้ครับ นั่นคือ ถ้าหากเวียดนามบอกว่าเจ็บ แล้วเตะออกข้าง 10 ครั้ง ไทยก็ต้องส่งคืน 10 ครั้งเลยใช่หรือไม่?

เรามีสิทธิ์พิจารณาด้วยตัวเองไหม ว่าจังหวะไหน ล้มจริง เจ็บจริง จังหวะไหนแค่จงใจใช้ประโยชน์จาก "ความแฟร์เพลย์" เพื่อดึงเวลาให้ช้าลง

คือถ้าเป็นอย่างในครึ่งแรก เป็นอาการเจ็บแบบขาหัก ที่ซวน เซิน โดน แบบนี้เราส่งคืนให้แน่ แต่กับอาการเจ็บแบบ "การเมือง" เราก็ต้องปล่อยไปแบบนั้นหรือ?

จากการดูฟุตบอลอาเซียนมานาน ผมพอจะบอกได้ว่า เวียดนามไม่ใช่ทีมใสซื่อหรอกครับ พวกเขารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่

นาทีที่ 64 ไทยทุ่มบอลเข้ามา เบน เดวิส ส่งให้สุภโชค จังหวะนั้นนักเตะเวียดนาม ไม่เพรสซิ่งไล่บอล เพราะเข้าใจว่าไทยจะทุ่มคืนให้ ปรากฏว่า "เช็ค" ตะบันไกล 30 หลาด้วยเท้าขวา บอลพุ่งวาบเสียบตาข่ายแบบสวยงามที่สุด ถ้าตัดดราม่าทุกอย่างออกไป ลูกนี้คือประตูที่เพอร์เฟ็กต์ และเหนือชั้นมากๆ เพราะมันต้องใช้พลังขามหาศาลในการยิงเข้ามุมสูงด้วยความเร็วและแรงขนาดนี้

แต่พูดแบบ to be fair การที่สุภโชคได้ยิงโล่งขนาดนั้น เพราะกองกลางเวียดนามไม่เพรสซิ่งด้วย  

ผมว่าที่สุภโชคยิงแบบนั้น เพราะเป็นการขู่เตือนเวียดนามว่า อย่ามาดึงเวลากันแบบนี้ ต่อไปจะไม่ทุ่มคืนให้ง่ายๆ แล้ว แต่เจ้าตัวก็คงไม่คาดคิดเหมือนกัน จะเข้ามุมเพอร์เฟ็กต์เป๊ะขนาดนี้

ถ้าผมเป็นสุภโชค ที่เล่นในเจลีกมาตลอด ลีกที่เล่นกันต่อเนื่อง ด้วยสปีด ด้วยความเข้มข้น ไม่มีมาดึงเวลาไร้สาระ แกล้งเจ็บ แกล้งนอน คงรำคาญเหมือนกัน ว่าจะมาล้มเจ็บอะไรนักหนา ดังนั้นก็เลยยิงโป้งให้มันจบๆ ไปเลย

เมื่อสุภโชคยิงเข้า ตามกฎก็ต้องให้เป็นประตู แต่มันนำมาซึ่งคำถามว่า จังหวะนี้ ควรยิง หรือ ควรส่งคืน

ฝั่งเวียดนามโวยแหลก นักข่าว กองเชียร์ ไปไล่ด่าสุภโชคกันเละเทะ สื่อเวียดนาม ใช้คำว่า ugly goal ด่าไทยสารพัด ว่าซูเปอร์สตาร์ของไทยไร้สปิริต

นั่นคือมุมแรก แต่ในอีกมุมหนึ่ง หลายคนก็เห็นด้วยกับ ลีซอ-ธีรเทพ วิโนทัย ที่โพสต์ว่า "อย่าถามหาสปิริตจากใคร ถ้าคุณยังไม่มีให้คนอื่น"

ความหมายคือ เวียดนาม ไม่ใช่ทีมพ่อพระ ตัวเองก็เหลี่ยมเยอะจะตาย พอโดนคนอื่นเหลี่ยมคืนบ้าง แล้วร้องหรอ?

