**มีรูปประกอบอยู่ใน spoil สามารถทำให้คลื่นไส้ได้ปานกลาง
**เนื้อหายาวมาก
ต้องขอเกริ่นก่อนว่าตั้งแต่เด็กๆ จขกท.จะเป็นทอนซิลอักเสบบ่อยมาก ปีละหลายครั้งมาก จนเป็นโรคประจำตัวไปเลย
ทุกครั้งที่ไม่สบายเป็นหวัด จะเริ่มจากที่คอก่อนเสมอ พออักเสบบ่อยขึ้นต่อมทอนซิลก็จะโตขึ้น
แล้วก็จะมีหลุมทำให้เศษอาหารลงไปสะสมตามรู ทำให้มีขี้ทอนซิลอีก ขยะแขยงมาก
พอโตขึ้นเมื่อเริ่มมีอาการก็จะรีบดูแลตัวเองแต่เนิ่นๆเลย แต่ก็ยังป่วยอีกจนได้
พอได้มาเรียนต่อที่เกาหลี เวลาเข้าหน้าหนาวทีไรทอนซิลจะอักเสบ เป็นทีนึงนาน 2-3อาทิตย์ ต้องไปหาหมอทุกปี
หมอเคยบอกว่าให้ผ่าออกได้แล้ว เพราะมันโตขึ้นมาก ถ้าไม่ผ่าออกก็จะเป็นอยู่แบบนี้แหละ พอนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับผ่าตัด
ก็กล้าๆกลัวๆ เพราะมีแต่คนบอกว่าเจ็บมาก จนมาถึงจุดหนึ่งที่ศรีจะไม่ทน เลยตัดสินใจปรึกษาหมอ
ที่กังวลที่สุดคือค่าใช้จ่าย หมอบอกว่าค่าผ่าตัดไม่เท่าไหร่หรอกไม่เกิน 15,000 ก็เลยคิดว่ารวมค่ายา ค่าห้อง แล้วคงไม่เกิน 3หมื่นเลยตกลงผ่า
หมอเลยทำใบส่งตัวให้ ซึ่งการผ่าตัดทอนซิลที่นี่ต้องทำที่รพ.ใหญ่เท่านั้น เช่น รพ.มหา'ลัย หรือ รพ.รัฐ
ซึ่งรพ.รัฐที่นี่ ค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าโรงพยาบาลเอกชน 2-3เท่าตัว
เราก็ทำการนัดหมอไว้ที่รพ.หนึ่ง พอพบหมอก็ทำการตรวจดูต่อมทอนซิลอีกรอบนึง แล้วก็ตรวจร่างกายก่อนการผ่าตัด
ซึ่งมีการตรวจเลือด, ปัสสาวะ, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และ x-ray ปอด แล้วก็นัดวันผ่าเรียบร้อย
แค่ค่าตรวจร่างกายโดนไป 18,000 ตอนจ่ายเงินนี่ช็อคมาก แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่าคงต้องจ่ายเพิ่มอีกไม่มากหรอก หมอบอกว่าไม่แพงนี่
แล้วก็ได้แค่คิด เพราะพอตอนลงทะเบียนผู้ป่วย ก็คุยกันเรื่องค่าใช้จ่าย กับห้องพักว่าจะอยู่แบบไหนยังไง
สรุปว่าค่าใช้จ่ายตีเป็นเลขกลมๆ ประมาณ 1แสนบาทไทย ตอนนั้นคือเหวอมาก ห้ะ?! นี่ฉันฟังผิดใช่ไหม หรือยังไง ชี้แจงด่วนค่ะคุณพี่
คุณพนักงานโอปป้าจึงแจ้งว่า ยูเป็นคนต่างชาติไม่มีประกันนะฮะ มันก็เลยแพงแบบนี้แหละ (ซึ่งจริงๆจขกท.มีนะ แต่ต้องสำรองจ่ายก่อน)
คนเกาหลีเขาจะมีประกันสังคมเป็นส่วนลดอยู่แล้ว แล้วก็สามารถเบิกประกันได้อีกที ช่างน่าอิจฉาจริงๆ
ตอนนั้นคือถอดใจไม่ผ่ามันละ หันไปมองเพื่อนที่ไปด้วยกันตาละห้อย นางก็งงๆ ไม่รู้จะพูดปลอบยังไงดี
