สวัสดีครับผมจะมาเล่าประสบการณ์ ไส้ติ่งอักเสบของตัวเอง ซึ่งอาการและค่าเลือดหรือค่าแล็ปปกติทุกอย่างไม่มีข้อบ่างชี้ทางปฎิบัติการว่าไส้ติ่งอักเสบมีลักษณะอย่างนี้ และแพทย์ไม่เคยเจออาการแบบนี้มาก่อน
เริ่มจากวันที่ 5 ก.ย. 62 ช่วงดึก ของวันพฤหัสบดี มีอาการม้วนท้อง แล้วอ้วกออกมา เป็นเลือด ผมคิดว่าไม่เป็นอะไร เช้าก็ไปทำงานปกติ แต่มีอการเบื่ออาหาร คิดว่าท้องน่าจะอืดเลยไปซื้อ อีโน มากิน พอช่วงค้ำ มีอาการไข้เลยทานยาพาราไป 2 เม็ด อาการดีขึ้นจนปกติ
วันที่ 6 ก.ย. 62 เริ่มมีอาการปวดจุกเสียดท้องไต้สะดือตรงลิ้นปี ปวดแล้วหาย คิดว่าท้องเสียเลยซื้อยาแก้ท้องเสีย คาร์บอน มากินไปจนหมดแพง และมีอาการถ่ายเหลวตลอดทั้งวัน ทานยาหมดแล้ว แต่อาการท้องเสียไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ปวดมาก ปวดแล้วหาย
วันที่ 7 ก.ย. 62 ก็มีอาการปวดเหมือนเดิม ปวดแล้วหาย ปวดแล้วหาย เบื่ออาหาร แต่ก็กินได้ มีถ่ายเหลว
วันที่ 8. ก.ย. 62 เช้า มีอาการปวดเพิ่มขึ้นแต่ไม่รู้สึกปวดมาก ยังทานข้าวได้ปกติแต่มีอาการไม่หิวข้าวกินข้าวได้น้อยลง พอช่วงดึก เวลาประมาณ สี่ทุ่ม เริ่มมีอาการปวดมากจนนนอนไม่ได้ และเริ่มรู้สึกเจ็บที่บริเวณท้องน้อยด้านขวา จนถึงตีสามเหนื่อยจนหลับไปถึงเช้า
พอเช้าอาการปวกท้องใต้สะดือหาย แต่พอกดลงไปตรงท้องน้อยด้านขวายังเจ็บอยู่แต่ไม่มีอาการปวด
วันที่ 9 ก.ย. 62 ช่วงเช้าเลยไปหาหมอเพื่อตรวจดูว่าเป็นอะไร ไปถึงประมาณ 9.00 น. ได้ตรวจอีกที ประมาณ 10.00 น. พบหมอเล่าอาการให้ฟัง หมอให้นอนบนเตียงแล้วกดลงตรงท้องน้อยด้านขวา วินิจฉัยว่าไส้ติ่งอักเสบ รอตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เพื่อดูผลทางห้องปฎิบัติการว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบหรือเปล่า จากนั้นก็ให้น้ำเกลือ ตั้งแต่เวลา 11.00 โดยนั่งอยู่บนเก้าอี้ จนถึง เวลา 21.00 เหตุเพราะว่าโรงพยาบาลยังไม่มีเตียงว่าง พอถึงเวลาส่งตัวไปยังตึกผู้ป่วย พยาบาลจึงแจ้งอาการไปยังหมออีกคนแล้วสรุปอาการให้ฟัง ผลปรากฎว่าหมอให้ตรวจซ้ำอีกรอบกับหมออีกคน ซึ่งพอหมออีกคนตรวจ (เด็กมาก) ผลประเมินจากอาการและค่าผลเลือด ค่าปัสสาวะทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นไส้ติ่งอักเสบ จากนั้นก็จิ้มที่ท้องของเรา แล้วบอกว่าไม่เป็นหรอกผลการประเมินจาก 10 ได้แค่ 4 