หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] <<รีวิว>> เรียนภาษาจีนที่ฮาร์บิ้นคอร์สระยะสั้น 4 เดือน ฟินๆ สำเนียงเป๊ะเว่อร์(กระทู้นี้ขอแชร์ประสบการณ์การเรียนล้วนๆค่ะ)
กระทู้รีวิว
เรียนภาษาที่ต่างประเทศ
เรียนต่อต่างประเทศ
ชีวิตในต่างแดน
...ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อว่า อ้อ อายุก็เลข 3 แล้วล่ะ โดยเหตุผลหลักที่อยากเรียนภาษาจีนเพิ่มเติม คือ อ้อเองมีอาชีพเป็นมัคคุเทศก์ มีการได้ฝึกทำงานกับคนจีนมาบ้าง แต่ภาษาจีนยังกระท่อนกระแท่นอยู่ ไม่ลื่นไหล ได้แต่คิดๆอยากเรียนภาษาจีนเพิ่ม แต่คอร์สเรียนภาษาจีนในประเทศไทยจะมีแบบเป็นช่วงเวลาที่จำกัด เช่น เรียนทุกอังคารกับวันพฤหัสบดี หรือเฉพาะวันเสาร์กับวันอาทิตย์ วันละ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร เพราะอ้อเองก็ไม่ได้มีเวลาไปเรียนตามเวลาที่กำหนดได้ในบางวัน จึงได้ทำการค้นคว้าหาข้อมูลเรียนต่อในคอร์สระยะสั้นที่ประเทศจีน ก็ได้เห็นหลายๆกระทู้ในพันทิปเขียนข้อมูลเรียนที่ฮาร์บิ้น แต่ก็ยังไม่เจอข้อมูลที่ถูกใจ ส่วนใหญ่หลายๆกระทู้จะรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว เอาเป็นว่าอ้อจะขอรีวิวเกี่ยวกับการเรียนแล้วกันนะคะ
การตัดสินใจที่มาเรียนต่อที่ฮาร์บิ้น
หลายๆคนคงจะรู้อยู่แล้วว่าฮาร์บิ้นจะมีสำเนียงพูดภาษาจีนกลางที่ชัดเจนที่สุดกว่ามณฑลอื่นๆ และที่สำคัญที่สุดคือ ค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงมากนัก ถ้าเทียบกับไทยนี่คือพอๆ กันเลยค่ะ พออ้อเริ่มตัดสินใจได้แล้วว่าจะมาเรียนภาษาจีนที่ฮาร์บิ้นจึงได้หาข้อมูลการสมัครเรียนและได้มาเจอใน Facebook ที่ชื่อเพจ Study in Harbin และได้สอบถามข้อมูลไปจึงได้รู้จักกับเจ้าของเพจชื่อว่าน้องเอ็ม ซึ่งเป็นนักเรียนทุนอยู่ที่ฮาร์บิ้นค่ะ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่น้องเอ็มส่งให้ดูจะเป็นเงินหยวนทั้งหมด มีบางส่วนที่ใช้เงินไทย ซึ่งตอนนี้ถ้าใครได้ไปเรียนที่เมืองจีนซึ่งถ้าคิดค่าใช้จ่ายเป็นเงินหยวนจะมีราคาที่ถูกลงมาก ซึ่งตอนที่อ้อมาคิดเรทอยู่ที่ 4.7 บาทต่อ 1 หยวน ต่อมาเมื่ออ้อทำการสมัครเรียนกับทางน้องเอ็มไปแล้ว น้องเอ็มก็จะทำเรื่องสมัครเรียนกับมหาวิทยาลัยฮากงต้า (哈工大) ให้ จากนั้นเราก็รอการตอบกลับของเอกสาร admissions notice ส่งมาตามที่อยู่ที่เราได้แจ้งกับทีมงานไปค่ะ (สมัครกับของโครงการ Study in Harbin ไม่มีค่าดำเนินการใดๆทั้งสิ้นค่ะ นอกจากนี้ก่อนวันเดินทางมาเรียนที่ฮาร์บิ้น ทางทีมงานของน้องเอ็มจะมีการนัดติวปรับพื้นฐานภาษาจีนให้ฟรีอีก 1 วัน จะเป็นการสอนคำศัพท์ง่ายๆ เช่น การซื้อของ การสอบถามทาง และยังมีการแนะนำวิธีการเตรียมตัวที่จะไปใช้ชีวิตที่ฮาร์บิ้นให้อีกด้วย)
การทำเอกสารวีซ่านักเรียน
