กระทู้นี้ผมอยากเขียนสั้นๆเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่กำลังวางแผนผ่าทอลซิลครับ (จะดูแค่ราคาไปบรรทัดสุดท้ายเลยครับ)

ส่วนตัวผมอายุ 23 ปี

ผมไปหาหมอเกี่ยวกับทอลซิลครั้งแรกตอนที่พบว่ามีก้อนเหลืองๆ (tonsil stone) อยู่หลังคอ ครับ หมอก็เขี่ยออกให้ ค่าใช้จ่ายในการเขี่ยอออกอยู่ที่ 2,000 บาทโดยประมาณ (รพ.เอกชน หมอเฉพาะทางหู คอ จมูก)
ส่วนตัวผมป่วยจากทอลซิลอักเสบเฉลี่ยอยู่ที่ 3-4 ครั้งถึง 5-6 ครั้งต่อปี ซึ่งสำหรับผมก็น่ารำคาญพอสมควรเนื่องจากป่วยแต่ละทีกินเวลา 5-7 วันกว่าจะหายเป็นปกติ

ผมจึงตัดสินใจปรึกษาแพทย์ครับ
คราวนี้ผมไปหาหมอคลินิคพิเศษนอกเวลาราชการ รพ.ศิริราช (ไม่ได้ค่าโฆษณา) โดยการโทรไปนัดก่อนไป
ผมคุยกับหมอ เล่าอาการให้ฟัง ส่วนตัวแล้วผมศึกษาเกี่ยวกับการผ่าทอลซิลไปพอสมควร หมอเห็นว่าผมก็เข้าเกณฑ์เป็นผู้ป่วยทอลซิลเรื้อรังเลยนัดผ่าทอลซิลเลย โดยวันแรกให้ไปตรวจปอด เจาะเลือด ตรวจ HIV ค่าใช้จ่ายวันแรกอยู่ที่ 2,000 บาท

หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ก็ไปพบหมอ พอหมอบอกว่าปอดปกติ เลือดปกติ ผ่าได้ หมอก็นัดผ่าครับ จำได้ว่าเร็วสุดน่าจะ 1 สัปดาห์เลย ซึ่งถือว่าเร็วมาก แต่ผมเลือกรอ 1 เดือนก่อนค่อยผ่าครับ(ขอทำใจก่อน)

ผมนัดผ่าตัดทอลซิลวันที่ 12 กพ ครับ
วันผ่าตัดต้องไปที่ตึกที่เราจองห้องไว้(ของผมตึกเฉลิมพระเกียรติ)เวลา 10.00 และอยู่ในห้องห้ามกินอะไรเลย(น้ำก็ไม่ได้) ตั้งแต่ 10.00 น.
นั่งๆนอนๆในห้องไปเรื่อยๆก็จะมีพยาบาลมาเจาะสายน้ำเกลือ มีหมอมาตรวจร่างกาย มีคนมาซักประวัติ
เวลาบ่ายกว่าๆพยาบาลก็ให้อาบน้ำเปลี่ยนชุดคนไข้
ความทรมานช่วงก่อนผ่าคือการกินอะไรไม่ได้เลย หิวมาก (แต่ถือว่าประติ๋วมากถ้าเทียบกับหลังผ่า)
เวลา 17.00 มีคนจากห้องผ่าตัดมารับตัว นั่งรถเข็นไปห้องผ่าตัดซึ่งอยู่อีกตึกหนึ่ง (อาคารสยามมินทร์)
ไปถึงหน้าห้องผ่าตัดก็เข้าไปนอนบนเตียงครับ เจ้าหน้าที่ก็จะเข็นไปห้องนอนรอ มีคนมาซักประวัติ แล้วสุดท้ายเวลา 18.00 โดยประมาณก็เข้าห้องผ่าตัด

ในห้องผ่าตัดก็จะมีหมอดมยา และหมอที่จะผ่าให้เรามาชวนเราคุยนิดหน่อย พอหมอดมยาเริ่มฉีดยาเข้าเส้นเลือดเราก็จะเริ่มเบลอ และก็จำได้ว่าพยาบาลเอาเครื่องช่วยหายใจมาใส่แล้วเราก็หลับไป

รู้สึกเหมือนหลับไป 1 ตื่น เราก็มาตื่นในห้องพักฟื้นด้วยความง่วงมากๆ เพลียมากๆ จำตอนเค้าเข็นเตียงเรากลับไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีก็เจอพ่อแม่มารออยู่ในห้องพักเราแล้ว

พอผ่าเสร็จเราก็กินน้ำได้เลยนะครับ ผมให้แม่ซื้อไอติม vanilla มาให้ ผมก็กินได้เลย รู้สึกเจ็บบริเวณต้นคอ(บริเวณที่ทอลซิลเคยอยู่เล็กน้อย)

คืนแรกผ่านไปก็ไม่มีอะไรมากครับ กินน้ำเปล่า กินไอติมได้ ตอนเช้าก็กลับบ้านได้(ถ้าจ่ายเงินแล้ว)