ระหว่างที่กำลังมึนๆกับดาเมจ 1แสนบาทปรากฏว่ามีเสียงสวรรค์ดังขึ้นมา โทรศัพท์เพื่อนดังนั่นเอง คุณแม่นางโทรมาถามข่าวคราว
เราก็เลยเล่าสถานการณ์ให้ฟัง แม่เพื่อนก็บอกว่าแถวบ้านมีรพ.เอกชนเปิดใหม่เป็นศูนย์ผ่าตัดโรคทาง หู คอ จมูกเลย สามารถผ่าตัดได้
ผู้อำนวยการที่นี่เป็นอาจารย์หมอมีชื่อเสียงมากที่เกาหลี ออกมาเปิดรพ.เป็นของตัวเอง ไหนๆก็เสียค่าตรวจร่างกายไปแล้ว
ก็ไปเอาผลการตรวจมายื่นที่นี่ ถ้าค่าผ่าไม่เท่าไหร่ เดี๋ยวแม่จะออกให้ก่อนเอง
เรากับเพื่อนเลยไปขอผลตรวจร่างกายไปยื่นกับรพ.นั้น พร้อมกับแม่เพื่อน คุณหมอก็ตรวจให้ใหม่
ผลปรากฏว่าทอนซิลจขกท.บวมมาก แล้วตรงต่อมอดีนอยด์เริ่มจะบวมตาม ทำให้ผนังช่องคอ มีจุดแดงๆขึ้นมา
ซึ่งหมอไม่สามารถผ่าออกให้ได้ 100% แต่จะผ่าออกให้บางส่วน รวมถึงหลอดอาหารมีอาการบวมแดงด้วย
สรุปราคาค่าใช้จ่าย แล้วก็ตกลงนัดวันผ่าเป็นวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยให้งดน้ำ งดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืน
แจ้งให้ทราบคร่าวๆว่าควรเตรียมตัวยังไง บลาบลา
---- วันผ่าตื่นมาตั้งแต่ 6โมงเช้า อาบน้ำสระผม เตรียมของให้เรียบร้อย พอถึงเวลาก็ค่อยๆเดินไปรพ. จากบ้านไปรพ.เดินแค่ 10นาทีก็ถึง
พอให้ถึงก็วัดส่วนสูง+ชั่งน้ำหนัก, วัดความดันเสร็จ ก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดผู้ป่วย นั่งรอสักพักพยาบาลก็เข้ามาเจาะแขนให้น้ำเกลือ
ซึ่งต้องใช้เข็มใหญ่ เพราะต้องทำวางยาสลบ แล้วก็ทดสอบว่าเราแพ้ยาปฏิชีวนะไหม โดยการฉีดยาเข้าไปใต้ผิวหนัง เจ็บมากกก
ที่เป็นวงกลมเล็กๆคือที่ทดสอบยาปฏิชีวนะ
แล้วพยาบาลก็จะให้ยาบ้วนปากมาก็บ้วนให้เรียบร้อย พอ 9โมง พยาบาลก็พาไปห้องผ่าตัด เราก็นอนบนเตียงผ่าตัด
พี่ๆพยาบาลก็เอาสายมารัดแขนกันตกเตียง, ติดที่วัดชีพจร คลื่นไฟฟ้าหัวใจ แล้ววิสัญญีแพทย์ก็เข้ามาพูดคุย สอบถามว่ามีฟันโยก มีแพ้ยาอะไรไหม
แล้วก็ให้ดมอ๊อกซิเจนสักพัก พยาบาลก็ฉีดยาสลบเข้าเส้นมา เจ็บแขนมาก สักพักก็ไม่รู้สึกตัวเลย
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็คือพยาบาลเข้ามาปลุก แล้วก็เข็นย้ายเรามาที่ห้องพักฟื้นดูอาการสักพัก ยังมีเครื่องช่วยหายใจกับที่วัดชีพจรอยู่
รู้สึกคันคออยากไอมาก แต่ก็พยายามจะไม่ไอออกมา เพราะกลัวเลือดออก นั่งมึนสักพักพยาบาลก็พาเรากลับมาที่ห้องพัก
