10 วันหลังผ่าตัด แชร์ประสบการณ์ผ่าทอนซิล เจ้าก้อนเนื้อร้าย!! (มีภาพปลากรอบ)

" กระทู้นี้อยากแชร์ประสบการณ์และเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่กำลังตัดสินใจจะผ่าทอนซิล และบันทึกเก็บไว้เป็นประสบการณ์ของตัวเอง อาจจะยาวและละเอียดหน่อย ต้องขออภัยด้วยค่ะ ถ้าอยากดูภาพหลังผ่าตัดเลื่อนลงด้านล่างได้เลยนะคะ >.,< "

สวัสดีค่ะ วันนี้วันที่ 09/09/2019 ฤกษ์ยามดี จะมาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกท่านนะคะ
เราอายุ 25 ปี ทรมานกับการมีเจ้าทอนซิลขนาดใหญ่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งไอเจ้าก้อนเนี้ยเป็นที่ทราบกันดีว่า ช่วงเรายังเด็กๆจะทำหน้าที่ดักเชื้อโรค แต่เมื่อเราโตขึ้นหน้าที่มันก็จะหมดลง และกลายเป็นที่ดักเก็บสะสมเชื้อโรคซะเอง เราไม่สบายบ่อยมากๆ ปีนึงเกิน7ครั้งได้เลยค่ะ ไปหาหมอกี่ที่ๆ ก็ไล่ให้ไปผ่าทุกคนTT จนพอทำงานได้2-3ปี เริ่มมีความคิดอยากเอามันออก เพราะลาป่วยบ่อย สุขภาพแย่ลง จึงได้ทำการปรึกษาคุณหมอและหาข้อมูลการผ่าตัด ก็ตัดสินใจนัดคุณหมอและผ่าทันที เราใช้สิทธิ์ประกันของบริษัทร่วมกับประกันสังคมที่โรงพยาบาลหัวเฉียว สอบถามรายละเอียดกับประกันให้เรียบร้อยคุ้มครองเราได้เท่าไหร่ เพราะบางอย่างครอบคลุมไม่หมดอาจจะต้องชำระเงินเองเพิ่มเติม 

วันที่27 ก.ค. 62 
นัดคุยกับคุณหมอเพื่อ ดูก้อนทอนซิลที่จะผ่า และทำการตรวจเลือดพร้อมx-ray ร่างกาย คุณหมอสรุปได้คิววันผ่าคือวันที่ 31 ส.ค.62 เท่ากับว่ามีเวลาเตรียมใจ 1 เดือนหลังจากนี้ เราพยามกินทุกอย่างที่อยากกิน55555. เพราะรู้ว่าจะต้องกินอะไรไม่ได้อีกหลังผ่าตัด TT

    เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เอาจริงๆเราตื่นเต้นกับการผ่าครั้งนี้มาก ด้วยความที่กลัวการนอนรพ. และการวางยาสลบมากๆ กลัวการเจ็บปวดหลังผ่า กลัวสารพัด จิตตกมากๆช่วงนั้น พยามหารีวิวจากในPantipและกำลังใจให้กับตัวเองตลอด

วันที่ 30 ส.ค. 62 
วันนี้เป็นวันที่จะต้อง แอดมิทก่อน 1 คืน เพื่อเตรียมความพร้อม งดข้าว งดน้ำ หลังเที่ยงคืน เรามาถึงรพ.ช่วงบ่ายๆ ทำเรื่องเลือกห้องพักเราเลือกห้องพิเศษราคา 3,300 เพราะประกันจ่ายให้2,500และปกศ.อีก700 เท่ากับเราต้องจ่ายส่วนเกินเองวันละ 100 บาท จากนั้นเข้ามาในห้องพัก ห้องสวย สะอาด และกว้างมากๆ
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีให้ครบค่ะ แทบไม่ต้องเตรียมอะไรมาเลย 
มารีวิวห้องพักให้ซะงั้น55555 หลังจากสำรวจห้องและจัดเก็บของใช้ส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ช่วงเย็นจะมีจนท. มาเสิร์ฟอาหารให้ ใครเคยบอกว่าอาหารรพ.รสชาติไม่อร่อย เราเถียงขาดใจเลย อร่อยมากกก แต่ไม่พอ ตกดึกสั่งPizzaมาเพิ่มอีก ไหนๆก็จะกินไม่ได้แล้วเอาให้เต็มที่! 