กลับมาบ้านวันแรกเราก็จะเริ่มรับรู้ได้ถึงความทรมานครับ ง่ายๆเลยคือกินอะไรไม่ได้
ความรู้สึกมันคือเหมือนตอนที่เราเจ็บคอมากๆ แบบกลืนน้ำลายแล้วเจ็บ เหมือนตอนทอลซิลอักเสบเลยครับ แต่อันนี้คือเป็นแบบยาวนานมากๆ เรารู้สึกว่าขยับปากมากไม่ได้

ความทรมานในวันแรกคือแค่รำคาญครับ แต่วันหลังๆจากนั้นคือความทรมานที่ไม่ได้กินของอร่อย ผมเองเป็นคนธรรมดากับการกินอาหารมากนะครับ ไม่เลือกกินเลย แต่ตั้งแต่วันที่2ก็รู้สึกอยากกินข้าวกระเพราขึ้นมามากๆ ผมนั่งดู Youtube เกี่ยวกับอาหารไปหลายคลิปมากๆ (ไม่รู้ทำให้ทุเลาหรือช่วยซ้ำเติม)

อาหารที่กินได้และที่พยาบาลอยากให้เรากินคือ นม ไอติม นม ไอติม นม ไอติม (6 อย่าง) ซึ่งทำลายความเป็นคนมากครับ
เราทุกคนเกิดมาเพื่อกินจริงๆ ผมเข้าใจเลยครับ

หมอนัดไปดูแผล 1 สัปดาห์หลังจากผ่าตัด ซึ่งตลอด 1 อาทิตย์นั้นเราต้องกินแค่ไอติม นม ซึ่ง! ยากมากที่จะทำตามครับ ตั้งแต่วันที่ 3 ผมก็ให้อาอี้ผมทำโจ๊กให้กินแล้ว โจ๊กคนอร์แบบซองใส่ไข่ ทำแล้วรอให้เย็น เอาพัดลมเป่า คนไปคนมาลองตักเข้าปาก
จังหวะตักเข้าปากแล้วได้รับรู้รสชาติมันเป็นอะไรที่มีความสุขมากครับ ผมยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน
แต่พอเราเริ่มกินๆไปเราก็จะรู้สึกได้ว่ามันทำให้เราเจ็บแผลครับ เหมือนเนื้อมันยังไม่เนียนขนาดนั้น ผมก็เลยไม่กินเยอะ แต่แอบคิดไว้ว่าจะแอบกินเรื่อยๆ

สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมว่าทุกคนจะเจอคือกลิ่นปากครับ เนื่องจากกล้ามเนื้อที่เคยยึดต่อมทอลซิลกับเพดานคอมันโดนหมอจี้ความร้อนไว้ มันจะกลายเป็นที่สะสมของคราบอาหารครับ ยิ่งถ้ากินนมเข้าไปคราบนี้จะทวีคูณ จริงๆแล้วมันเหมือน tonsil stone ขนาดหมึมาและไม่สามารถแคะออกได้ เนื่องจากอาจจะทำให้เลือดไหล

มีน้องฝรั่งใน Youtube บรรยายกลิ่นนี้ไว้ว่าคือ ราเมง + นมบูด + your dog
ผมเข้าไปดูเว็ปไซด์ต่างๆแล้วได้ trick มาครับ คือให้เราเครี้ยวหมากฝรั่งกลิ่นมิ้นท์ๆ จะช่วยได้ ซึ่งผมก็ทำครับ แล้วก็โอเคขึ้นเยอะ

พยาบาลจริงๆแนะนำว่าอย่าแปรงฟันครับ แต่ผมแนะนำให้แปรงครับ แปรงเท่าที่แปรงได้ เราจะรู้สึกสะอาดขึ้นเยอะ วันที่ 3-4 นี่ผมแปรงได้เยอะมาก เกือบเท่าการแปรงปกติเลย แต่แค่แปรงลิ้นแรงมากไม่ได้เท่านั้น

อาการเจ็บเพดานคอจะอยู่หลายวันมากครับ เหมือนมันแทบจะไม่ดีขึ้นเลย จนกระทั่งหลังๆ ซึ่งมันก็จะไม่ได้ดีขึ้นแบบพริบตา แต่มันจะค่อยๆดีขึ้น

เวลานอนผมเหมือนจะกรนครับ ปกติไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองกรนมาก่อน แต่มันจะค่อยๆดีขึ้นครับ

สรุปค่าใช้จ่ายครับ

สำหรับค่าใช้จ่ายในการพบแพทย์ที่คลินิคนอกเวลา ครั้งละประมาณ 500 ผมไม่คิดนะครับ

เบื้องต้นมีค่าตรวจเลือด ตรวจปอดก่อนนัดผ่าตัด 2,000
และค่าผ่าตัด ค่าห้อง ค่าพยาบาล เบ็ดเสร็จ 60,099 บาทครับ

รายละเอียดคือ ห้องเดี่ยว มีที่ให้ญาตินอน มียา มีเจลประคบเย็น

ความเห็นส่วนตัว สำหรับผมมันคือการบริการที่ดีครับ ไม่หรู แต่สะอาดสะอ้าน และ ไม่ถือว่าถูก
สำหรับใครที่สงสัย ผมเบิกค่าใช้จ่ายทั้งหมด (60,099) ผ่านกรรธรรม์ประกันสุขภาพไทยประกันชีวิตครับ (ไม่ได้ค่าโฆษณา)