เมื่อเอกสาร admission notice มาถึงก็ให้รีบตรวจสอบรายชื่อของเราบนเอกสารว่าถูกต้องไหม ถ้าไม่ถูกต้องก็ให้รีบแจ้งทางน้องๆทีมงานก่อนเพื่อให้ทางมหาวิทยาลัยแก้ไขให้ใหม่ ขั้นตอนการทำวีซ่าถ้าใครไม่สะดวกที่จะทำวีซ่าเองหรือกลัววีซ่าจะไม่ผ่านหรือว่าอยู่ต่างจังหวัดก็สามารถแจ้งให้ทีมงานช่วยทำเอกสารให้ได้ แต่ถ้าใครสะดวกที่จะทำวีซ่าเองก็มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เอกสารที่ต้องเตรียมคือ
- รูปถ่ายขนาด 33 X 48 มม. พื้นหลังขาว ไม่ใส่เสื้อสีขาว ไม่ใส่เครื่องประดับ เช่น ต่างหู สร้อยคอ
- แบบฟอร์มยื่นขอวีซ่า (สามารถหาดาวน์โหลดได้ในเวปไซต์)
- สำเนาถ่ายเอกสารพาสปอร์ต
- สำเนาถ่ายเอกสาร admission notice
จากนั้นรอ 4 วันทำการของสถานฑูตจีน และไปรับเล่มกลับคืน
วันแรกของการมาถึงที่ฮาร์บิ้น
คอร์สที่อ้อมาเรียนเป็นช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน ความหนาวยังอยู่ที่ -9 องศายังมีหิมะตกปรอยๆ อ้อมาถึงวันที่ 12 มีนาคม (อ้อตามมาเรียนทีหลังค่ะ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้เปิดคอร์สไปแล้ว 2 อาทิตย์ ต้องมาอ่านตามเก็บศัพท์กับไวยากรณ์ทีหลังเอาเอง) เมื่อมาถึงที่ฮาร์บิ้นน้องๆทีมงานก็มารอต้อนรับที่หอพัก A13 ซึ่งเป็นหอพักของนักเรียนต่างชาติ(อันนี้ขอชื่นชมน้องเอ็มมากๆ อ้อเดินทางมาคนเดียวแต่ก็มีน้องๆทีมงานstaff มารอต้อนรับที่หอ A13 และทำเรื่องเรียนกับเรื่องหอพักให้ สะดวกมากๆ ไม่ต้องกลัวว่าโดนลอยแพหรือโดนทิ้งขว้างเลย) จากนั้นก็ทำการชำระเงินค่าหอพักจ่ายกับอาอี๋โดยตรงเลย และชำระค่าเทอมกับทางน้องเอ็มเลยจ่ายเป็นเงินหยวน (แต่ถ้าจะมาเองและติดต่อจ่ายค่าเทอมกับทางมหาวิทยาลัย ค่าเทอมเท่ากันเลยค่ะ แถมต้องวิ่งหาตึกติดต่อลงทะเบียนเองอีก ไม่ต้องกลัวว่าใช้เอเจนซี่จะเก็บแพงกว่าไหม ตอบได้เลยว่ามาเองกับใช้บริการของเอเจนซี่จ่ายเท่ากันเลย และยังได้รับบริการที่สะดวกสบายกว่ามาติดต่อเองอีกด้วย เพราะน้องเอ็มเป็นเด็กทุนทำให้งานกับมหาวิทยาลัยค่ะ) จากนั้นก็ไปสอบคัดเลือกเข้าห้อง ก็จะมีหลายระดับตั้งแต่ห้อง A จนถึง D สำหรับอ้อพอมีพื้นฐานของการอ่าน การพูดมาบ้าง สอบได้ห้อง B ในห้องมีทั้งคนไทย คนรัสเซีย คนเกาหลี คนอังกฤษ ปะปนกันไป ที่นี่จะสอนตั้งแต่วันจันทร์ - วันศุกร์ วันละ 2 วิชา วิชาละ 2 ชั่วโมง รวมเป็น 4 ชั่วโมงต่อวัน โดยประมาณ ไม่ต้องกลัวว่าเวลาว่างที่เหลือจะทำอะไรดีล่ะ ลงเรียนเพิ่มดีไหม บอกได้เลยว่าแค่ทำการบ้านก็หมดเวลาแล้ว ที่นี่การบ้านเยอะมากจริงๆ
บรรยากาศในห้องเรียน