แล้วถามว่าเริ่มมีอาการมาตั้งแต่ตอนไหน เราก็บอกว่าตั้งแต่วันพฤหัสแล้ว สิ่งที่ได้ยินจากปากหมอคนนี้คือ ถ้าเป็นไส้ติ่งอักเสบจริง ปานนี้แตกไปแล้วไม่นานขนาดนี้หรอก หมอให้เลือก จะกลับบ้าน หรือจะนอนดูอาการ 1 คืน ที่ รพ. ตอนนั้นเราก็คิดอ้าวถ้าบอกว่าไม่เป็นทำไมให้รอจนถึงตอนนี้มันจะ 22.00 แล้วนะ เราเลยบอกว่างั้นกลับบ้านก็ได้ แต่หมอก็ให้เงื่อนไขว่า ถ้ากลับบ้าน เวลามีอาการปวดให้รีบมาโรงพยาบาลโดยเร็ว เราก็โอเค ซึ่งตึกที่เรา ตรวจคัดกรองเป็นคนละตึกกับ อาคารรักษาและผู้ป่วยใน หมอบอกว่าเดี๋ยวจ่ายยาให้กับไปทาน ผู้ช่วยพยาบาลก็บอกหมอว่า ห้องยาตึกนี้ปิดแล้ว จะให้เขาเปิดห้องยาเลยไหม หลังจากนั้นผู้ช่วยพยาบาลก็เข็นเราออกจากห้องตรวจ รอสักพักก็มีบุรุษพยาบาลนำเตียงมาให้เรานอนแล้วนำขึ้นรถพยาบาลเพื่อไปยังห้องฉุกเฉิน อีกอาคาร พอถึงห้องฉุกเฉิน ก็นอนรอ สักพักบุรุษพยาบาลก็มาใส่เครื่องวัดสัญญาณชีพ นอนรอจนถึงเวลา 23.00 น. พยาบาลประจำห้องฉุกเฉิน มาตรวจเช็คอาการเบื้องต้นด้วยการกดลงตรงท้องน้อยด้านขวา แล้วถามอาการว่าเป็นยังไงบ้าง เจ็บตอนกดลงไปหรือ ปล่อยแล้วเจ็บก็บอกพยาบาลว่าทั้งสอง พอตรวจเบื้องต้นเสร็จ ก็ไปคุยกับหมอผ่านทางโทรศัพท์ ว่าเรามีอาการเจ็บเวลากดลงไป จากนั้นสักพักก็มีบุรุษพยาบาลมาย้ายเราออกจากห้องฉุกเฉิน โดยก่อนออกมีพยาบาลเดินมาเช็คชื่อ นามสกุล ว่าตรงกับรายชื่อนี้ไหมก่อนออกจากห้องฉุกเฉิน เรายังไม่ทราบว่าต้องนอน รพ. เพราะคิดว่าอาจจะพาไปรับยาที่ด้านหน้าตึก พ้นห้องฉุกเฉินออกมา จนท. รพ. ถามหาญาติ บอกว่าต้องนอน รพ. แล้วก็ย้ายเราขึ้นไปชั้น 7 พยาบาลประจำชั้นก็ออกมาเช็คชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด ของเราก่อนที่จะรับเข้าหอผู้ป่วยใน หลังจากนั้นก็มีผู้ช่วยพยาบาลมาแนะนำห้องนอน เตียง ชั้น ที่เรานอนอยู่ รวมทั้งบอกว่า รพ.นี้ไม่มีหมูนะ เพราะเป็นครัวอิสลาม แล้วถามว่ามีแพ้อาหารอะไรไหม เราบอกว่าไม่มี พอผู้ช่วยพยาบาลไปแล้วลืมคิดว่า เราไม่กินเนื้อ แต่ดีที่อาหารของเราเป็นอาหารประเภทอ่อน เราคิดว่าน่าจะเป็น รพ.