ว่าด้วยปรินิพพานเฉพาะตน

ผลแห่งการถอนความมั่นหมายในธรรมทั้งปวง 
โดยความหมายสี่สถาน

ภิกษุ ท. !  เราจักแสดง  “ปฏิปทาอันสมควรแก่การเพิกถอนความมั่นหมายทั้งปวง” 
แก่พวกเธอ.  พวกเธอจงฟัง  จงทำในใจให้ดี  เราจักกล่าว.  ปฏิปทาอันสมควรแก่การ
เพิกถอนความมั่นหมายทั้งปวง  เป็นอย่างไรเล่า ?  ภิกษุท. !  ภิกษุในกรณีนี้ :- 

ไม่มั่นหมาย ซึ่ง จักษุ 
ไม่มั่นหมาย ใน จักษุ 
ไม่มั่นหมาย โดย ความเป็น จักษุ 
ไม่มั่นหมายจักษุ ว่าของเรา ; 

ไม่มั่นหมาย ซึ่ง รูปทั้งหลาย 
ไม่มั่นหมาย ใน รูปทั้งหลาย 
ไม่มั่นหมาย โดย ความเป็น รูปทั้งหลาย 
ไม่มั่นหมายรูป ท. ว่าของเรา ; 

ไม่มั่นหมาย  ซึ่ง  จักขุวิญญาณ  
ไม่มั่นหมาย  ใน  จักขุวิญญาณ  
ไม่มั่นหมาย โดย ความเป็น จักขุวิญญาณ 
ไม่มั่นหมายจักขุวิญญาณ ว่าของเรา ; 

ไม่มั่นหมาย ซึ่ง  จักขุสัมผัส  
ไม่มั่นหมาย  ใน  จักขุสัมผัส 
ไม่มั่นหมาย  โดย ความเป็น จักขุสัมผัส 
ไม่มั่นหมายจักขุสัมผัส ว่าของเรา ; 

ไม่มั่นหมาย ซึ่ง  เวทนา  
ไม่มั่นหมาย  ใน  เวทนา  
ไม่มั่นหมาย  โดย ความเป็น เวทนา
ไม่มั่นหมายเวทนา  ว่าของเรา  
ซึ่งเป็นเวทนาอันเกิดจากจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย 
อันเป็นสุขก็ตาม เป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม. 

(ในกรณีแห่งหมวด  โสตะ  ฆานะ  ชิวหา  กายะ และ  มนะ  ก็ได้ตรัสไว้ด้วย
ข้อความทำนองเดียวกันกับข้อความในกรณีแห่งหมวดจักษุข้างบนนี้ ทุกตัวอักษร ต่าง
กันแต่ชื่อเท่านั้น). 

ไม่มั่นหมาย ซึ่ง สิ่งทั้งปวง  
ไม่มั่นหมาย ใน สิ่งทั้งปวง  
ไม่มั่นหมาย  โดยความเป็น สิ่งทั้งปวง  
ไม่มั่นหมายสิ่งทั้งปวง ว่าของเรา. 

ภิกษุนั้น  เมื่อไม่มั่นหมายอยู่อย่างนี้  ก็ไม่ถือมั่นสิ่งใด ๆ  ในโลก,  เมื่อไม่ถือมั่นก็
ไม่สะดุ้ง,  เมื่อไม่สะดุ้งก็ปรินิพพานเฉพาะตน  (ปจฺจตฺตํ ปรินิพฺพายติ)  นั่นเทียว.  เธอ
นั้น  ย่อม  รู้ชัดว่า  “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว  กิจที่ควรทำได้สำเร็จแล้ว  กิจ
อื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้  มิได้มีอีก”  ดังนี้. (   )

ภิกษุ ท. !  นี้แล  คือ  “ปฏิปทาอันสมควรแก่การเพิกถอนความมั่นหมายทั้งปวง
นั้น”. 
(ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตนของตน (สุญฺโญ).
ไม่มีอะไรที่จะเปรียบเทียบได้อีกนั้นแหละ)
 
- สฬา. สํ. ๑๘/๒๖/๓๓.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่