ตารางเรียนของคลาสที่อ้อเรียนคือจันทร์ พุธ พฤหัสบดี ศุกร์จะเรียนช่วงเช้าตั้งแต่ 08.00 น. - 11.40 น. และวันอังคารเริ่มตั้งแต่ 13.00 น. - 16.30 น. เหล่าซือที่นี่ตรงต่อเวลามาก พอ 8 โมงปุ๊บ เช็คชื่อและเริ่มสอนทันที ไม่มีการรอกันให้มาครบก่อนแล้วค่อยสอน ดังนั้นที่นี้เรื่องเวลาการเข้าเรียนสำคัญมาก ถ้าจะให้ดีคืออย่ามาสาย เพราะไม่งั้นจะเรียนไม่รู้เรื่อง เมื่อถึงเวลาเลิกสอนก็จะเลิกสอนตรงเวลาเป๊ะเหมือนกัน สำหรับใครที่คิดว่าไม่มีพื้นฐานตั้งแต่ เปอ เพอ เมอ เฟอ เลยจะเรียนได้ไหม ตอบได้เลยว่าได้ เพราะเหล่าซือจะมีการนำรูปภาพ ภาษามือ และอังกฤษนิดๆหน่อยๆมาช่วยสอนเพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้น แต่ถ้าอยู่คลาสตั้งแต่ B ขึ้นไป เหล่าซือจะแต่พูดภาษาจีนทั้งคาบเรียน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เข้าใจ เพราะอย่างที่บอกเหล่าซือก็จะมีวิธีการสอนให้นักเรียนเข้าใจอีกนั่นแหละ บรรยากาศการสอน เหล่าซือจะถามคำถามและให้นักเรียนตอบคำถามตามไวยากรณ์ที่ได้สอนไปแล้ว ส่วนใหญ่ใครที่ชอบแอบเล่นโทรศัพท์และไม่ค่อยสนใจฟังจะโดนถามบ่อยมากถ้าตอบไม่ได้ก็จะแอบโดนว่าเบาๆ หรือยกตัวอย่างว่าเธอไม่สนใจฉันนะ แต่ก็ยังยกตัวอย่างให้ตรงกับไวยากรณ์ที่กำลังเรียนอยู่อีกนั่นแหละ ก็โดนดุกันไปเบาๆ ฮ่าฮ่าๆ
สำหรับเพื่อนในห้องเรียน วันแรกๆก็ไม่ค่อยกล้าเข้าหากันเท่าไหร่เพราะต่างคนต่างมาจากต่างถิ่น แต่เมื่อเราอยู่กันไปสักพักทุกคนในห้องก็เริ่มจะสนิทกันมากขึ้น เมื่อถึงเวลาพักเบรคทีไรก็คุยกันทุกที
และที่มหาวิทยาลัยจะมีการจัดกิจกรรมบ่อยมากอย่างเช่น coffee corner ส่วนใหญ่จะจัดทุกวันศุกร์ที่ตึกนักเรียนต่างชาติ (留学生中心) เป็นการจัดกิจกรรมให้นักเรียนหลายๆชาติมาเจอกัน พูดคุยกัน หาเพื่อนใหม่ เป็นการฝึกฝนภาษาของเราด้วย และยังมีกิจกรรมอื่นๆที่เหล่าซือจัดขึ้นให้นักเรียนห้องอื่นๆเจอกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้รู้จักกับเพื่อนห้องอื่นๆอีกด้วย
สำหรับบางวิชา เช่น วิชาพูด (口语) เหล่าซือก็จะให้จับกลุ่มออกไปเรียนรู้นอกห้องเรียน เช่น ไปสอบถามสัมภาษณ์คนจีน โดยเหล่าซือจะมีหัวข้อกำหนดให้ตามหลักไวยากรณ์ที่เรียนมาและกลับมาทำ Presentation รายงานหน้าชั้นเรียนว่าไปทำอะไรมาบ้าง สัมภาษณ์เป็นอย่างไร โดยทุกคนต้องมีบทพูดหน้าชั้นเรียนทุกคน สำหรับใครที่ขี้อาย ไม่ต้องกลัว เพราะได้พูดทุกคน ฮ่าๆๆ (เหล่าซือที่นี่จะจริงจังกับการสอนมากๆ และมีคะแนนให้ด้วย)
หนังสือที่ใช้สอนจะใช้ตำราเรียนเดียวกับของมหาวิทยาลัยปักกิ่งจัดทำขึ้น 汉语教程 อ้อเรียนทั้งหมด 4 เล่ม จะมีวิชาไวยากรณ์(综合) 2 เล่ม , การพูด (口语) 1 เล่ม , การฟัง (听力) 1 เล่ม ทุกวันก่อนเริ่มเรียนเหล่าซือจะให้ท่องจำคำศัพท์และท่องบทเรียนท่องจนกว่าจะจำได้ (ถ้าใครจำไม่ได้แสดงว่าไม่เข้าเรียนแน่ๆ) และเมื่อเลิกเรียนเสร็จ เหล่าซือก็จะให้ทำการบ้าน คัดศัพท์ คัดบทเรียน ทำแบบฝึกหัดเรียงประโยค บางทีการบ้านก็เยอะมากจนไม่มีเวลาออกไปเที่ยวไหนเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะมาเรียนที่นี่ไม่ได้อะไรกลับไปถ้าคุณตั้งใจเรียนจริงๆ เข้าเรียนทุกวันทุกวิชา และไม่มาสาย ยังไงก็พูดภาษาจีนได้แน่นอน ระยะเวลาเรียน 4 เดือนที่นี่ ถ้าเทียบกับที่ไทยคือย่นระยะเวลาไปได้ปีกว่าๆเลยแหละ
อาหารการกินของที่ฮาร์บิ้น
ร้านอาหารที่ฮาร์บิ้นจะมีหลากหลายมาก เช่น ร้านอาหารเกาหลี ร้านเนื้อปิ้งย่าง ร้านหม้อต้มสุกี้ ร้านหมาล่าทัง รสชาติอร่อยมาก โดยเฉพาะอาหารเกาหลีขอบอกอร่อยมากกกก แต่แอบแพงไปนิดนึงค่ะ ร้านอาหารจีนทั่วๆไปรสชาติคือคนไทยกินได้ น้ำมันก็จะเยิ้มๆหน่อยๆ แต่ถ้าอยากประหยัดเงินแนะนำให้ทานข้าวที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย 食堂 ราคาก็จะพอๆกับประเทศไทยเลยค่ะ ไม่แพง ใช้บัตรฟ่านข่าจ่ายเงินอาหาร ถ้าตังหมดก็สามารถเติมเงินได้ บัตรนี้สามารถซื้อของในร้านค้า超市ของมหาลัยได้อีกด้วย หรือถ้าใครทำกับข้าวเป็นก็แนะนำให้เอาเครื่องปรุงจากที่ไทยมาเผื่อด้วย เช่น น้ำปลา ผงปรุงรสต่างๆ น้ำพริกต่างๆ ทำอาหารทานเองก็ประหยัดเงินได้ดีทีเดียว หรือถ้าใครทำอาหารไม่เป็นก็จะมีน้องๆคนไทยที่เรียนอยู่ฮาร์บิ้นโพสต์ขายข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ข้าวหมูย่าง เป็นต้น รับรองได้เลยว่าไม่คิดถึงบ้านแน่นอน ฮ่าๆๆ
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในฮาร์บิ้น
เชื่อว่าหลายๆคนที่มาฮาร์บิ้นต้องหาสถานที่ท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศเมืองฮาร์บิ้นบ้าง พออ้อมาถึงเมืองฮาร์บิ้นอันดับแรกที่ต้องไปเลยคือถนนคนเดินจงยางต้าเจีย 中央大街 และโบสถ์เซนต์โซเฟียฮาร์บิ้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองฮาร์บิ้น
ถนนจงยางต้าเจียต้องออกมาเดินเล่นช่วงเวลาเย็นๆค่ำๆ ประมาณ 6 โมงเย็นขึ้นไปจะเปิดไฟสวยมาก ยิ่งถ้าในช่วงวันหยุดหรือเทศกาลคนจีนจะพากันออกมาเดินเล่นเยอะมาก บางทีก็มีนักร้องเปิดหมวก หรือเหล่านักเต้นก็จะพากันมาเต้นโชว์ที่นี่ด้วย
...สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปแนะนำต่อในคอมเม้นท์จ้าาา
ชื่อสินค้า:
รีวิว คอร์สเรียนภาษาจีนที่ฮาร์บิ้น
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
[[แชร์ประสบการณ์]] เรียนภาษาจีนที่จีน คิดให้ดีก่อนไป
สวัสดีค่ะ เราจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตตอนที่ไปเรียนภาษาจีนที่ประเทศจีน และอยากจะแนะนำใครที่จะไปเรียนให้เตรียมตัวดีๆ ทั้งเรื่องการเรียน ความแตกต่างทางวัฒนธรรม อาหารการกิน เสื้อผ้า หยูกยา และสำคัญที
Catdaowcafe
รีวิวเปิดประสบการณ์จริงจากการไปเรียนภาษาจีนที่ต้าเหลียน Part1
รีวิวเปิดประสบการณ์จริงจากการไปเรียนภาษาจีนที่ต้าเหลียน ประเทศจีน โดยเอเจนซี “เวลาดีๆ เรียนที่ต้าเหลียน” (ขอสงวนชื่อภาษาอังกฤษ) Part 1 สวัสดีเพื่อนๆพันทิพ สำหรับกระทู้รีวิวนี้ขอออกตัวก่อน
Oliver Woods
เรียนภาษาจีนที่ไหนดีคะ กทม.