ที่เข้าของเป็นอิสลาม แน่เลย ไม่นานก็มีพยายาลมาถามอาการเบื้องต้นว่าเป็นอะไรมา แล้วบอกว่าอาจจะไม่เป็นอะไรมาก ถ้าไม่มีอาการก็กลับบ้านได้ เราเลยให้ญาติกลับบ้านก่อนนอนคนเดียวได้ ช่วง 23.00 ผู้ช่วยพยาบาล มาถามอาการ ทานข้าวกี่โมง น้ำกี่โมง อีกสักพักก็มีพยาบาลมาถามแบบเดียวกันอีก จนถึงเวลา 00.00 น. พยาบาลก็สั่งให้งดน้ำ งดอาหาร เราก็คิดว่า อาจจะรอตรวจซ้ำอีกรอบ เพราะเจาะเลือดไป มีพยาบาลเอาเอกวารยินยอมผ่าตัดมาให้เซ็นต์ เวลา 01.00 แพทย์ประจำเวรดึกมาตรวจแล้วกดลงที่ช่องท้องน้อยด้านขวา วินิจฉัยอาจจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ แต่ไม่มั่นใจเลยบอกเดี๋ยวรอให้หมอศัลย์ฯ มาตรวจอีกรอบ ห่างกันประมาณ 30 นาที กำลังจะหลับ หมอศัลย์ฯ มาตรวจ แล้วกดลงไปที่ช่องทองน้อยด้านขวาแล้วบอกว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกับไส้ติ่ง เดี๋ยวพรุ้งนี้ดูอีกทีแล้วกันนะ สัก เวลา 02.00 กว่าๆ ช่วยพยาบาลเข้ามาเตรียมตัว แล้วที่ขำคือ ไปผิดเตียง ซึ่งบอกให้เตียงข้างๆเรา เตรียมตัวเตรียมความพร้อมทุกอย่างแล้ว รอลงไปทำซีทีแสกน ด้านล่างตึก ซึ่งเราก็คิดว่าดีจังมีเพื่อนผ่าตัดด้วยแล้ว จากนั้นมีผู้ช่วยพยาบาลเดินเข้ามาอีกถาม คนก่อนว่า เตียงไหนที่ต้องทำ OTR ผู้ช่วยพยาบาลที่เข้ามาก่อนบอกเตียง 3 อีกคนบอกเตียง 4 เกิดความไม่มั่นใจ ของทั้งสามคนเลย ไปดูเคส ปรากฎไปผิดเตียง ทั้งผู้ช่วยพยาบาล กับเตียงข้างๆ รวมถึงเรา หัวเราะสุดๆ ขอโทษขอโผยกันใหญ่ที่ทำให้เขาเสียเวลาพักผ่อน หลังจากนั้นก็นำชุดคลุมมาให้เราใส่แทนทอดออกหมดทุกอบ่างกางเกงใน ยางมัดผม สักพักพยาบาลก็มาเจาะสายน้ำเกลือเพิ่ม เผื่อได้ใช้ จากนั้นบุรุษพยาบาลก็พาลงไปทำซีทีแสกนที่ชั้น 1 พอทีซีแสกนเสร็จก็กลับมาในชุดคลุม จนถึงช่วง เวลา 03.00 กว่า ก็มีหมอ อีกคนเข้ามาพร้อมกับพยาบาล กำลังสลืมสลือ เลย แล้วบอกว่าจะต้องผ่าตัดนะ เพราะเป็นไส่ติ่งอักเสบ หลังจากนั้น พยาบาลก็เข้ามาถามว่า มีโรคประจำตัวไหม เราก็บอกว่ามีหอบหืด อาการพึ่งเป็นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ประมาณ 05.00 พยาบาล เอายามาให้พ่น แล้วบอกว่าเราต้องผ่าตัด เวลา 06.00 เตรียมตัวรอย้ายไปห้องผ่าตัด ที่ชั้น 5 พอลงมาที่ชั้น 5 ก็มีเจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัด มานำเราเข้าไปยังเขตปลอดเชื้อ มีพยาบาลมาสอบถามอาการ โรคประจำตัว เราก็บอกว่ามีหอบหืด แล้วถามว่า เวลามีอาการเป็นยังไง เราก็บอกว่า มีฝุ่น หรือมีความเย็น ถึงจะมีอาการ หอบหืด ไม่นานหมอหญิงแห่งห้องผ่าตัดก็มา พยาบาลก็บอกว่าเขาแพ้อากาศเย็น ห้องผ่าห้องแรก แอร์มันลงตรงหัวเตียงผ่าพอดี ตกลงกันสักพัก