หลังจากที่กินอิ่มนอนหลับไป พยาบาลจะเข้ามาตรวจวัดความดันและวัดไข้ให้อยู่เรื่อยๆ แจ้งว่าตอนเช้า 7.30น. ต้องเตรียมตัวไปผ่าตัด จำได้ว่าคืนนั้นแทบไม่ได้นอน เพราะพยาบาลเดินเข้ามาบ่อยมาก  เราเป็นคนตื่นง่ายหลับยากซะด้วย คืนนั้นก็หลับๆตื่นๆยันเช้า

วันที่ 31 ส.ค. 62 
เราตื่นมาตอน 6 โมงเช้า อาบน้ำล้างหน้าให้สะอาด เปลี่ยนชุดสำหรับผ่าตัด และนอนรอพยาบาลมาเจาะสายน้ำเกลือให้ เจ็บสุดๆ เจ็บกว่าเข็มบริจาคเลือดซะอีกTT 
เวลา 07.30น. ระหว่างที่นอนเล่นอยู่ พยาบาลได้เข้ามาเข็นเตียงเราออกจากห้องไป... คือ.. อยู่ดีๆเข้ามาแล้วแจ้งว่าไปผ่าตัดกันนะคะ ไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว! เราก็ได้แต่นอนบนเตียง มองเพดานไปเรื่อยๆ แฟนก็เดินอยู่ข้างๆคอยให้กำลังใจ ตอนนั้นคือทำตัวไม่ถูก อยากร้องไห้ แบบว่า จะต้องไปผ่าแล้วหรอ ในนั้นจะเป็นยังไง คิดไปต่างๆนาๆ จนหลับตาไปสักพักแล้วมาโผล่ที่ห้องเตรียมผ่าตัด พยาบาลก็ให้ญาติรออยู่ข้างนอก ส่วนเราก็เข้ามานอนรอในห้อง จนเวลาผ่านไป

เวลา 08.05น. จำได้ขึ้นใจ พยาบาลเดินมาบอก เดี๋ยวต้องเข้าห้องผ่ากันนะคะ แล้วพยาบาลก็เดินเข้ามาเข็นเตียงเราไปยังห้องผ่าตัด (ไม่ได้ตั้งตัวอีกแล้ววว) ถึงเวลานั้นในใจเริ่มมีความกล้าขึ้นมาบ้างแล้ว พยามมองไปรอบๆ เก็บภาพต่างๆด้วยสายตา จดจำทุกความรู้สึก จะได้ไม่ลืมว่าประสบการณ์ครั้งนี้มันเป็นยังไง พอเข้ามาภายในห้อง บรรยากาศเหมือนในหนัง มีคุณหมอที่จะผ่าให้เราและพยาบาลอีก6-7คน ทุกคนต่างวุ่นเตรียมอุปกรณ์ และเข้ามารุมที่ตัวเรา เสียบสายต่างๆ อยู่ดีๆมีความรู้สึกแน่นหน้าอกมากก หายใจไม่ออก หลังจากนั้นหมอก็เอายาสลบมาฉีดผ่านสายน้ำเกลือที่เจาะข้างซ้าย จำได้ว่ารู้สึกแสบแขนซ้ายมากกกกๆๆ จนน้ำตาไหลข้างนึง พยาบาลเลยเอาหน้ากากมาครอบและบอกให้สูดเข้าเยอะๆ สักพักทุกอย่างเริ่มเบลอ จนเราหลับไป