อยากเรียนเป็นภาษาที่สามค่ะ ไม่เคยเรียนมาก่อน เรียนช่วงเสาร์อาทิตย์ค่ะ
สมาชิกหมายเลข 813346
เรียนภาษาจีนที่จีน อยากได้สำเนียงจีนกลาง ค่าใช่จ่ายถูกๆ ไปเมืองไหนดีคะ
อยากไปเรียนภาษาที่จีนสักสี่เดือนค่ะ เน้น 1.ค่าเรียนถูก แต่สอนได้มาตราฐาน 2.ค่าที่พักไม่แพง 3.สำเนียงจีนกลาง ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ TT
Danica SP
[CR] เรียนภาษาจีนออนไลน์
สวัสดีครับ ช่วงกลางปีที่แล้วผมสนใจอยากเรียนภาษาจีนครับ (ผมไม่มีพื้นฐานใดๆ อาจจะท่องเลขได้นิดหน่อย) เลยลองหาข้อมูลซึ่งหลักๆจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ อันได้แก่ 1. เรียนตัวต่อตัว 2. เรียนตามสถาบัน 3. เรียนออนไ
สมาชิกหมายเลข 3585880
รีวิว เรียนภาษาจีน คอร์สหน้าหนาวที่ฮาร์บิ้น
สวัสดีค่าทุกคนน วันนี้เราจะมารีวิว คอร์สหน้าหนาวที่เราได้ไปเรียนภาษาจีนที่ 哈尔滨工业大学หรือว่า哈工大 (Harbin Institute of Technology) ครั้งนี้เราไปกับพี่เอ็ม เพจStudy in Harbin นะคะ พี่ๆดูแลดีมากตั้งแต่ก่
สมาชิกหมายเลข 1383451
เลือกไปเรียนจีน ที่เมืองไหนดี สำหรับคนงบน้อย
เราต้องการไปเรียนภาษาที่จีน ตอนนี้อยู่ระหว่างรอลุ้นว่าจีนจะเปิดประเทศเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้เราเรียนม.จีนภาคออนไลน์อยู่ที่ไทยเราคิดว่าเราเรียนแล้วไม่ค่อยเข้าใจ เราอยากรู้ว่าคำที่บอกว่าอยากเก่งภาษาไหนให้
สมาชิกหมายเลข 6733350
เมื่อชั้นสู้ชีวิต แต่ชีวิตดันสู้กลับ (ฮาร์บิ้น1เดือน เปลี่ยนชีวิต)
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์จุดเปลี่ยนของชีวิต ที่เราไม่เคยมีมาก่อน!! ขอย้อนไปปี 2019นะคะ ต้องขอเกริ่นก่อนเลยว่า เราเริ่มรักและหลงใหลในภาษาจีนเมื่อตอนม.5 เทอม1 จริงๆ
สมาชิกหมายเลข 6982731
อาจารย์มหาวิทยาลัย: ไม่ใช่ติวเตอร์ แต่คือผู้สร้างองค์ความรู้และขับเคลื่อนงานวิจัย
อาจารย์มหาวิทยาลัย: ไม่ใช่ติวเตอร์ แต่คือผู้สร้างองค์ความรู้และขับเคลื่อนงานวิจัย ในสังคมไทย หลายคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทบาทของอาจารย์มหาวิทยาลัย โดยมองว่าอาจารย์เป็นเหมือน “ติวเตอร์&rdq
คุณหญิงมะนาวต่างดุษย์
เสื้อjacket กันหนาวแบบ 0 ถึง-10 องศาสำหรับคยอ้วนหรือตัวใหญ่ ที่จีนหรือ ญี่ปุ่น เกาหลีทีขายไหมครับ
สงสัยว่า คนท้องถิ่นที่ตัวอ้วนๆหรือตังใหญ่แบบไซส์ฝรั่งเค้าไปหาซื้อยี่ห้อหรือกันหนาว ได้ที่ไหนบ้าง ลองดูตามaliexpressคือ ไซส์เล็กๆกันและไม่ทราบว่าจะทนหนาวแบบพวก 0 ถึง -10 องศา ไหวไหม คือถ้าพ
สมาชิกหมายเลข 2818203
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เรียนภาษาที่ต่างประเทศ
เรียนต่อต่างประเทศ
ชีวิตในต่างแดน
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 322
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] <<รีวิว>> เรียนภาษาจีนที่ฮาร์บิ้นคอร์สระยะสั้น 4 เดือน ฟินๆ สำเนียงเป๊ะเว่อร์(กระทู้นี้ขอแชร์ประสบการณ์การเรียนล้วนๆค่ะ)
การตัดสินใจที่มาเรียนต่อที่ฮาร์บิ้น