ก็ย้ายเราไปผ่าตัดที่ห้องสอง เพราะ แอร์ ไม่ได้อยู่ตรงหัวพอดี พอผ่าตัดเสร็จก็รอดูอาการในหอพักชั่วคราวบริเวณห้องผ่าตัด พอพ้นกำหนดดูอาการก็ย้ายเราขึ้นมาชั้น 7 จะบอกว่า การนอนอโรงพยาบาลครั้งนี้บันเทิงอยู่นะ มีทั้ง เปิดเพลงเสียงดัง เหยี่ยวใส่เตียง ขี้ใส่เตียง โอ้ว มาครบ แถมเป็นเตียงฝั่งตรงข้ามกับเราด้วย โชคดีที่ ทั้งห้องมีแค่ 5 เตียง ที่พีคกว่านั้นคือ ผู้ช่วยพยาบาลจะเข้ามาเช็คความดัน เช็คไข้ ทุกๆ 1 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว พอจะหลับตาปุ๊บยังไม่ทันได้หลับเลย มาอีกแล้ว มาอีกแล้ว วนๆอยู่แบบนี้จนเช้า เตียงฝั่งตรงข้ามก็วนอยู่แบบนั้น เหยี่ยวใส่เตียงบ้าง ขี้ใส่เตียงบ้าง จนออก รพ. การออก รพ. ก็นานแสนนาน พยาบาลมาดูอาการรอบเช้า รอบบ่ายหมอมาบ่ายสอง รอ ฝ่ายการเงิน รอฝ่ายเภสัช ขึ้นมาให้เซ็นต์เอกสาร แล้วจะบอกว่า ที่นี้ไม่เหมือน รพ.รัฐ อยู่อย่างหนึ่ง รพ.รัฐ ที่เราเคย เจอมาคือ หมอ จะดูหลายๆเคสในห้องนั้นแต่ที่นี้ หมอคนหนึ่งจะดูแค่ 1-2 เคส ต่อห้องเท่านั้น และหมอเคสเราก็มีเเค่เราเคสเดียวในห้องนั้นจนบ่ายสี่โมง ถึงจะได้เกินออกจาก รพ. นั่งรถจนนึกว่าเขาลืมไปแล้วว่าได้ออกจาก รพ.
สรุปการเป็นไส้ติ่ง
1.ผลตรวจทางแล็ป ค่าเลือด ปัสสาวะ ไม่พบว่ามีอาการของโรคไส้ติ่งอักเสบ จนหมอต้องค้นแฟ้มโรคและวิธีอาการเป็นไส้ติ่งอักเสบมาดู
2.พบหมอทั้งหมด 5 คน จนกว่าจะสรุปได้ว่าเป็นไว้ติ่งอักเสบ
3.หมอคนที่สอง ตรวจผู้ป่วยแบบสรึปเอาเองว่าไม่เป็น และพูดในสิ่งที่หมอไม่ควรจะพูด
4.กว่าจะย้ายเข้าตึกผู้ป่วยใน ก็ใช่เวลา ไป หลายชั่งโมงตั้งแต่ 11.00 ที่เริ่มให้น้ำเกลือ เกือบ 22.00 ได้เข้าหอผู้ป่วย แถมให้น้ำเกลือก็นั่งอยู่บนโซฟาอย่างนั้นแหละ เหตุผเพราะ ยังไม่มีเตียงว่าง
5.รพ.นี่ ไม่ได้ห้ามนำหมูเข้าทาน แต่ถ้าจะสั่งอาหารของ รพ.ต้องทำใจเพราะเป็นครัวอิสลาม อาหารผู้ป่วยก็เป็นอาหารที่ไม่มีส่วนผสมของหมู
ท้ายนี้อยากจะฝากบอกว่าอาการไส้ติ่งอักเสบของแต่ละคนจะยึดพื้นฐานหรือข้อบ่งชี้ของโรคไม่ได้เพราะ ว่าอาการของแต่ละบุคคลไม่เหมือกัน อีกทั้งทางกายภาพร่างกายก็ไม่เหมือนกันด้วย หากเราปวดท้องใต้สะดื้อ แล้วมีอาการเจ็บที่ท้องน้อยด้านขวาร่วมด้วย ปวดแล้วหาย กลับใาปวดใหม่ มีอาเจียน ถ่ายเหลว มีไข้ ซึ่งอาการเหล่านี้ใกล้เคียง มาก แต่ก็ต้องให้หมอตรวจดูอกีครั้งเพราะอาการเหล่านี้มีหลายสาเหตุ เพราะอยู่ใกล้ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่