พอถึงห้องดูนาฬิกาก็เห็นว่า 10โมง 40นาทีแล้ว สรุปว่าเราอยู่ห้องผ่าตัดประมาณชั่วโมงครึ่งรวมเวลาพักฟื้น
ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บแผลเหมือนที่คิดไว้เท่าไหร่ แต่ลิ้นไก่บวมมากกกก ย้อยลงไปในคอเลย ทำให้หายใจ+กลืนน้ำลายไม่ค่อยสะดวก
รูปหลังผ่าตัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พยาบาลจะเข้ามาวัดไข้กับความดัน ทุก2-3ชั่วโมง ตอนนี้คือรู้สึกหิวมาก แต่ต้องรอหลังผ่า 6ชั่วโมงก่อนถึงจะสามารถดื่มอะไรได้
เราโชคดีมากที่ไม่มีอาการมึนจากยาสลบเลย คุณหมอเข้ามาดูอาการ ดูแผลก็บอกว่าของเราบวมกว่าของคนอื่นมาก และอาจใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า
เราก็ทำใจไว้แล้ว เพราะหมอเคยบอกเอาไว้ก่อนผ่า เวลาเจ็บแผลก็ขอยาแก้ปวดกับพยาบาล พยาบาลก็จะมาฉีดทางท่อสายน้ำเกลือให้
ก็พอถูไถไปได้บ้าง พอ 5โมงเย็น พยาบาลก็เอาอาหารมาให้ เป็นโจ๊กกับซุปสาหร่าย(미역국) อร่อยอยู่นะ แต่กลืนไม่ลง
ทานข้าวเสร็จก็ต้องทานยา ลองกลืนยาเม็ดที่เล็กที่สุดไปก่อนอันดับแรกแล้วเจ็บมาก
เลยขอให้พยาบาลช่วยบดยาให้หน่อย สรุปว่ากินยากกว่าเดิม เพราะขมมากแล้วก็บาดคอ เลยต้องจำใจกินทั้งเม็ดแบบนั้น
พอเริ่มเจ็บแผลก็ขอที่ประคบเย็นกับพยาบาล เป็นแบบกระเป๋าเล็กๆไว้ใส่น้ำแข็งมาประคบ
แล้วก็หลับเป็นตายทั้งวัน มีลุกขึ้นมาเดินเล่นบ้าง แก้เบื่อ
ตื่นมากินข้าวเช้า+กินยา อร่อยเหมือนเดิม แต่ก็กินได้นิดเดียวเหมือนเดิม
กินเสร็จสักพักหมอก็เข้ามาดูแล้วก็บอกว่ายังบวมอยู่เลยนะ ถ้ายังกลับไม่ไหวก็ให้อยู่ต่อ แต่เรานี่ไม่ไหวแล้ว เบื่อมาก
นั่งๆนอนๆทั้งวัน ปวดหลังไปหมด ขอกลับไปนอนเจ็บที่บ้านดีกว่า
รูปหลังผ่าวันที่สอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลิ้นไก่เริ่มบวมน้อยลง
พอออกจากรพ.มาก็รู้สึกหิวมากกว่าเดิมเพราะไม่มีน้ำเกลือแล้ว รวมถึงเจ็บแผลมาก ปวดหูมากกกกกก แต่ก็พยายามทน ประคบเย็นด้านนอกเอา
เวลากลืนน้ำลายทีน้ำตาแทบไหล ตอนนี้ก็กินแต่ไอติม นมเย็นๆ น้ำแดง รวมถึงสั่งใบบัวบกมาเอามาปั่นๆ ดื่ม เพราะอยากให้แผลหายไวๆ
เรื่องเจ็บแผลเอาจริงๆก็พอทนได้ หรือความอดทนเราสูงเองก็ไม่รู้ แต่ก็จะมีปวดมากหลังจากตื่นนอน
ตอนนี้ลิ้นไก่ที่บวมเริ่มโอเคขึ้นมากแล้ว พอไม่มีทอนซิลก็รู้สึกหายใจโล่งกว่าเดิม
เดี๋ยววันศุกร์หน้านัดไปดูแผลอีกแล้วจะมาอัพเดทเพิ่มนะคะ
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ
ผ่าตัดต่อมทอนซิลที่เกาหลีจ้า
**เนื้อหายาวมาก
ต้องขอเกริ่นก่อนว่าตั้งแต่เด็กๆ จขกท.จะเป็นทอนซิลอักเสบบ่อยมาก ปีละหลายครั้งมาก จนเป็นโรคประจำตัวไปเลย
ทุกครั้งที่ไม่สบายเป็นหวัด จะเริ่มจากที่คอก่อนเสมอ พออักเสบบ่อยขึ้นต่อมทอนซิลก็จะโตขึ้น
แล้วก็จะมีหลุมทำให้เศษอาหารลงไปสะสมตามรู ทำให้มีขี้ทอนซิลอีก ขยะแขยงมาก
พอโตขึ้นเมื่อเริ่มมีอาการก็จะรีบดูแลตัวเองแต่เนิ่นๆเลย แต่ก็ยังป่วยอีกจนได้
พอได้มาเรียนต่อที่เกาหลี เวลาเข้าหน้าหนาวทีไรทอนซิลจะอักเสบ เป็นทีนึงนาน 2-3อาทิตย์ ต้องไปหาหมอทุกปี
หมอเคยบอกว่าให้ผ่าออกได้แล้ว เพราะมันโตขึ้นมาก ถ้าไม่ผ่าออกก็จะเป็นอยู่แบบนี้แหละ พอนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับผ่าตัด
ก็กล้าๆกลัวๆ เพราะมีแต่คนบอกว่าเจ็บมาก จนมาถึงจุดหนึ่งที่ศรีจะไม่ทน เลยตัดสินใจปรึกษาหมอ
ที่กังวลที่สุดคือค่าใช้จ่าย หมอบอกว่าค่าผ่าตัดไม่เท่าไหร่หรอกไม่เกิน 15,000 ก็เลยคิดว่ารวมค่ายา ค่าห้อง แล้วคงไม่เกิน 3หมื่นเลยตกลงผ่า
หมอเลยทำใบส่งตัวให้ ซึ่งการผ่าตัดทอนซิลที่นี่ต้องทำที่รพ.ใหญ่เท่านั้น เช่น รพ.มหา'ลัย หรือ รพ.รัฐ
ซึ่งรพ.รัฐที่นี่ ค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าโรงพยาบาลเอกชน 2-3เท่าตัว
เราก็ทำการนัดหมอไว้ที่รพ.หนึ่ง พอพบหมอก็ทำการตรวจดูต่อมทอนซิลอีกรอบนึง แล้วก็ตรวจร่างกายก่อนการผ่าตัด
ซึ่งมีการตรวจเลือด, ปัสสาวะ, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และ x-ray ปอด แล้วก็นัดวันผ่าเรียบร้อย
แค่ค่าตรวจร่างกายโดนไป 18,000 ตอนจ่ายเงินนี่ช็อคมาก แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่าคงต้องจ่ายเพิ่มอีกไม่มากหรอก หมอบอกว่าไม่แพงนี่
แล้วก็ได้แค่คิด เพราะพอตอนลงทะเบียนผู้ป่วย ก็คุยกันเรื่องค่าใช้จ่าย กับห้องพักว่าจะอยู่แบบไหนยังไง
สรุปว่าค่าใช้จ่ายตีเป็นเลขกลมๆ ประมาณ 1แสนบาทไทย ตอนนั้นคือเหวอมาก ห้ะ?! นี่ฉันฟังผิดใช่ไหม หรือยังไง ชี้แจงด่วนค่ะคุณพี่
คุณพนักงานโอปป้าจึงแจ้งว่า ยูเป็นคนต่างชาติไม่มีประกันนะฮะ มันก็เลยแพงแบบนี้แหละ (ซึ่งจริงๆจขกท.มีนะ แต่ต้องสำรองจ่ายก่อน)
คนเกาหลีเขาจะมีประกันสังคมเป็นส่วนลดอยู่แล้ว แล้วก็สามารถเบิกประกันได้อีกที ช่างน่าอิจฉาจริงๆ
ตอนนั้นคือถอดใจไม่ผ่ามันละ หันไปมองเพื่อนที่ไปด้วยกันตาละห้อย นางก็งงๆ ไม่รู้จะพูดปลอบยังไงดี
