สวัสดีค่ะ เราจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตตอนที่ไปเรียนภาษาจีนที่ประเทศจีน และอยากจะแนะนำใครที่จะไปเรียนให้เตรียมตัวดีๆ ทั้งเรื่องการเรียน ความแตกต่างทางวัฒนธรรม อาหารการกิน เสื้อผ้า หยูกยา และสำคัญที่สุดคือ ‘เตรียมใจ’ ค่ะ จะได้ไม่เกิด Culture Shock เอาทีหลัง อาการ Culture Shock นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว เช่น เมื่อคนจีนขากเสมหะลงพื้น เราคนไทยเห็นก็จะรู้สึกขยะแขยง รังเกียจ แต่นี่เป็นเรื่องปกติของบ้านเขามาก เอาละ...ออกทะเลไปพอแหละ เข้าเรื่องกันเถอะค่ะ
เรียนอะไรดีนะ..หลักสูตรแบบนี้
ทำไมเราถึงต้องพูดเรื่องนี้ก่อน นั่นก็เพราะมีหลายคนที่พอได้มาเรียนจริงๆ แล้ว ต้องรู้สึกผิดหวังกับหลักสูตรภาษาจีนของมหาวิทยาลัย เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนแรกเราคิดว่าหลักสูตรเรียนภาษาจีน 1 ปี จะได้เรียนตั้งแต่ระดับต้นไปจนถึงระดับสูง เรียนไล่ระดับไปเรื่อยๆ แต่พอเราได้ไปเรียนจริงๆ กลับต้องเลือกเรียนแค่ระดับใดระดับหนึ่งในหนึ่งเทอมเท่านั้น นั่นหมายความว่าเราจะไม่ได้อะไรเลย ถ้าเราไม่เรียนในระดับที่สูงกว่าระดับความรู้เดิมของเรา แต่ว่าขณะเดียวกันถ้าเรียนสูงเกินไปก็ยากที่จะเข้าใจคำศัพท์ ไวยากรณ์ การฟัง การอ่านที่ยากขึ้นตาม ซึ่งหลักสูตรของมหาวิทยาลัยที่เราเรียนมีถึง 6 ระดับด้วยกัน
คนที่มาเรียนภาษาจีนพร้อมเราก็คิดว่าการเรียนแบบนี้ไม่ดีเหมือนกัน เพราะเค้ามีความรู้พื้นฐานภาษาจีนน้อยมาก จึงอยากเรียนแบบไล่ระดับความยากง่ายเหมือนกัน 1 ปีเรียนได้แค่ 2 ระดับแบบนี้คุ้มไหมคะ อนึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรการเรียนการสอนแตกต่างกัน ทางที่ดีควรเมลถามมหาวิทยาลัยก่อนว่ามีหลักสูตรยังไง เรียนแบบไหน ไม่อย่างนั้นจะเสียทั้งเงินและเวลาเหมือนเรา
วีซ่าลั้ลลา
การขอวีซ่าจีน ที่จริงก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนะค่ะ แค่เตรียมเอกสารให้ครบ เอาไปยื่น รอรับ อีกสองสามวันก็ได้แหละ แต่ถ้าเอกสารตอบรับการเข้าเรียนของเราถูกส่งมาช้ากว่ากำหนด และเรากำลังจะบินไปจีนในอีกสองสามวัน มันจะเป็นอะไรที่วุ่นวายสุดขั้วมาก ถ้าใครเจอเหตุการณ์แบบนี้แนะนำให้ทำวีซ่าแบบเร่งด่วนพิเศษไปเลยค่ะ ค่าใช้จ่ายประมาณ 3000 บาท แพงกว่าแบบธรรมดามาก และต้องระบุเหตุผลในการขอด้วย(จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีนก็ได้) ค่ะ ถึงแม้จะจ่ายเงินแพงกว่า แต่ก็ได้รับภายในวันเดียวกันเลย สะดวกรวดเร็วมากค่ะ ทั้งนี้ก็ใช่ว่าทุกคนจะขอได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่อีกที
อิ่มพุงอิ่มใจ