ไส้ติ่งอักเสบ แบบไม่รู้ตัว
เริ่มจากวันที่ 5 ก.ย. 62 ช่วงดึก ของวันพฤหัสบดี มีอาการม้วนท้อง แล้วอ้วกออกมา เป็นเลือด ผมคิดว่าไม่เป็นอะไร เช้าก็ไปทำงานปกติ แต่มีอการเบื่ออาหาร คิดว่าท้องน่าจะอืดเลยไปซื้อ อีโน มากิน พอช่วงค้ำ มีอาการไข้เลยทานยาพาราไป 2 เม็ด อาการดีขึ้นจนปกติ
วันที่ 6 ก.ย. 62 เริ่มมีอาการปวดจุกเสียดท้องไต้สะดือตรงลิ้นปี ปวดแล้วหาย คิดว่าท้องเสียเลยซื้อยาแก้ท้องเสีย คาร์บอน มากินไปจนหมดแพง และมีอาการถ่ายเหลวตลอดทั้งวัน ทานยาหมดแล้ว แต่อาการท้องเสียไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ปวดมาก ปวดแล้วหาย
วันที่ 7 ก.ย. 62 ก็มีอาการปวดเหมือนเดิม ปวดแล้วหาย ปวดแล้วหาย เบื่ออาหาร แต่ก็กินได้ มีถ่ายเหลว
วันที่ 8. ก.ย. 62 เช้า มีอาการปวดเพิ่มขึ้นแต่ไม่รู้สึกปวดมาก ยังทานข้าวได้ปกติแต่มีอาการไม่หิวข้าวกินข้าวได้น้อยลง พอช่วงดึก เวลาประมาณ สี่ทุ่ม เริ่มมีอาการปวดมากจนนนอนไม่ได้ และเริ่มรู้สึกเจ็บที่บริเวณท้องน้อยด้านขวา จนถึงตีสามเหนื่อยจนหลับไปถึงเช้า
พอเช้าอาการปวกท้องใต้สะดือหาย แต่พอกดลงไปตรงท้องน้อยด้านขวายังเจ็บอยู่แต่ไม่มีอาการปวด
วันที่ 9 ก.ย. 62 ช่วงเช้าเลยไปหาหมอเพื่อตรวจดูว่าเป็นอะไร ไปถึงประมาณ 9.00 น. ได้ตรวจอีกที ประมาณ 10.00 น. พบหมอเล่าอาการให้ฟัง หมอให้นอนบนเตียงแล้วกดลงตรงท้องน้อยด้านขวา วินิจฉัยว่าไส้ติ่งอักเสบ รอตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เพื่อดูผลทางห้องปฎิบัติการว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบหรือเปล่า จากนั้นก็ให้น้ำเกลือ ตั้งแต่เวลา 11.00 โดยนั่งอยู่บนเก้าอี้ จนถึง เวลา 21.00 เหตุเพราะว่าโรงพยาบาลยังไม่มีเตียงว่าง พอถึงเวลาส่งตัวไปยังตึกผู้ป่วย พยาบาลจึงแจ้งอาการไปยังหมออีกคนแล้วสรุปอาการให้ฟัง ผลปรากฎว่าหมอให้ตรวจซ้ำอีกรอบกับหมออีกคน ซึ่งพอหมออีกคนตรวจ (เด็กมาก) ผลประเมินจากอาการและค่าผลเลือด ค่าปัสสาวะทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นไส้ติ่งอักเสบ จากนั้นก็จิ้มที่ท้องของเรา แล้วบอกว่าไม่เป็นหรอกผลการประเมินจาก 10 ได้แค่ 4 แล้วถามว่าเริ่มมีอาการมาตั้งแต่ตอนไหน เราก็บอกว่าตั้งแต่วันพฤหัสแล้ว สิ่งที่ได้ยินจากปากหมอคนนี้คือ ถ้าเป็นไส้ติ่งอักเสบจริง ปานนี้แตกไปแล้วไม่นานขนาดนี้หรอก หมอให้เลือก จะกลับบ้าน หรือจะนอนดูอาการ 1 คืน ที่ รพ. ตอนนั้นเราก็คิดอ้าวถ้าบอกว่าไม่เป็นทำไมให้รอจนถึงตอนนี้มันจะ 22.00 แล้วนะ เราเลยบอกว่างั้นกลับบ้านก็ได้ แต่หมอก็ให้เงื่อนไขว่า ถ้ากลับบ้าน เวลามีอาการปวดให้รีบมาโรงพยาบาลโดยเร็ว เราก็โอเค ซึ่งตึกที่เรา ตรวจคัดกรองเป็นคนละตึกกับ อาคารรักษาและผู้ป่วยใน หมอบอกว่าเดี๋ยวจ่ายยาให้กับไปทาน ผู้ช่วยพยาบาลก็บอกหมอว่า ห้องยาตึกนี้ปิดแล้ว จะให้เขาเปิดห้องยาเลยไหม หลังจากนั้นผู้ช่วยพยาบาลก็เข็นเราออกจากห้องตรวจ รอสักพักก็มีบุรุษพยาบาลนำเตียงมาให้เรานอนแล้วนำขึ้นรถพยาบาลเพื่อไปยังห้องฉุกเฉิน อีกอาคาร พอถึงห้องฉุกเฉิน ก็นอนรอ สักพักบุรุษพยาบาลก็มาใส่เครื่องวัดสัญญาณชีพ นอนรอจนถึงเวลา 23.00 น. พยาบาลประจำห้องฉุกเฉิน มาตรวจเช็คอาการเบื้องต้นด้วยการกดลงตรงท้องน้อยด้านขวา แล้วถามอาการว่าเป็นยังไงบ้าง เจ็บตอนกดลงไปหรือ ปล่อยแล้วเจ็บก็บอกพยาบาลว่าทั้งสอง พอตรวจเบื้องต้นเสร็จ ก็ไปคุยกับหมอผ่านทางโทรศัพท์ ว่าเรามีอาการเจ็บเวลากดลงไป จากนั้นสักพักก็มีบุรุษพยาบาลมาย้ายเราออกจากห้องฉุกเฉิน โดยก่อนออกมีพยาบาลเดินมาเช็คชื่อ นามสกุล ว่าตรงกับรายชื่อนี้ไหมก่อนออกจากห้องฉุกเฉิน เรายังไม่ทราบว่าต้องนอน รพ. เพราะคิดว่าอาจจะพาไปรับยาที่ด้านหน้าตึก พ้นห้องฉุกเฉินออกมา จนท. รพ. ถามหาญาติ บอกว่าต้องนอน รพ. แล้วก็ย้ายเราขึ้นไปชั้น 7 พยาบาลประจำชั้นก็ออกมาเช็คชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด ของเราก่อนที่จะรับเข้าหอผู้ป่วยใน หลังจากนั้นก็มีผู้ช่วยพยาบาลมาแนะนำห้องนอน เตียง ชั้น ที่เรานอนอยู่ รวมทั้งบอกว่า รพ.นี้ไม่มีหมูนะ เพราะเป็นครัวอิสลาม แล้วถามว่ามีแพ้อาหารอะไรไหม เราบอกว่าไม่มี พอผู้ช่วยพยาบาลไปแล้วลืมคิดว่า เราไม่กินเนื้อ แต่ดีที่อาหารของเราเป็นอาหารประเภทอ่อน เราคิดว่าน่าจะเป็น รพ.ที่เข้าของเป็นอิสลาม แน่เลย ไม่นานก็มีพยายาลมาถามอาการเบื้องต้นว่าเป็นอะไรมา แล้วบอกว่าอาจจะไม่เป็นอะไรมาก ถ้าไม่มีอาการก็กลับบ้านได้ เราเลยให้ญาติกลับบ้านก่อนนอนคนเดียวได้ ช่วง 23.00 ผู้ช่วยพยาบาล มาถามอาการ ทานข้าวกี่โมง น้ำกี่โมง อีกสักพักก็มีพยาบาลมาถามแบบเดียวกันอีก จนถึงเวลา 00.00 น. พยาบาลก็สั่งให้งดน้ำ งดอาหาร เราก็คิดว่า