เวลา 9.20น. เราได้ยินเสียงเรียกชื่อเรา 2-3ครั้ง เราค่อยๆลืมตาทุกอย่างรอบตัวมันเบลอและหมุนไปหมด น่าเป็นเพราะฤทธิ์ของยา ทำให้เรายังไม่ฟื้นตัวดี  พยาบาลยืนอยู่ข้างๆถามเราว่ายังเวียนหัวอยู่ไหม อยากอาเจียนไหม พอเริ่มตั้งสติได้ ความรู้สึกแรกกกก คืออออ คอมันโล่งมากค่ะ และเจ็บแต่ไม่มาก เรากำลังมึนงงว่า นี่คือเราผ่าเสร็จแล้วใช่ไหม มองไปรอบๆเหมือนอยู่ในห้องพักฟื้น เราก็เปล่งเสียงด้วยความลืมตัว ตอบกลับพยาบาลไปว่าไม่เวียนหัวค่ะ และเราตกใจมากกก ตกใจที่เราพูดได้555555 เพราะคิดมาตลอดว่า1-2วันแรกใช้เสียงไม่ได้เลย แต่เสียงแบบขาดๆหายๆ ไม่เจ็บแผลเท่าไหร่อาจเพราะมียาชาอยู่ แล้วเราก็นอนสะลึมสะลือไปจนถึง10-11โมง และที่จำเวลาทุกอย่างได้แม่นเพราะมีพยาลบาลเหมือนรายงานเคสของเราให้กับอีกคนอยู่ เลยพยามจำและเก็บรายละเอียดไว้ทั้งหมดได้

เวลา 11.00น. พยาบาลเข็นเตียงเรากลับห้อง ภาพแรกที่เห็นคือแม่และพยาบาล2-3คน ยืนอุ้มน้องตุ๊กตาเราอยู่ พร้อมทำหน้าเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมา555555 และพยาบาลก็เอาน้องตุ๊กตามาวางไว้บนอกพร้อมยิ้มหัวเราะอย่างเอ็นดู จะบอกว่านี่เราอายุ25แล้วนะ แค่น้องเอามานอนกอดและหนุนหัวเฉยๆ โถ่55555 

เวลา 12.00น. จนท. นำน้ำหวานมาเสิร์ฟให้ทั้งหมด 3 แก้ว มีโอวัลติน น้ำแดง และอีกอย่างไม่รู้เพราะกินไม่ได้เลยซักอย่าง ได้แค่จิบเหมือนจิบไวน์จริงๆ ดูดไปได้คำเดียวคือไม่เอาแล้ว เพราะมันหวานแสบคอมากกก เลยกินน้ำเปล่าเย็นๆแทนก็ยังเจ็บอยู่ ส่วนแม่เราก็ตื่นเต้นถามนู้นถามนี่ โอ้ยยยแม่5555 เจ็บแผลอยู่ค่า ชวนพูดไม่หยุดเลยยย สรุปว่าหลังผ่ามา2-3ชั่วโมงนี้ มีอาการเจ็บแผล กลืนน้ำไม่ค่อยได้ มีอาการลิ้นชา พูดได้แต่ไม่ควรพูด เพราะเดี๋ยวแผลจะอักเสบ
เวลา 17.00 จนท.เข้ามาเสิร์ฟอาหารเย็น นั่นก็คืออออ.. ไอศกรีมวนิลา โอวัลติน และน้ำใบเตย อาหาร2-3วันหลังผ่าจะเป็นแบบนี้นะคะ ยังไม่สามารถทานโจ้กหรืออย่างอื่นได้เลย  และแน่นอนว่ายังเจ็บแผลอยู่ จะกลืนไอศกรีมก็ลำบาก เลยตัดสินใจไม่กิน เพราะกินไม่ลงจริงๆ เหนื่อยตอนกลืนค่ะ55555 
แนะนำให้ญาติที่มาเฝ้ารับประทานอาหารจากที่อื่นมาให้เรียบร้อยเลยค่ะเพราะคนป่วยหิวววววววว เล่นนั่งกินข้าวกันข้างๆเลย มันทรมานมากก TT แฟนบอกให้กินแต่ของเหลวเย็นไปก่อน5555 หลังจากนั้นพยาบาลเอาน้ำเกลือ และยาแก้ปวดแบบน้ำเข้ามาให้ ช่วงนี้งดแปรงฟัน ใช้น้ำเกลือบ้วนปากแทน แนะนำเลยนะคะ บ้วนปากบ่อยๆยิ่งดี แผลจะหายเร็วค่ะ  ปล.ชอบคำว่าเหลวเย็นมากก เป็นชื่อเมนูที่ชอบที่สุด5555555 