ประเทศไทยต้องทำตัวเป็นนางเอก ยอมโดนรังแกฝ่ายเดียวงั้นสิ

เกมนี้ ผู้ตัดสินหลัก ไลน์แมน และทีม VAR เป็นชาวเกาหลีใต้ทั้งหมด บังเอิญดี ที่เป็นชาติเดียวกับ คิม ซัง-ซิก เฮดโค้ชเวียดนาม จริงๆ ถ้าหาก AFF ไม่อยากมีดราม่า ไม่ควรเอาผู้ตัดสิน เกาหลี หรือ ญี่ปุ่น มาตัดสินเกมนี้เลย ไปเอาชาติกลางๆ อย่างซาอุฯ, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์ มาเลยยังจะดีกว่า

ผู้ตัดสินหลายช็อตก็เป่าดี แต่หลายช็อตก็มีคำถาม เช่น จังหวะที่ไทยควรได้จุดโทษ ก็ไม่ได้ หรือจังหวะโจนาธารโดนเสียบข้อเท้าก็ไม่เช็ก VAR ว่าเป็นใบแดงหรือไม่

สารพัดสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วเรายังต้องมาทนโดนเวียดนามเหลี่ยมใส่ ให้ทุ่มบอลคืนให้อีกอย่างนั้นหรือ? จะเป็นพระเอก-นางเอก ก็ต้องมีลิมิตเหมือนกัน

ผมเคยสัมภาษณ์ สุภโชค สารชาติ หลายครั้ง ไม่ต้องถามเรื่องสปิริต ถ้าหากเช็ค ไม่ใช่ผู้เล่นที่มีทัศนคติดี เขาไม่สามารถอยู่คอนซาโดเล่ ซัปโปโรได้ 3 ฤดูกาลหรอกครับ

แต่กับเคสนี้ ผมว่าสุภโชคเองก็ดูออก ว่าเจตนาของเวียดนามในการเตะออก เพื่อให้เราทุ่มคืนคืออะไร แล้วเขาก็ตอบสนองด้วยการซัดลูกไฟคืนแค่นั้นเองครับ ส่งบอลคืนให้แล้วนะ ไปเก็บที่ก้นตาข่ายเองละกัน

ก็แล้วแต่มุมมองว่าคุณจะคิดแบบไหน จะมองว่าเช็คเป็นคนไม่มีน้ำใจนักกีฬา หรือ เป็นคนที่ประเมินสถานการณ์เป็น แล้วรู้จักตอบโต้อย่างเหมาะสม อันนี้ก็แล้วแต่ดุลยพินิจครับ

ดังนั้นบทสรุปของเรื่องนี้ สุภโชค คงกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของฝั่งเวียดนามไปอีกพักใหญ่ๆ เขาคงมีเหตุให้หงุดหงิดใจ จากการโดน Troll ในโลกออนไลน์แน่ๆ  

แต่ผมอยากบอกเช็คว่า ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เรื่องนี้จะเป็นแค่เศษเสี้ยวของดราม่า ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปครับ

เช็คไปสู้ต่อ ในฟุตบอลเจลีกให้เต็มที่ดีกว่า อีกเดี๋ยวฤดูกาลใหม่ก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ส่วนทีมชาตินั้น เดือนมีนาคม ในนัดสำคัญมากๆ กับศรีลังกาค่อยมาว่ากันใหม่นะ

ขณะที่การกระทำ การเกรียนของเวียดนาม ทั้งสื่อทั้งแฟนบอล ตัวผมมองแบบนี้ครับ

ปกติแล้วในโลกกีฬา ถ้าคุณแพ้แล้วชวนตี (Sore Loser) แม้จะแย่ แต่คนก็ยังพอเข้าใจได้ เพราะคุณผิดหวังไง ก็เลยต้องแสดงออกด้วยการหาเรื่องแบบนั้น

แต่ในเคสนี้ของเวียดนาม คือ ชนะแล้วชวนตี (Sore Winner) ซึ่งเป็นอะไรที่แย่กว่ามาก คุณชนะในเกมแล้ว แต่ยังมาเกรียน ยังด่าทอใส่อีกฝ่ายแบบนี้ รวมถึงใช้ถ้อยคำหยาบคายไม่มีหยุด พูดตรงๆ คือมันไร้คลาส และไร้มารยาทครับผม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่