หลายๆคนคงจะรู้อยู่แล้วว่าฮาร์บิ้นจะมีสำเนียงพูดภาษาจีนกลางที่ชัดเจนที่สุดกว่ามณฑลอื่นๆ และที่สำคัญที่สุดคือ ค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงมากนัก ถ้าเทียบกับไทยนี่คือพอๆ กันเลยค่ะ พออ้อเริ่มตัดสินใจได้แล้วว่าจะมาเรียนภาษาจีนที่ฮาร์บิ้นจึงได้หาข้อมูลการสมัครเรียนและได้มาเจอใน Facebook ที่ชื่อเพจ Study in Harbin และได้สอบถามข้อมูลไปจึงได้รู้จักกับเจ้าของเพจชื่อว่าน้องเอ็ม ซึ่งเป็นนักเรียนทุนอยู่ที่ฮาร์บิ้นค่ะ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่น้องเอ็มส่งให้ดูจะเป็นเงินหยวนทั้งหมด มีบางส่วนที่ใช้เงินไทย ซึ่งตอนนี้ถ้าใครได้ไปเรียนที่เมืองจีนซึ่งถ้าคิดค่าใช้จ่ายเป็นเงินหยวนจะมีราคาที่ถูกลงมาก ซึ่งตอนที่อ้อมาคิดเรทอยู่ที่ 4.7 บาทต่อ 1 หยวน ต่อมาเมื่ออ้อทำการสมัครเรียนกับทางน้องเอ็มไปแล้ว น้องเอ็มก็จะทำเรื่องสมัครเรียนกับมหาวิทยาลัยฮากงต้า (哈工大) ให้ จากนั้นเราก็รอการตอบกลับของเอกสาร admissions notice ส่งมาตามที่อยู่ที่เราได้แจ้งกับทีมงานไปค่ะ (สมัครกับของโครงการ Study in Harbin ไม่มีค่าดำเนินการใดๆทั้งสิ้นค่ะ นอกจากนี้ก่อนวันเดินทางมาเรียนที่ฮาร์บิ้น ทางทีมงานของน้องเอ็มจะมีการนัดติวปรับพื้นฐานภาษาจีนให้ฟรีอีก 1 วัน จะเป็นการสอนคำศัพท์ง่ายๆ เช่น การซื้อของ การสอบถามทาง และยังมีการแนะนำวิธีการเตรียมตัวที่จะไปใช้ชีวิตที่ฮาร์บิ้นให้อีกด้วย)
การทำเอกสารวีซ่านักเรียน
เมื่อเอกสาร admission notice มาถึงก็ให้รีบตรวจสอบรายชื่อของเราบนเอกสารว่าถูกต้องไหม ถ้าไม่ถูกต้องก็ให้รีบแจ้งทางน้องๆทีมงานก่อนเพื่อให้ทางมหาวิทยาลัยแก้ไขให้ใหม่ ขั้นตอนการทำวีซ่าถ้าใครไม่สะดวกที่จะทำวีซ่าเองหรือกลัววีซ่าจะไม่ผ่านหรือว่าอยู่ต่างจังหวัดก็สามารถแจ้งให้ทีมงานช่วยทำเอกสารให้ได้ แต่ถ้าใครสะดวกที่จะทำวีซ่าเองก็มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เอกสารที่ต้องเตรียมคือ
- รูปถ่ายขนาด 33 X 48 มม. พื้นหลังขาว ไม่ใส่เสื้อสีขาว ไม่ใส่เครื่องประดับ เช่น ต่างหู สร้อยคอ
- แบบฟอร์มยื่นขอวีซ่า (สามารถหาดาวน์โหลดได้ในเวปไซต์)
- สำเนาถ่ายเอกสารพาสปอร์ต
- สำเนาถ่ายเอกสาร admission notice
จากนั้นรอ 4 วันทำการของสถานฑูตจีน และไปรับเล่มกลับคืน
วันแรกของการมาถึงที่ฮาร์บิ้น
คอร์สที่อ้อมาเรียนเป็นช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน ความหนาวยังอยู่ที่ -9 องศายังมีหิมะตกปรอยๆ อ้อมาถึงวันที่ 12 มีนาคม (อ้อตามมาเรียนทีหลังค่ะ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้เปิดคอร์สไปแล้ว 2 อาทิตย์ ต้องมาอ่านตามเก็บศัพท์กับไวยากรณ์ทีหลังเอาเอง) เมื่อมาถึงที่ฮาร์บิ้นน้องๆทีมงานก็มารอต้อนรับที่หอพัก A13 ซึ่งเป็นหอพักของนักเรียนต่างชาติ(อันนี้ขอชื่นชมน้องเอ็มมากๆ อ้อเดินทางมาคนเดียวแต่ก็มีน้องๆทีมงานstaff มารอต้อนรับที่หอ A13 และทำเรื่องเรียนกับเรื่องหอพักให้ สะดวกมากๆ ไม่ต้องกลัวว่าโดนลอยแพหรือโดนทิ้งขว้างเลย) จากนั้นก็ทำการชำระเงินค่าหอพักจ่ายกับอาอี๋โดยตรงเลย