ว่าด้วยเรื่องอาหาร เชื่อว่ากินอาหารจีนกันได้ไม่นานก็จะรู้สึกคิดถึงอาหารไทย ถ้าใครคิดจะทำอาหาร อย่างแรกที่เราต้องเอาไปด้วยเลยก็คือ น้ำปลา เมืองที่เราอยู่ไม่มีน้ำปลาไทยแท้ๆขายเลย จะมีก็แต่น้ำปลา(เขียนเป็นภาษาไทย)จากลาวเพื่อนบ้านของเรานี่เอง รสชาติก็ เหมือนน้ำเปล่าผสมอะไรที่เค็มๆเฉยๆ ไม่มีความเป็นน้ำปลาแท้เลยค่ะ อย่างที่สองคือ มะนาว จะแบบผงหรือแบบน้ำก็ได้ ส่วนตัวแนะนำแบบผงมากกว่า เพราะไม่เปลืองน้ำหนักกระเป๋า เก็บง่าย ซองหนึ่งใช้ได้หลายครั้ง และอย่างสุดท้ายก็คือ ผงเครื่องปรุงอาหารต่างๆ เช่น ผงลาบ ผงผัดกะเพรา ผงต้มยำ เป็นต้น
ส่วนใครที่คิดว่าเมืองจีนไม่มีพริกหรอก เพราะคนจีนไม่กินเผ็ด เป็นความคิดที่ผิดค่ะ คนจีนก็กินเผ็ดเหมือนกัน แต่เป็นแบบหม่าล่าคือ รสเผ็ดชา เพื่อนคนจีนเคยบอกว่า 越麻越辣 รสเผ็ดของที่นี่จึงต้องทั้งเผ็ดทั้งชาถึงจะอร่อยค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีพริกชี้ฟ้าขายนะ ร้านค้าที่นี่มีทั้งแบบเม็ดและแบบผงเลย ฉะนั้นใครที่กินเผ็ด ไม่ต้องกลัวว่ามาจีนจะไม่ได้กินอีกแล้วค่ะ
โกยยกตู้(เสื้อผ้า)
เมืองจีนมีตั้ง 4 ฤดู จะเอาอะไรไปบ้างดี...เสื้อกันหนาว ชุดเดรส กางเกงยีนส์ ชุดว่ายน้ำ เสื้อคลุม หมวกไหมพรม ถุงเท้า และเสื้อผ้าอื่นๆ อีกเป็นภูเขา ถ้าจะเยอะขนาดนี้ ระวังน้ำหนักกระเป๋าเกิน แล้วเราจะผลาญแบกไม่ไหวเอานะ แนะนำว่าไปซื้อที่ประเทศจีนเอาก็ได้ค่ะ เพราะที่นั่นมีแฟชั่นเสื้อผ้าหลากหลายและเลิศสุดๆ จะได้มีพื้นที่เหลือไว้เก็บของอย่างอื่นด้วย ราคาก็อาจจะแพงกว่าไทยหน่อยตามอัตราแลกเปลี่ยน แต่ว่าถ้าซื้อพวกเสื้อกันหนาว คุณภาพและการรักษาความอบอุ่นจะดีกว่า นอกจากนี้ยังมีให้เลือกหลายแบบกว่าด้วย หาซื้อได้ตามห้าง ศูนย์การค้า ร้านค้าแถวที่พัก หรือจะบนเว็บไซต์ เช่น TaoBao Tmall ก็ได้ ถ้าจะซื้อของบนเว็บไซต์ ต้องมีเบอร์โทรศัพท์จีนกับสมุดบัญชีที่เปิดในจีนด้วย การจัดส่งเร็วมากๆ คุณภาพสินค้าก็...ตาดีได้ตาร้ายเสีย และระวังของปลอมด้วยค่ะ
วัฒนธรรม...ประจำจีน
เราจะมาพูดเรื่องส้วม ส้วมกัน เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนต้องจำได้ไม่ลืมแน่นอน ถ้าได้ไปเที่ยวเมืองจีน เรายังจำตอนที่เราไปเที่ยวเมื่อสิบปีก่อนได้ ส้วมจีนจะเป็นแบบนั่งยอง และคนจีนมีนิสัยขับถ่ายแล้วไม่ราด อี๋! แต่ในปัจจุบันคนจีนก็เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเข้าห้องน้ำไปมาก ขับถ่ายกดน้ำ รักษาความสะอาดของห้องน้ำมากขึ้น ยกเว้นไปตามสถานที่ที่มีคนแออัด พอเข้าไปในห้องน้ำแล้ว จะเจอสภาพอารยธรรมที่สุมกองกันหลากสีสัน แปะป่ายตามขอบส้วมบางก็มี เราเคยไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างกันดารหน่อย ส้วมไม่เหมือนส้วมเลยค่ะ เรียกว่า ‘หลุม’ จะดีกว่า ไม่มีประตูปิด มีแต่ผนังปูนกันสูงประมาณ 50cm ใครผ่านไปผ่านมาเห็นหมดเลยค่ะ ถ้าใครรับสภาพนี้ไม่ไหว แนะนำให้เข้าห้องน้ำจากที่พักมาก่อนเลย หรือไม่ก็รอไปเข้าห้องน้ำที่สะอาดกว่า
เรื่องที่สองที่ทุกคนต้องทำใจกันเลยก็คือ ขากน้ำลาย ขากทุกที่ค่ะ ที่ไหนมีพื้นคนจีนขากได้หมด แม้แต่ในรถเมล์ก็ขาก ยกเว้นที่ห้างสรรพสินค้า อย่าเดินเพลินจนลืมดูพื้นนะค่ะ ไม่งั้นอาจเหยียบกับดักของใครสักคนเข้าก็ได้
