https://www.imd.org/news/updates/singapore-topples-united-states-as-worlds-most-competitive-economy/
https://thaipublica.org/2019/05/competitiveness-ranking-imd-singapore-most-competitive-overtake-usa/
จากที่แปลมาได้ใจความว่าทำไมสิงคโปร์ถึงได้เป็นประเทศที่อยู่ในอันดับที่หนึ่ง
เนื่องจากที่มีเทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้าเป็นของตนเอง แรงที่ที่มีฝีมือ กม ของ ตม ที่อำนวยความสะดวกให้ต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในสิงคโปร์ได้ง่าย การเก็บภาษีรายได้ที่ถูกประมาณ 15% Flat Rate การเริ่มธุรกิจที่ง่าย ข้อด้อยคือคนอพยพที่มีฝีมือขั้นสูงมาแย่งงานคนในประเทศมากขึ้น ทำให้คนสิงคโปร์ต้องแข่งขันมากขึ้นไปอีกเพื่อแซงหน้าคนต่างด้าว ผมเคยได้พูดกับเพื่อนสิงคโปร์ ตอนนี้สิงคโปร์ปิดรับคนอพยพที่มีฝีมือขั้นสูงแล้ว เพราะรัฐบาลเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะรับคนอพยพที่มีฝีมือขั้นสูงเข้ามากมากจนล้นสิงคโปร์ อย่าลืมว่าสิงคโปร์นั้นเป็นเกาะมีทรัพยากรที่ีจำกัด คนอพยพเขาไม่ได้มาคนเดียว เขามาทั้งครอบครัวและมาแย่งงานอีก คนสิงคโปร์พูดอังกฤษได้ทุกคนทำให้ง่ายในการอพยพของต่างชาติด้วย แต่กระจกก็มีสองด้านเสมอและมีผลกระทบตามมาอย่างที่กล่าวมา
เกาะ HK อยู่อันดับที่ 2 อเมริกาอยู่อันดับที่ 3 Switzerland อยู่ที่4
ประเทศไทยจัดอยู่ที่อันดับ 25 เป็นรองจากกลุ่ม EU จีนและไต้หวันตามมา Venezuela และมองโกเลียอยู่อันดับสุดท้าย
จีนจากการที่ไม่มีเทคโนโลยี่เป็นของตนเองก็ได้ทำลายกำแพงของตัวเองในการไปซื้อบริษัทในต่างประเทศและเอาเทคโนโลยี่มาสานต่อและไม่หยุดนิ่งเพื่อแก้แค้นกับสหรัฐในสงครามการค้า
ยุโรปความสามารถถดถอย
ศักยภาพของทั่วทั้งยุโรปกลับถดถอยรักษาอันดับไว้ไม่ได้ ประเทศส่วนใหญ่อันดับตกลงและมีบางประเทศที่คงอันดับเดิม โดยกลุ่มประเทศนอร์ดิกซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพการแข่งขันสูง กลับไม่มีความก้าวหน้าที่สำคัญในปีนี้ ขณะที่ความไม่แน่นอนของการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป ส่งผลให้อังกฤษตกไปอยู่อันดับที่ 23 จากอันดับ 20
ประเทศที่เลื่อนอันดับมากสุดในภูมิภาคนี้คือ ไอร์แลนด์ เลื่อนขึ้น 5 อันดับมาอยู่อันดับที่ 7 เพราะสภาพแวดล้อมทางธุรกิจดีขึ้นพร้อมกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ ไอร์แลนด์ยืนอยู่แถวหน้าของโลกในด้านการให้สิทธิประโยชน์จูงใจการลงทุน การจัดการกับสัญญากับภาครัฐ ทั้งภาพลักษณ์ แบรนด์ การจัดการกับบุคคลากรที่มีความสามารถ สำหรับประเทศในภูมิภาคนี้ที่อันดับตกลงมากที่สุดคือ โปรตุเกส ลดลง 6 อันดับไปอยู่ที่อันดับ 39 จากที่เลื่อนอันดับขึ้นในปีก่อน
เอเชียชุมนุมศักยภาพในการแข่งขัน
ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกลายเป็นแหล่งชุมนุมศักยภาพในการแข่งขัน เพราะมี 11 ประเทศจาก 14 ประเทศที่ทั้งเลื่อนอันดับขึ้นและครองอันดับเดิมไว้ได้ นำโดยสิงคโปร์ เขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกงที่ติดอันดับต้นๆ
อินโดนีเซียกระโดด 11 อันดับขึ้นมาที่อันดับ 32 เป็นประเทศที่มีการเลื่อนอันดับสูงสุด ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพในภาครัฐ รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และยังเป็นประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานต่ำสุดในจำนวน 63 ประเทศที่ IMD ทำการศึกษา
สำหรับประเทศไทยเลื่อนขึ้น 5 อันดับจากอันดับที่ 30 มาอยู่ที่อันดับ 25 เป็นผลจากการลงทุนโดยตรงของต่างชาติ และประสิทธิภาพการผลิต