และชำระค่าเทอมกับทางน้องเอ็มเลยจ่ายเป็นเงินหยวน (แต่ถ้าจะมาเองและติดต่อจ่ายค่าเทอมกับทางมหาวิทยาลัย ค่าเทอมเท่ากันเลยค่ะ แถมต้องวิ่งหาตึกติดต่อลงทะเบียนเองอีก ไม่ต้องกลัวว่าใช้เอเจนซี่จะเก็บแพงกว่าไหม ตอบได้เลยว่ามาเองกับใช้บริการของเอเจนซี่จ่ายเท่ากันเลย และยังได้รับบริการที่สะดวกสบายกว่ามาติดต่อเองอีกด้วย เพราะน้องเอ็มเป็นเด็กทุนทำให้งานกับมหาวิทยาลัยค่ะ) จากนั้นก็ไปสอบคัดเลือกเข้าห้อง ก็จะมีหลายระดับตั้งแต่ห้อง A จนถึง D สำหรับอ้อพอมีพื้นฐานของการอ่าน การพูดมาบ้าง สอบได้ห้อง B ในห้องมีทั้งคนไทย คนรัสเซีย คนเกาหลี คนอังกฤษ ปะปนกันไป ที่นี่จะสอนตั้งแต่วันจันทร์ - วันศุกร์ วันละ 2 วิชา วิชาละ 2 ชั่วโมง รวมเป็น 4 ชั่วโมงต่อวัน โดยประมาณ ไม่ต้องกลัวว่าเวลาว่างที่เหลือจะทำอะไรดีล่ะ ลงเรียนเพิ่มดีไหม บอกได้เลยว่าแค่ทำการบ้านก็หมดเวลาแล้ว ที่นี่การบ้านเยอะมากจริงๆ
บรรยากาศในห้องเรียน
ตารางเรียนของคลาสที่อ้อเรียนคือจันทร์ พุธ พฤหัสบดี ศุกร์จะเรียนช่วงเช้าตั้งแต่ 08.00 น. - 11.40 น. และวันอังคารเริ่มตั้งแต่ 13.00 น. - 16.30 น. เหล่าซือที่นี่ตรงต่อเวลามาก พอ 8 โมงปุ๊บ เช็คชื่อและเริ่มสอนทันที ไม่มีการรอกันให้มาครบก่อนแล้วค่อยสอน ดังนั้นที่นี้เรื่องเวลาการเข้าเรียนสำคัญมาก ถ้าจะให้ดีคืออย่ามาสาย เพราะไม่งั้นจะเรียนไม่รู้เรื่อง เมื่อถึงเวลาเลิกสอนก็จะเลิกสอนตรงเวลาเป๊ะเหมือนกัน สำหรับใครที่คิดว่าไม่มีพื้นฐานตั้งแต่ เปอ เพอ เมอ เฟอ เลยจะเรียนได้ไหม ตอบได้เลยว่าได้ เพราะเหล่าซือจะมีการนำรูปภาพ ภาษามือ และอังกฤษนิดๆหน่อยๆมาช่วยสอนเพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้น แต่ถ้าอยู่คลาสตั้งแต่ B ขึ้นไป เหล่าซือจะแต่พูดภาษาจีนทั้งคาบเรียน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เข้าใจ เพราะอย่างที่บอกเหล่าซือก็จะมีวิธีการสอนให้นักเรียนเข้าใจอีกนั่นแหละ บรรยากาศการสอน เหล่าซือจะถามคำถามและให้นักเรียนตอบคำถามตามไวยากรณ์ที่ได้สอนไปแล้ว ส่วนใหญ่ใครที่ชอบแอบเล่นโทรศัพท์และไม่ค่อยสนใจฟังจะโดนถามบ่อยมากถ้าตอบไม่ได้ก็จะแอบโดนว่าเบาๆ หรือยกตัวอย่างว่าเธอไม่สนใจฉันนะ แต่ก็ยังยกตัวอย่างให้ตรงกับไวยากรณ์ที่กำลังเรียนอยู่อีกนั่นแหละ ก็โดนดุกันไปเบาๆ ฮ่าฮ่าๆ
สำหรับเพื่อนในห้องเรียน วันแรกๆก็ไม่ค่อยกล้าเข้าหากันเท่าไหร่เพราะต่างคนต่างมาจากต่างถิ่น แต่เมื่อเราอยู่กันไปสักพักทุกคนในห้องก็เริ่มจะสนิทกันมากขึ้น เมื่อถึงเวลาพักเบรคทีไรก็คุยกันทุกที และที่มหาวิทยาลัยจะมีการจัดกิจกรรมบ่อยมากอย่างเช่น coffee corner ส่วนใหญ่จะจัดทุกวันศุกร์ที่ตึกนักเรียนต่างชาติ (留学生中心) เป็นการจัดกิจกรรมให้นักเรียนหลายๆชาติมาเจอกัน พูดคุยกัน หาเพื่อนใหม่ เป็นการฝึกฝนภาษาของเราด้วย และยังมีกิจกรรมอื่นๆที่เหล่าซือจัดขึ้นให้นักเรียนห้องอื่นๆเจอกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้รู้จักกับเพื่อนห้องอื่นๆอีกด้วย สำหรับบางวิชา เช่น วิชาพูด (口语) เหล่าซือก็จะให้จับกลุ่มออกไปเรียนรู้นอกห้องเรียน เช่น