อาจจะรอตรวจซ้ำอีกรอบ เพราะเจาะเลือดไป มีพยาบาลเอาเอกวารยินยอมผ่าตัดมาให้เซ็นต์ เวลา 01.00 แพทย์ประจำเวรดึกมาตรวจแล้วกดลงที่ช่องท้องน้อยด้านขวา วินิจฉัยอาจจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ แต่ไม่มั่นใจเลยบอกเดี๋ยวรอให้หมอศัลย์ฯ มาตรวจอีกรอบ ห่างกันประมาณ 30 นาที กำลังจะหลับ หมอศัลย์ฯ มาตรวจ แล้วกดลงไปที่ช่องทองน้อยด้านขวาแล้วบอกว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกับไส้ติ่ง เดี๋ยวพรุ้งนี้ดูอีกทีแล้วกันนะ สัก เวลา 02.00 กว่าๆ ช่วยพยาบาลเข้ามาเตรียมตัว แล้วที่ขำคือ ไปผิดเตียง ซึ่งบอกให้เตียงข้างๆเรา เตรียมตัวเตรียมความพร้อมทุกอย่างแล้ว รอลงไปทำซีทีแสกน ด้านล่างตึก ซึ่งเราก็คิดว่าดีจังมีเพื่อนผ่าตัดด้วยแล้ว จากนั้นมีผู้ช่วยพยาบาลเดินเข้ามาอีกถาม คนก่อนว่า เตียงไหนที่ต้องทำ OTR ผู้ช่วยพยาบาลที่เข้ามาก่อนบอกเตียง 3 อีกคนบอกเตียง 4 เกิดความไม่มั่นใจ ของทั้งสามคนเลย ไปดูเคส ปรากฎไปผิดเตียง ทั้งผู้ช่วยพยาบาล กับเตียงข้างๆ รวมถึงเรา หัวเราะสุดๆ ขอโทษขอโผยกันใหญ่ที่ทำให้เขาเสียเวลาพักผ่อน หลังจากนั้นก็นำชุดคลุมมาให้เราใส่แทนทอดออกหมดทุกอบ่างกางเกงใน ยางมัดผม สักพักพยาบาลก็มาเจาะสายน้ำเกลือเพิ่ม เผื่อได้ใช้ จากนั้นบุรุษพยาบาลก็พาลงไปทำซีทีแสกนที่ชั้น 1 พอทีซีแสกนเสร็จก็กลับมาในชุดคลุม จนถึงช่วง เวลา 03.00 กว่า ก็มีหมอ อีกคนเข้ามาพร้อมกับพยาบาล กำลังสลืมสลือ เลย แล้วบอกว่าจะต้องผ่าตัดนะ เพราะเป็นไส่ติ่งอักเสบ หลังจากนั้น พยาบาลก็เข้ามาถามว่า มีโรคประจำตัวไหม เราก็บอกว่ามีหอบหืด อาการพึ่งเป็นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ประมาณ 05.00 พยาบาล เอายามาให้พ่น แล้วบอกว่าเราต้องผ่าตัด เวลา 06.00 เตรียมตัวรอย้ายไปห้องผ่าตัด ที่ชั้น 5 พอลงมาที่ชั้น 5 ก็มีเจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัด มานำเราเข้าไปยังเขตปลอดเชื้อ มีพยาบาลมาสอบถามอาการ โรคประจำตัว เราก็บอกว่ามีหอบหืด แล้วถามว่า เวลามีอาการเป็นยังไง เราก็บอกว่า มีฝุ่น หรือมีความเย็น ถึงจะมีอาการ หอบหืด ไม่นานหมอหญิงแห่งห้องผ่าตัดก็มา พยาบาลก็บอกว่าเขาแพ้อากาศเย็น ห้องผ่าห้องแรก แอร์มันลงตรงหัวเตียงผ่าพอดี ตกลงกันสักพัก ก็ย้ายเราไปผ่าตัดที่ห้องสอง เพราะ แอร์ ไม่ได้อยู่ตรงหัวพอดี