วันที่ 1 ก.ย. 62 ผ่านไป 1 วันหลังจากผ่าตัด มีอาการเจ็บคอชัดมาก เคยกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอไหมคะ  แต่คูณ3-4-5 เท่าเลยค่ะ(เวอร์!!)
แต่เดินไปไหนลำบากเพราะมีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ จะเข้าห้องน้ำ ต้องกดเรียกพยาบาล จะเอากระโถนฉี่มาให้ทำกิจกรรมบนเตียงค่ะ เพราะไม่ให้ลุกไปไหน ฤทธิ์ยาสลบยังอยู่ ก็นอนปล่อยบนเตียงนั่นแหละค่ะ ทั้งอาย ทั้งกลัวเลอะเตียง หลังจากนั้นพยาบาลก็เข้ามาเช็ดตัวให้ แก้ผ้าหมดเลยจ้า ไม่ต้องอายกันแล้วทีนี้ นั่งดูทีวีแก้เขิลไปจ่ะ >///<  สักพักคุณหมอที่ผ่าตัดเราเข้ามาเยี่ยม มาตรวจอาการและแจ้งว่าให้กลับบ้านได้วันนี้ น้ำตาจะไหล อยากถอดสายน้ำเกลือมากเลย TT

เวลา 08.00น. จนท.นำอาหารเช้ามาให้เช่นเดิม แต่กินไม่ลงจริงๆค่ะ สุดท้ายเก็บเข้าตู้เย็นจนเต็มตู้ แต่พอซักพักเริ่มหิว ต้องไปรื้อในตู้เย็นออกมากิน เริ่มกลืนได้ดีขึ้น เริ่มพูดได้เยอะขึ้นแต่ต้องช้าๆ เพื่อนก็มาเยี่ยมกันค่ะ เราพูดไม่หยุดเลยยยย คิดว่าเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่เปล่าเลย หลังจากเพื่อนกลับไป รู้สึกเจ็บคอมากก น่าจะอักเสบจากการพูดมากของเรา บอกเลยนะคะ 1-3 วันแรกควรงดใช้เสียง งดการขยับปากมากๆเลย 

เวลา 11.00 จนท.เข้ามาเสิร์ฟอาหารให้ และเช่นเดิม ไอศกรีม และ โอวัลติน แต่เริ่มกินได้เยอะนะ อาจเป็นเพราะความหิวครอบงำ 2 วันแล้วนี่เนอะที่ไม่ได้กินอะไรเลย หิวมากๆ แต่ก็เจ็บแผลมากๆเช่นกัน  จากนั้นลงไปที่การเงิน เคลียร์ค่าใช้จ่าย(รายละเอียดอยู่ด้านล่าง) รอพยาบาลถอดสายน้ำเกลือแหละกลับบ้านได้ค่ะ

**คำเตือน** 
ด้านล่างนี้จะเป็นภาพที่เราถ่ายแผลเราเก็บไว้เกือบทุกวัน อาจจะดูน่าสยดสยอง(ไม่มีเลือด)สำหรับบางท่าน แต่เราพยามทำภาพให้ดูซอฟที่สุดค่ะ
จริงๆถ้าพออ้าปากได้ ควรถ่ายไว้นะคะ เพื่อดูการพัฒนาของแผลหรือมีอะไรผิดปกติจะได้แจ้งคุณหมอได้ แต่อย่าอ้าเยอะนะคะ เดี๋ยวแผลฉีกทีนี้ยุ่งเลย5555

