---- เรียนท่าน masked rider และท่านผู้สนใจ ปฏิจจสมุปบาท เข้าใจแบบนี้ ถูกต้องไหม ครับ

กระทู้เดิม ของท่านซึ่งเป็นเช่นนั้นเอง

คล็ดลับในการปิดกั้นทางเกิดแห่งปฏิจจสมุปบาท๑
https://ppantip.com/topic/39203598/comment6

ความคิดเห็นที่ 6
---- ขออนุญาต แสดงความเห็นส่วนตัวนะครับ

"คือปรกติ ส่วนปฎิจสมุปบาท มันเป็นส่วนน้อยที่ทำให้เกิดภพ ชาติ"

----- ส่วนตัว เห็นว่า ปฏืจจสมุปบาท อธิบายการเกิด ภพ ชาติ ทั้งหมดไว้ (และมีแบบที่ เป็นการเกิดสภาวะต่างๆในจิต ในชาติปัจจุบันด้วย (ท่านใช้คำว่า ในขณะจิตเดียว)​
ทั้งก่อนหน้าชาตนี้
(ชาติก่อน)​ อวิชชา ​(รวมทั้ง ตัณหา อุปาทาน ด้วย)​ -​--->
(ชาตินี้)​สังขาร(ที่เป็น ผลของกรรม(กรรมวิบาก)​ -​-->วิญญาน(ปฏิสนธิวิญญาน(จิตแรกที่เกิดในภพใหม่)​ -​-> นามรูป)​ร่างกาย เจตสิก)​ -​-> ผัสสะ(จิตที่เห็นทันตรงนี้ และรับรู้ แล้วรู้ว่า สักแต่รับรู้ (รู้ว่าจิตรับรู้ (แต่ไม่ยึดถือผิดว่าจิตเป็นตน)​​ไม่มีความเห็นผิดว่าตนรับรู้)(ที่ท่าน masked rider บอก ก็บรรลุธรรม)(คิดว่า จะเป็นเห็นกายในกาย ที่ท่านพาหิยะ ทำได้ (จะใช่ ที่ทรงตรัสในช่วงท้ายว่า " สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้
เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่
ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็น
กายในกายอยู่ ฯ" http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=10&A=6257&Z=6764 หรือไม่ ครับ )​ -​-> เวทนา (แก้โดย สติ เห็นเวทนาในเวทนา)​ -​-->
ทำให้มีการทำกรรมใหม่(ถ้าจิตมีอวิชชา อยู่)​ คือมีตัณหาเกิดขึ้น(แก้โดย สติ เห็นจิตในจิต (ภิกษุพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่อย่างไรเล่า
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ จิตมีราคะ ก็รู้ว่าจิตมีราคะ หรือจิตปราศจากราคะ ก็รู้ว่าจิต
ปราศจากราคะ จิตมีโทสะ )​)​ -​-> ความยึดมั่นผิดๆ(อุปาทาน)​ -​-->

เกิด ภพ ในชาติ ต่อไป -​-> ชาติ (ทำให้มีการเกิด อีก)​ .....

จึง เป็นไปใน 3 ชาติ เช่นนี้
( กรรม(อวิชชา)(ชาติก่อน)​-->
การเกิดชาตินี้ (ได้รับกาย จิต ที่เป็นผลกรรมของชาตก่อน)​ ได้รับ ผัสสะ เวทนา (วิบากของกรรม ของชาติก่อน)​ -​--> มีอวิชชาและสร้งกรรมใหม่ในชาตินี้ -​-->
มีภพ ชาติใหม่ มีการเกิดใหม่
_________

ในทางปฎิบัติ ดับ ตรงไหนก็ได้เช่น
ไม่มี ลูกตา ทุกข์ที่เกิดจากตาก็ไม่เกิด ต่อให้เหตุเกิดตรงหน้าแต่ไม่มีตาจะเห็นก็จบ
---- ครับ แต่ว่า ถ้าไม่มีตาตั้งแต่เกิด จะเป็นจิต มี่ เกิดด้วย ปัจจัย ทวิเหตุ ซึ่งจิต จะมีสภาวะเช่นนั้น จนดับครั้งสุดท้ายในชาตินี้
(จิตเป็นผลกรรมของ 2 เหตุ คืออโลภะ อโทสะ แต่ไม่มี ปัญญา ประกอบ)​

จิตต้องเป็น ติเหตุ(3 เหตุ อโลภะ อโทสะ ัญญา (ว่า มีกรรมเป็นของๆตน(กัมมัสกาฯ)​ หรือและ ขันธ์ไม่คงที่(วิปัสสนญาณ))​จึงจะสามารถทำฌานและวิปัสสนาได ไหมครับ

มีลูกตา ไม่มีผัสสะทางตา ทุกข์ก็ไม่เกิด
-- ครับ

มีผัสสะ เห็น แต่ไม่ใส่ใจไม่มี จักษุวิญญาณ ทุกข์ก็ไม่เกิด
--- ครับ

มีจักษุวิญญาณ แต่ไม่มีอวิชชา ทุกข์ก็ไม่เกิด
--- ครับ

ขอบพระคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่