ญี่ปุ่นกลับตกลงไป 5 อันดับไปอยู่อันดับที่ 30 เพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ ภาระหนี้ของภาครัฐและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่สดใส
ในช่วงที่จีน เกาหลีใต้และสิงคโปร์เริ่มผงาดขึ้นมาใน20ปีมานี้ขึ้นมาเป็นประเทศอุตสาหกรรม จำนวนเม็ดเงินทั้งโลกได้ไหลมาในเอเซียจากทุกสารทิศ ขึ้นอยู่กับว่าใครสามารถคว้าความมั่งคั่งได้มากกว่ากัน แน่นอนที่ว่าเงินเป็นจำนวนมากเหล่านี้ ขอเพียงแค่การคว้าความมั่งคั่งเพียงแค่ 0.001% ก็สามารถทำให้คนนั้นเป็นเศรษฐีได้ทันทีเพราะเค็กมันชิ้นใหญ่มาก แต่ความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันของแต่ละคนจะเป็นการพิสูจน์แล้วว่าใครจะอยู่ได้ในโลกที่มีการแข่งขันที่สูง และอีก5-10ปีข้างหน้ามันจะสูงมากกว่านี้ขึ้นไปอีก คนที่ไม่สามารถสู้ได้ก็จะถูกทิ้งไว้อยู่ข้างหลังแบบไม่เห็นฝุ่น ตอนนี้สงครามมันไม่ต้องมีการจับอาวุธฆ่าฟันกันแต่สงครามทางเศรษฐกิจนี่แหละคือสงครามยุคใหม่ของโลกเรา เราเตรียมพร้อมกันแล้วหรือยังกับการเปลี่ยนแปลงและโลกที่หมุนไปทุกชั่วโมงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยี่และธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่แบบ Innovative Business Models ต่อไปนี้คำว่าสบายๆแบบไทยๆ เราทุกคนควรจะต้องลุกขึ้นมาสู้กับทุกๆชาติที่ตื่นตัวในเกมส์การแข่งขันชีวิตจริงอย่างที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะคนที่สู้ไม่ได้ก็จะได้อยุ่ที่หลังสุดและความจนนั้นมันน่ากลัว การเรียนอยู่แต่ในห้องมันไม่ได้ตอบโจทย์ได้อีกต่อไปเพราะโลกเรานั้นหมุนไวมากเพราะจบมาแล้วโลกมันเปลี่ยนไปอีกก้าว สิ่งที่เราเรียนมาเป็นของล้าสมัยไปแล้วในโลกปัจจุบัน
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการแข่งขันสูงทาง ศก ที่สุดในโลกแซงอเมริกา
https://thaipublica.org/2019/05/competitiveness-ranking-imd-singapore-most-competitive-overtake-usa/
จากที่แปลมาได้ใจความว่าทำไมสิงคโปร์ถึงได้เป็นประเทศที่อยู่ในอันดับที่หนึ่ง เนื่องจากที่มีเทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้าเป็นของตนเอง แรงที่ที่มีฝีมือ กม ของ ตม ที่อำนวยความสะดวกให้ต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในสิงคโปร์ได้ง่าย การเก็บภาษีรายได้ที่ถูกประมาณ 15% Flat Rate การเริ่มธุรกิจที่ง่าย ข้อด้อยคือคนอพยพที่มีฝีมือขั้นสูงมาแย่งงานคนในประเทศมากขึ้น ทำให้คนสิงคโปร์ต้องแข่งขันมากขึ้นไปอีกเพื่อแซงหน้าคนต่างด้าว ผมเคยได้พูดกับเพื่อนสิงคโปร์ ตอนนี้สิงคโปร์ปิดรับคนอพยพที่มีฝีมือขั้นสูงแล้ว เพราะรัฐบาลเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะรับคนอพยพที่มีฝีมือขั้นสูงเข้ามากมากจนล้นสิงคโปร์ อย่าลืมว่าสิงคโปร์นั้นเป็นเกาะมีทรัพยากรที่ีจำกัด คนอพยพเขาไม่ได้มาคนเดียว เขามาทั้งครอบครัวและมาแย่งงานอีก คนสิงคโปร์พูดอังกฤษได้ทุกคนทำให้ง่ายในการอพยพของต่างชาติด้วย แต่กระจกก็มีสองด้านเสมอและมีผลกระทบตามมาอย่างที่กล่าวมา
เกาะ HK อยู่อันดับที่ 2 อเมริกาอยู่อันดับที่ 3 Switzerland อยู่ที่4 ประเทศไทยจัดอยู่ที่อันดับ 25 เป็นรองจากกลุ่ม EU จีนและไต้หวันตามมา Venezuela และมองโกเลียอยู่อันดับสุดท้าย
จีนจากการที่ไม่มีเทคโนโลยี่เป็นของตนเองก็ได้ทำลายกำแพงของตัวเองในการไปซื้อบริษัทในต่างประเทศและเอาเทคโนโลยี่มาสานต่อและไม่หยุดนิ่งเพื่อแก้แค้นกับสหรัฐในสงครามการค้า
ยุโรปความสามารถถดถอย