ระหว่างที่กำลังมึนๆกับดาเมจ 1แสนบาทปรากฏว่ามีเสียงสวรรค์ดังขึ้นมา โทรศัพท์เพื่อนดังนั่นเอง คุณแม่นางโทรมาถามข่าวคราว
เราก็เลยเล่าสถานการณ์ให้ฟัง แม่เพื่อนก็บอกว่าแถวบ้านมีรพ.เอกชนเปิดใหม่เป็นศูนย์ผ่าตัดโรคทาง หู คอ จมูกเลย สามารถผ่าตัดได้
ผู้อำนวยการที่นี่เป็นอาจารย์หมอมีชื่อเสียงมากที่เกาหลี ออกมาเปิดรพ.เป็นของตัวเอง ไหนๆก็เสียค่าตรวจร่างกายไปแล้ว
ก็ไปเอาผลการตรวจมายื่นที่นี่ ถ้าค่าผ่าไม่เท่าไหร่ เดี๋ยวแม่จะออกให้ก่อนเอง
เรากับเพื่อนเลยไปขอผลตรวจร่างกายไปยื่นกับรพ.นั้น พร้อมกับแม่เพื่อน คุณหมอก็ตรวจให้ใหม่
ผลปรากฏว่าทอนซิลจขกท.บวมมาก แล้วตรงต่อมอดีนอยด์เริ่มจะบวมตาม ทำให้ผนังช่องคอ มีจุดแดงๆขึ้นมา
ซึ่งหมอไม่สามารถผ่าออกให้ได้ 100% แต่จะผ่าออกให้บางส่วน รวมถึงหลอดอาหารมีอาการบวมแดงด้วย
สรุปราคาค่าใช้จ่าย แล้วก็ตกลงนัดวันผ่าเป็นวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยให้งดน้ำ งดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืน
แจ้งให้ทราบคร่าวๆว่าควรเตรียมตัวยังไง บลาบลา
---- วันผ่าตื่นมาตั้งแต่ 6โมงเช้า อาบน้ำสระผม เตรียมของให้เรียบร้อย พอถึงเวลาก็ค่อยๆเดินไปรพ. จากบ้านไปรพ.เดินแค่ 10นาทีก็ถึง
พอให้ถึงก็วัดส่วนสูง+ชั่งน้ำหนัก, วัดความดันเสร็จ ก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดผู้ป่วย นั่งรอสักพักพยาบาลก็เข้ามาเจาะแขนให้น้ำเกลือ
ซึ่งต้องใช้เข็มใหญ่ เพราะต้องทำวางยาสลบ แล้วก็ทดสอบว่าเราแพ้ยาปฏิชีวนะไหม โดยการฉีดยาเข้าไปใต้ผิวหนัง เจ็บมากกก
ที่เป็นวงกลมเล็กๆคือที่ทดสอบยาปฏิชีวนะ
แล้วพยาบาลก็จะให้ยาบ้วนปากมาก็บ้วนให้เรียบร้อย พอ 9โมง พยาบาลก็พาไปห้องผ่าตัด เราก็นอนบนเตียงผ่าตัด
พี่ๆพยาบาลก็เอาสายมารัดแขนกันตกเตียง, ติดที่วัดชีพจร คลื่นไฟฟ้าหัวใจ แล้ววิสัญญีแพทย์ก็เข้ามาพูดคุย สอบถามว่ามีฟันโยก มีแพ้ยาอะไรไหม
แล้วก็ให้ดมอ๊อกซิเจนสักพัก พยาบาลก็ฉีดยาสลบเข้าเส้นมา เจ็บแขนมาก สักพักก็ไม่รู้สึกตัวเลย
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็คือพยาบาลเข้ามาปลุก แล้วก็เข็นย้ายเรามาที่ห้องพักฟื้นดูอาการสักพัก ยังมีเครื่องช่วยหายใจกับที่วัดชีพจรอยู่
รู้สึกคันคออยากไอมาก แต่ก็พยายามจะไม่ไอออกมา เพราะกลัวเลือดออก นั่งมึนสักพักพยาบาลก็พาเรากลับมาที่ห้องพัก