ไปสอบถามสัมภาษณ์คนจีน โดยเหล่าซือจะมีหัวข้อกำหนดให้ตามหลักไวยากรณ์ที่เรียนมาและกลับมาทำ Presentation รายงานหน้าชั้นเรียนว่าไปทำอะไรมาบ้าง สัมภาษณ์เป็นอย่างไร โดยทุกคนต้องมีบทพูดหน้าชั้นเรียนทุกคน สำหรับใครที่ขี้อาย ไม่ต้องกลัว เพราะได้พูดทุกคน ฮ่าๆๆ (เหล่าซือที่นี่จะจริงจังกับการสอนมากๆ และมีคะแนนให้ด้วย) หนังสือที่ใช้สอนจะใช้ตำราเรียนเดียวกับของมหาวิทยาลัยปักกิ่งจัดทำขึ้น 汉语教程 อ้อเรียนทั้งหมด 4 เล่ม จะมีวิชาไวยากรณ์(综合) 2 เล่ม , การพูด (口语) 1 เล่ม , การฟัง (听力) 1 เล่ม ทุกวันก่อนเริ่มเรียนเหล่าซือจะให้ท่องจำคำศัพท์และท่องบทเรียนท่องจนกว่าจะจำได้ (ถ้าใครจำไม่ได้แสดงว่าไม่เข้าเรียนแน่ๆ) และเมื่อเลิกเรียนเสร็จ เหล่าซือก็จะให้ทำการบ้าน คัดศัพท์ คัดบทเรียน ทำแบบฝึกหัดเรียงประโยค บางทีการบ้านก็เยอะมากจนไม่มีเวลาออกไปเที่ยวไหนเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะมาเรียนที่นี่ไม่ได้อะไรกลับไปถ้าคุณตั้งใจเรียนจริงๆ เข้าเรียนทุกวันทุกวิชา และไม่มาสาย ยังไงก็พูดภาษาจีนได้แน่นอน ระยะเวลาเรียน 4 เดือนที่นี่ ถ้าเทียบกับที่ไทยคือย่นระยะเวลาไปได้ปีกว่าๆเลยแหละ อาหารการกินของที่ฮาร์บิ้น
ร้านอาหารที่ฮาร์บิ้นจะมีหลากหลายมาก เช่น ร้านอาหารเกาหลี ร้านเนื้อปิ้งย่าง ร้านหม้อต้มสุกี้ ร้านหมาล่าทัง รสชาติอร่อยมาก โดยเฉพาะอาหารเกาหลีขอบอกอร่อยมากกกก แต่แอบแพงไปนิดนึงค่ะ ร้านอาหารจีนทั่วๆไปรสชาติคือคนไทยกินได้ น้ำมันก็จะเยิ้มๆหน่อยๆ แต่ถ้าอยากประหยัดเงินแนะนำให้ทานข้าวที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย 食堂 ราคาก็จะพอๆกับประเทศไทยเลยค่ะ ไม่แพง ใช้บัตรฟ่านข่าจ่ายเงินอาหาร ถ้าตังหมดก็สามารถเติมเงินได้ บัตรนี้สามารถซื้อของในร้านค้า超市ของมหาลัยได้อีกด้วย หรือถ้าใครทำกับข้าวเป็นก็แนะนำให้เอาเครื่องปรุงจากที่ไทยมาเผื่อด้วย เช่น น้ำปลา ผงปรุงรสต่างๆ น้ำพริกต่างๆ ทำอาหารทานเองก็ประหยัดเงินได้ดีทีเดียว หรือถ้าใครทำอาหารไม่เป็นก็จะมีน้องๆคนไทยที่เรียนอยู่ฮาร์บิ้นโพสต์ขายข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ข้าวหมูย่าง เป็นต้น รับรองได้เลยว่าไม่คิดถึงบ้านแน่นอน ฮ่าๆๆ
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในฮาร์บิ้น
เชื่อว่าหลายๆคนที่มาฮาร์บิ้นต้องหาสถานที่ท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศเมืองฮาร์บิ้นบ้าง พออ้อมาถึงเมืองฮาร์บิ้นอันดับแรกที่ต้องไปเลยคือถนนคนเดินจงยางต้าเจีย 中央大街 และโบสถ์เซนต์โซเฟียฮาร์บิ้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองฮาร์บิ้น ถนนจงยางต้าเจียต้องออกมาเดินเล่นช่วงเวลาเย็นๆค่ำๆ ประมาณ 6 โมงเย็นขึ้นไปจะเปิดไฟสวยมาก ยิ่งถ้าในช่วงวันหยุดหรือเทศกาลคนจีนจะพากันออกมาเดินเล่นเยอะมาก บางทีก็มีนักร้องเปิดหมวก หรือเหล่านักเต้นก็จะพากันมาเต้นโชว์ที่นี่ด้วย ...สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปแนะนำต่อในคอมเม้นท์จ้าาา
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้