พอผ่าตัดเสร็จก็รอดูอาการในหอพักชั่วคราวบริเวณห้องผ่าตัด พอพ้นกำหนดดูอาการก็ย้ายเราขึ้นมาชั้น 7 จะบอกว่า การนอนอโรงพยาบาลครั้งนี้บันเทิงอยู่นะ มีทั้ง เปิดเพลงเสียงดัง เหยี่ยวใส่เตียง ขี้ใส่เตียง โอ้ว มาครบ แถมเป็นเตียงฝั่งตรงข้ามกับเราด้วย โชคดีที่ ทั้งห้องมีแค่ 5 เตียง ที่พีคกว่านั้นคือ ผู้ช่วยพยาบาลจะเข้ามาเช็คความดัน เช็คไข้ ทุกๆ 1 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว พอจะหลับตาปุ๊บยังไม่ทันได้หลับเลย มาอีกแล้ว มาอีกแล้ว วนๆอยู่แบบนี้จนเช้า เตียงฝั่งตรงข้ามก็วนอยู่แบบนั้น เหยี่ยวใส่เตียงบ้าง ขี้ใส่เตียงบ้าง จนออก รพ. การออก รพ. ก็นานแสนนาน พยาบาลมาดูอาการรอบเช้า รอบบ่ายหมอมาบ่ายสอง รอ ฝ่ายการเงิน รอฝ่ายเภสัช ขึ้นมาให้เซ็นต์เอกสาร แล้วจะบอกว่า ที่นี้ไม่เหมือน รพ.รัฐ อยู่อย่างหนึ่ง รพ.รัฐ ที่เราเคย เจอมาคือ หมอ จะดูหลายๆเคสในห้องนั้นแต่ที่นี้ หมอคนหนึ่งจะดูแค่ 1-2 เคส ต่อห้องเท่านั้น และหมอเคสเราก็มีเเค่เราเคสเดียวในห้องนั้นจนบ่ายสี่โมง ถึงจะได้เกินออกจาก รพ. นั่งรถจนนึกว่าเขาลืมไปแล้วว่าได้ออกจาก รพ.
สรุปการเป็นไส้ติ่ง
1.ผลตรวจทางแล็ป ค่าเลือด ปัสสาวะ ไม่พบว่ามีอาการของโรคไส้ติ่งอักเสบ จนหมอต้องค้นแฟ้มโรคและวิธีอาการเป็นไส้ติ่งอักเสบมาดู
2.พบหมอทั้งหมด 5 คน จนกว่าจะสรุปได้ว่าเป็นไว้ติ่งอักเสบ
3.หมอคนที่สอง ตรวจผู้ป่วยแบบสรึปเอาเองว่าไม่เป็น และพูดในสิ่งที่หมอไม่ควรจะพูด
4.กว่าจะย้ายเข้าตึกผู้ป่วยใน ก็ใช่เวลา ไป หลายชั่งโมงตั้งแต่ 11.00 ที่เริ่มให้น้ำเกลือ เกือบ 22.00 ได้เข้าหอผู้ป่วย แถมให้น้ำเกลือก็นั่งอยู่บนโซฟาอย่างนั้นแหละ เหตุผเพราะ ยังไม่มีเตียงว่าง
5.รพ.นี่ ไม่ได้ห้ามนำหมูเข้าทาน แต่ถ้าจะสั่งอาหารของ รพ.ต้องทำใจเพราะเป็นครัวอิสลาม อาหารผู้ป่วยก็เป็นอาหารที่ไม่มีส่วนผสมของหมู
ท้ายนี้อยากจะฝากบอกว่าอาการไส้ติ่งอักเสบของแต่ละคนจะยึดพื้นฐานหรือข้อบ่งชี้ของโรคไม่ได้เพราะ ว่าอาการของแต่ละบุคคลไม่เหมือกัน อีกทั้งทางกายภาพร่างกายก็ไม่เหมือนกันด้วย หากเราปวดท้องใต้สะดื้อ แล้วมีอาการเจ็บที่ท้องน้อยด้านขวาร่วมด้วย ปวดแล้วหาย กลับใาปวดใหม่ มีอาเจียน ถ่ายเหลว มีไข้ ซึ่งอาการเหล่านี้ใกล้เคียง มาก แต่ก็ต้องให้หมอตรวจดูอกีครั้งเพราะอาการเหล่านี้มีหลายสาเหตุ เพราะอยู่ใกล้ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่