ศักยภาพของทั่วทั้งยุโรปกลับถดถอยรักษาอันดับไว้ไม่ได้ ประเทศส่วนใหญ่อันดับตกลงและมีบางประเทศที่คงอันดับเดิม โดยกลุ่มประเทศนอร์ดิกซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพการแข่งขันสูง กลับไม่มีความก้าวหน้าที่สำคัญในปีนี้ ขณะที่ความไม่แน่นอนของการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป ส่งผลให้อังกฤษตกไปอยู่อันดับที่ 23 จากอันดับ 20
ประเทศที่เลื่อนอันดับมากสุดในภูมิภาคนี้คือ ไอร์แลนด์ เลื่อนขึ้น 5 อันดับมาอยู่อันดับที่ 7 เพราะสภาพแวดล้อมทางธุรกิจดีขึ้นพร้อมกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ ไอร์แลนด์ยืนอยู่แถวหน้าของโลกในด้านการให้สิทธิประโยชน์จูงใจการลงทุน การจัดการกับสัญญากับภาครัฐ ทั้งภาพลักษณ์ แบรนด์ การจัดการกับบุคคลากรที่มีความสามารถ สำหรับประเทศในภูมิภาคนี้ที่อันดับตกลงมากที่สุดคือ โปรตุเกส ลดลง 6 อันดับไปอยู่ที่อันดับ 39 จากที่เลื่อนอันดับขึ้นในปีก่อน
เอเชียชุมนุมศักยภาพในการแข่งขัน
ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกลายเป็นแหล่งชุมนุมศักยภาพในการแข่งขัน เพราะมี 11 ประเทศจาก 14 ประเทศที่ทั้งเลื่อนอันดับขึ้นและครองอันดับเดิมไว้ได้ นำโดยสิงคโปร์ เขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกงที่ติดอันดับต้นๆ
อินโดนีเซียกระโดด 11 อันดับขึ้นมาที่อันดับ 32 เป็นประเทศที่มีการเลื่อนอันดับสูงสุด ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพในภาครัฐ รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และยังเป็นประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานต่ำสุดในจำนวน 63 ประเทศที่ IMD ทำการศึกษา
สำหรับประเทศไทยเลื่อนขึ้น 5 อันดับจากอันดับที่ 30 มาอยู่ที่อันดับ 25 เป็นผลจากการลงทุนโดยตรงของต่างชาติ และประสิทธิภาพการผลิต
ญี่ปุ่นกลับตกลงไป 5 อันดับไปอยู่อันดับที่ 30 เพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ ภาระหนี้ของภาครัฐและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่สดใส
ในช่วงที่จีน เกาหลีใต้และสิงคโปร์เริ่มผงาดขึ้นมาใน20ปีมานี้ขึ้นมาเป็นประเทศอุตสาหกรรม จำนวนเม็ดเงินทั้งโลกได้ไหลมาในเอเซียจากทุกสารทิศ ขึ้นอยู่กับว่าใครสามารถคว้าความมั่งคั่งได้มากกว่ากัน แน่นอนที่ว่าเงินเป็นจำนวนมากเหล่านี้ ขอเพียงแค่การคว้าความมั่งคั่งเพียงแค่ 0.001% ก็สามารถทำให้คนนั้นเป็นเศรษฐีได้ทันทีเพราะเค็กมันชิ้นใหญ่มาก แต่ความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันของแต่ละคนจะเป็นการพิสูจน์แล้วว่าใครจะอยู่ได้ในโลกที่มีการแข่งขันที่สูง และอีก5-10ปีข้างหน้ามันจะสูงมากกว่านี้ขึ้นไปอีก คนที่ไม่สามารถสู้ได้ก็จะถูกทิ้งไว้อยู่ข้างหลังแบบไม่เห็นฝุ่น ตอนนี้สงครามมันไม่ต้องมีการจับอาวุธฆ่าฟันกันแต่สงครามทางเศรษฐกิจนี่แหละคือสงครามยุคใหม่ของโลกเรา เราเตรียมพร้อมกันแล้วหรือยังกับการเปลี่ยนแปลงและโลกที่หมุนไปทุกชั่วโมงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยี่และธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่แบบ Innovative Business Models ต่อไปนี้คำว่าสบายๆแบบไทยๆ เราทุกคนควรจะต้องลุกขึ้นมาสู้กับทุกๆชาติที่ตื่นตัวในเกมส์การแข่งขันชีวิตจริงอย่างที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะคนที่สู้ไม่ได้ก็จะได้อยุ่ที่หลังสุดและความจนนั้นมันน่ากลัว การเรียนอยู่แต่ในห้องมันไม่ได้ตอบโจทย์ได้อีกต่อไปเพราะโลกเรานั้นหมุนไวมากเพราะจบมาแล้วโลกมันเปลี่ยนไปอีกก้าว สิ่งที่เราเรียนมาเป็นของล้าสมัยไปแล้วในโลกปัจจุบัน