พอถึงห้องดูนาฬิกาก็เห็นว่า 10โมง 40นาทีแล้ว สรุปว่าเราอยู่ห้องผ่าตัดประมาณชั่วโมงครึ่งรวมเวลาพักฟื้น
ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บแผลเหมือนที่คิดไว้เท่าไหร่ แต่ลิ้นไก่บวมมากกกก ย้อยลงไปในคอเลย ทำให้หายใจ+กลืนน้ำลายไม่ค่อยสะดวก
รูปหลังผ่าตัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พยาบาลจะเข้ามาวัดไข้กับความดัน ทุก2-3ชั่วโมง ตอนนี้คือรู้สึกหิวมาก แต่ต้องรอหลังผ่า 6ชั่วโมงก่อนถึงจะสามารถดื่มอะไรได้
เราโชคดีมากที่ไม่มีอาการมึนจากยาสลบเลย คุณหมอเข้ามาดูอาการ ดูแผลก็บอกว่าของเราบวมกว่าของคนอื่นมาก และอาจใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า
เราก็ทำใจไว้แล้ว เพราะหมอเคยบอกเอาไว้ก่อนผ่า เวลาเจ็บแผลก็ขอยาแก้ปวดกับพยาบาล พยาบาลก็จะมาฉีดทางท่อสายน้ำเกลือให้
ก็พอถูไถไปได้บ้าง พอ 5โมงเย็น พยาบาลก็เอาอาหารมาให้ เป็นโจ๊กกับซุปสาหร่าย(미역국) อร่อยอยู่นะ แต่กลืนไม่ลง
ทานข้าวเสร็จก็ต้องทานยา ลองกลืนยาเม็ดที่เล็กที่สุดไปก่อนอันดับแรกแล้วเจ็บมาก
เลยขอให้พยาบาลช่วยบดยาให้หน่อย สรุปว่ากินยากกว่าเดิม เพราะขมมากแล้วก็บาดคอ เลยต้องจำใจกินทั้งเม็ดแบบนั้น
พอเริ่มเจ็บแผลก็ขอที่ประคบเย็นกับพยาบาล เป็นแบบกระเป๋าเล็กๆไว้ใส่น้ำแข็งมาประคบ
แล้วก็หลับเป็นตายทั้งวัน มีลุกขึ้นมาเดินเล่นบ้าง แก้เบื่อ
ตื่นมากินข้าวเช้า+กินยา อร่อยเหมือนเดิม แต่ก็กินได้นิดเดียวเหมือนเดิม
กินเสร็จสักพักหมอก็เข้ามาดูแล้วก็บอกว่ายังบวมอยู่เลยนะ ถ้ายังกลับไม่ไหวก็ให้อยู่ต่อ แต่เรานี่ไม่ไหวแล้ว เบื่อมาก
นั่งๆนอนๆทั้งวัน ปวดหลังไปหมด ขอกลับไปนอนเจ็บที่บ้านดีกว่า
รูปหลังผ่าวันที่สอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอออกจากรพ.มาก็รู้สึกหิวมากกว่าเดิมเพราะไม่มีน้ำเกลือแล้ว รวมถึงเจ็บแผลมาก ปวดหูมากกกกกก แต่ก็พยายามทน ประคบเย็นด้านนอกเอา
เวลากลืนน้ำลายทีน้ำตาแทบไหล ตอนนี้ก็กินแต่ไอติม นมเย็นๆ น้ำแดง รวมถึงสั่งใบบัวบกมาเอามาปั่นๆ ดื่ม เพราะอยากให้แผลหายไวๆ
เรื่องเจ็บแผลเอาจริงๆก็พอทนได้ หรือความอดทนเราสูงเองก็ไม่รู้ แต่ก็จะมีปวดมากหลังจากตื่นนอน
ตอนนี้ลิ้นไก่ที่บวมเริ่มโอเคขึ้นมากแล้ว พอไม่มีทอนซิลก็รู้สึกหายใจโล่งกว่าเดิม
เดี๋ยววันศุกร์หน้านัดไปดูแผลอีกแล้วจะมาอัพเดทเพิ่มนะคะ
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