ภาพนี้เป็นภาพที่ก่อนผ่าตัด ทอนซิลเรามีขนาด 3.5 จาก 4 ค่ะ เป็นระยะที่ควรผ่า หลังๆมานี้กินอะไรก็จะติดคอบ่อย นอนกรนมากขึ้น หายใจติดๆขัดๆ เราโตมากับมันได้ 25ปีแล้ว พอตอนเอามันออกไปก็แอบคิดถึงอยู่ลึกๆค่ะ ไม่ใช่!!! 55555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ภาพวันที่ 31 ส.ค. 62 หลังจากออกจากห้องผ่าตัด เราก็พยามอ้าปากแต่ได้เท่านี้  จะยังมีเลือดอยู่ แต่จริงๆเลือดไม่ค่อยไหลแล้วนะคะ แต่ลิ้นไก่นี่บวมมากกๆ เลยทำให้เรายังพูดไม่ชัดค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ภาพวันที่ 4 ก.ย. 62 หลังจากผ่าตัด 4 วัน คุณหมอนัดตรวจแผลหลังผ่า จะสังเกตุเห็นฝ้าขาวๆ จะคล้ายๆหนองตอนเราเป็นร้อนใน ไม่ต้องแกะออกนะคะ ปล่อยไว้อย่างนั้น พยามบ้วนน้ำเกลือบ่อยๆ ถ้าเลือดยังไหลอยู่ให้ดื่มน้ำเย็นๆ และมีอาการลิ้นช้า คุณหมอแจ้งว่าเครื่องมืออาจจะกดทับเป็นเวลานานตอนผ่า เลยให้ยาบำรุงเส้นปลายประสาทมาทานด้วยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
ภาพวันที่ 6 ก.ย. 62 ฝ้าขาวๆ เริ่มลดลง บ้วนน้ำเกลือบ่อยๆทำให้แผลหายเร็วขึ้นจริงๆค่ะ ลิ้นไก่ยังบวม ปลายลิ้นยังมีอาการชาอยู่ ไม่ค่อยรับรู้รส เรามีอาการไอและจามร่วมด้วย ทำให้แผลฉีกและมีลิ่มเลือดไหลจากแผลค่ะ 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ภาพวันที่ 9 ก.ย. 62 ผ่านมา 10 วัน ฝ้าขาวหายใกล้หมด ไม่มีลิ่มเลือดแล้ว เริ่มทานข้าวต้มบดใส่ปลาดอลลี่ได้แล้ว พูดชัดขึ้น ลิ้นไก่เล็กลง ปลายลิ้นเริ่มหายชา แต่ยังไม่แนะนำให้ทานข้าว เพราะอาจจะไปสะกิดแผลให้เลือดออกอีกได้ค่ะ 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จบแล้วนะคะกับการแชร์ประสบการณ์ผ่าตัดทอนซิล ผ่านไปได้ด้วยดี สรุปแล้วเราใช้เวลา 10 วัน ทำการพักฟื้น แม้ว่ายังไม่หายดี แต่อาการเจ็บแผลแทบไม่มีแล้ว ค่ารักษาอยู่ที่ 6 หมื่นบาทประกันออกให้หมดค่ะ, เริ่มพูดออกเสียงได้ช่วงวันที่ 3-4 , เริ่มทานโจ้กปั่นละเอียดได้ช่วงวันที่ 6-7, ส่วนน้ำหนักลงมา2-3กิโล พุงนี่ยุบไปเลยค่ะสมใจอยาก5555

ทั้งนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่กำลังตัดสินใจจะผ่านะคะ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ถ้าเราผ่านไปได้ ท่านอื่นๆคงทำได้เช่นกัน5555 อย่าเก็บมันไว้ให้มาทำลายสุขภาพเราค่ะ ปล่อยใจให้สบายๆเลยค่ะ และขอขอบคุณที่อ่านจนจบนะค้าาา
อมยิ้ม22
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่