แก่การเพิกถอนความมั่นหมายสิ่ง
ทั้งปวง
ภิกษุ ท. ! เราจักแสดง “ปฏิปทาอันสะดวกแก่การเพิกถอนความมั่นหมายทั้งปวง”
แก่พวกเธอ. พวกเธอจงฟัง จงทำในใจให้ดี เราจักกล่าว. ปฏิปทาอันสะดวกแก่การ
เพิกถอนความมั่นหมายทั้งปวง เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ก็ภิกษุย่อมมั่นหมาย ซึ่ง สิ่งใด
มั่นหมาย ใน สิ่งใด
มั่นหมาย โดย ความเป็นสิ่งใด
มั่นหมายสิ่งใด ว่าของเรา,
สิ่งที่เขามั่น.หมายนั้น ย่อมเป็นโดยประการอื่นจากที่เขามั่นหมายนั้น.
สัตว์โลกผู้ข้องอยู่ในภพ เพลิดเพลินอยู่ในภพนั่นแหละ
จักะเป็นผู้มีความเป็นโดยประการอื่น.
ภิกษุ ท. ! ขันธ์ ธาตุ อายตนะ มีอยู่มีประมาณเท่าใด ; 5666666
ภิกษุ ย่อม ไม่มั่นหมายแม้ ซึ่ง ขันธ์ ธาตุ อายตนะ นั้น
ไม่มั่นหมายแม้ ใน ขันธ์ธาตุ อายตนะนั้น
ไม่มั่นหมายแม้ โดย ความเป็นขันธ์ธาตุอายตนะนั้น
ไม่มั่นหมายขันธ์ธาตุอายตนะนั้น ว่าของเรา.
ภิกษุนั้น เมื่อไม่มั่นหมายอยู่อย่างนี้ ก็ไม่ถือมั่นสิ่งใด ๆ ในโลก,
เมื่อไม่ถือมั่นก็ ไม่สะดุ้ง, เมื่อไม่สะดุ้งก็ปรินิพพานเฉพาะตนนั่นเทียว,
เธอนั้น ย่อมรู้ชัดว่า “ ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! นี้แล คือ “ปฏิปทาเป็นเครื่องสะดวกแก่การเพิกถอนความมั่นหมาย
ทั้งปวง” .
(คำว่า ถอนความมั่นหมายโดยความหมายสี่สถาน นั้น คือ
๑. ไม่มั่นหมายซึ่งสิ่งนั้น
๒. ไม่มั่นหมายในสิ่งนั้น
๓. ไม่มั่นหมายโดยเป็นสิ่งนั้น
๔. ไม่มั่นหมายว่าสิ่งนั้นของเรา ดังนี้.
หยุดถือมั่น – หยุดหวั่นไหว(ตามกระแส.)นั้นแหละ
ด้วยวิธีปฏิบัติอย่างเดียวกันกับที่ทรงแสดงในอนัตตลักขณสูตร)
- สฬา. สํ. ๑๘/๒๘/๓๔.
ว่าด้วย ปฏิปทาเป็นเครื่องสะดวก...
แก่การเพิกถอนความมั่นหมายสิ่งทั้งปวง
ภิกษุ ท. ! เราจักแสดง “ปฏิปทาอันสะดวกแก่การเพิกถอนความมั่นหมายทั้งปวง”
แก่พวกเธอ. พวกเธอจงฟัง จงทำในใจให้ดี เราจักกล่าว. ปฏิปทาอันสะดวกแก่การ
เพิกถอนความมั่นหมายทั้งปวง เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ก็ภิกษุย่อมมั่นหมาย ซึ่ง สิ่งใด
มั่นหมาย ใน สิ่งใด
มั่นหมาย โดย ความเป็นสิ่งใด
มั่นหมายสิ่งใด ว่าของเรา,
สิ่งที่เขามั่น.หมายนั้น ย่อมเป็นโดยประการอื่นจากที่เขามั่นหมายนั้น.
สัตว์โลกผู้ข้องอยู่ในภพ เพลิดเพลินอยู่ในภพนั่นแหละ
จักะเป็นผู้มีความเป็นโดยประการอื่น.
ภิกษุ ท. ! ขันธ์ ธาตุ อายตนะ มีอยู่มีประมาณเท่าใด ; 5666666
ภิกษุ ย่อม ไม่มั่นหมายแม้ ซึ่ง ขันธ์ ธาตุ อายตนะ นั้น
ไม่มั่นหมายแม้ ใน ขันธ์ธาตุ อายตนะนั้น
ไม่มั่นหมายแม้ โดย ความเป็นขันธ์ธาตุอายตนะนั้น
ไม่มั่นหมายขันธ์ธาตุอายตนะนั้น ว่าของเรา.
ภิกษุนั้น เมื่อไม่มั่นหมายอยู่อย่างนี้ ก็ไม่ถือมั่นสิ่งใด ๆ ในโลก,
เมื่อไม่ถือมั่นก็ ไม่สะดุ้ง, เมื่อไม่สะดุ้งก็ปรินิพพานเฉพาะตนนั่นเทียว,
เธอนั้น ย่อมรู้ชัดว่า “ ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! นี้แล คือ “ปฏิปทาเป็นเครื่องสะดวกแก่การเพิกถอนความมั่นหมาย
ทั้งปวง” .
(คำว่า ถอนความมั่นหมายโดยความหมายสี่สถาน นั้น คือ
๑. ไม่มั่นหมายซึ่งสิ่งนั้น
๒. ไม่มั่นหมายในสิ่งนั้น
๓. ไม่มั่นหมายโดยเป็นสิ่งนั้น
๔. ไม่มั่นหมายว่าสิ่งนั้นของเรา ดังนี้.
หยุดถือมั่น – หยุดหวั่นไหว(ตามกระแส.)นั้นแหละ
ด้วยวิธีปฏิบัติอย่างเดียวกันกับที่ทรงแสดงในอนัตตลักขณสูตร)
- สฬา. สํ. ๑๘/๒๘/๓๔.