เรื่องที่สาม คนจีนชอบพูดจาเสียงดัง อันนี้เรื่องจริง เราว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากวิธีการออกเสียงภาษาจีนด้วยแหละค่ะ อย่างตอนเราท่องศัพท์ด้วยน้ำเสียงปกติก็โดนพี่สาวบอกว่าพูดเสียงดังเลย พฤติกรรมที่คนจีนชอบพูดเสียงดังใส่กันจะเป็นการพูดคุยกันอย่างสนุกสนานซะมากกว่า ก็คล้ายๆ กับเวลาเราไปเดินตลาดที่ไทย แม่ค้าพ่อค้าก็จะพูดคุยกันเสียงดังอยู่แล้ว ซึ่งช่วยเรียกความสนใจของลูกค้าด้วย
สุดท้ายก็เรื่องเศษซากอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ คนจีนจะชอบทิ้งเศษกระดูกหรือสิ่งที่ไม่กินไว้บนโต๊ะ แล้วให้คนทำความสะอาดมาจัดการ เราเองก็ไม่เข้าใจทำไมเขาถึงแบบนั้น คนไทยเห็นคงจะรู้สึกว่าไม่มีมารยาทเลย ถึงยังไงเสียมันก็เป็นวัฒนธรรมของเขาค่ะ เราทำอะไรไม่ได้อยู่ดี จะทำได้อย่างเดียวก็คือ ‘ทำใจ’ ค่ะ
อากาศแบบนี้ไม่ไหวจะทน..
สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปเมืองจีนเลย อาจจะยังไม่รู้ว่าเมืองจีนมีมลพิษทางอากาศที่เรียกว่า 雾霾 แปลเป็นไทยว่า หมอกพิษ เป็นอันตรายต่อระบบการหายใจ จะพบเจอมากในช่วงฤดูหนาว ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการหายใจต้องคาดผ้าปิดปากเอาไว้นะค่ะ ไม่อย่างนั้นจมูกจะเต็มไปด้วยเศษผงดำๆ และจะหายใจไม่สะดวกด้วยค่ะ เราเคยแคะขี้มูกออกมามีแต่ก้อนดำๆทั้งนั้นเลย นอกจากนี้ช่วงหน้าหนาวอากาศจะแห้งมาก อาจทำให้จมูกแห้งและมีเลือดออกในโพรงจมูก แนะนำให้หาซื้อเครื่องพ่นไอน้ำมาตั้งไว้ในห้อง จะช่วยให้จมูกเราชุ่มชื้นขึ้นค่ะ หรือจะใช้สเปรย์ฉีดจมูกก็ได้ อันนี้คนอื่นแนะนำมา ราคาต่อขวดก็แพงอยู่เหมือนกัน
แบกเป้ตะลอนจีน
มาจีนทั้งทีใครจะไปอยากเรียนอย่างเดียวล่ะ..ใช่มั๊ย เรามีทิปส์ดีๆ มาบอก จะได้ท่องเที่ยวเมืองจีนแบบไม่ต้องพึ่งไกด์เลย ซึ่งเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้มาจากประสบการณ์จริงของเรา ที่ต้องไปล้มลุกคลุกคลานที่ปักกิ่งค่ะ บอกเลยว่าลืมไม่ลงจริงๆ
- สถานที่ท่องเที่ยว ถ้าตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ จะมีเสียงบรรยายภาษาไทยให้ ไปซื้อได้ที่เคาเตอร์ในสถานที่ท่องเที่ยวนั้นเลยค่ะ ต้องวางเงินมัดจำก่อน ใช้เสร็จแล้วก็เอาไปคืนเจ้าหน้าที่พร้อมรับเงินคืนค่ะ
- บัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ สามารถหาซื้อบัตรได้ที่เคาเตอร์ที่หน้าสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปเลยค่ะ ถ้าพกบัตรนักเรียนไปด้วย ราคาจะถูกกว่าบัตรปกติ หรือไม่ก็ซื้อผ่านแอพ จะได้ราคาถูกกว่าและอาจมีของแถมด้วยค่ะ แอพที่เราแนะนำก็มี 美团 กับ 去哪儿
- ทัวร์จีน อยากไปเที่ยวไกลๆ แต่ไม่รู้จะไปยังไงดี ซื้อทัวร์เลยค่ะ มีความปลอดภัย ไม่โดนต้มแน่นอน เพราะทัวร์พวกนี้จัดโดยบริษัททัวร์ขนาดใหญ่ เชื่อถือได้ค่ะ ไปเที่ยวกับทัวร์จีนต้องทำเวลาตามตารางที่กำหนดไว้นะค่ะ คนจีนให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามาก สามารถซื้อทัวร์ผ่านแอพที่เราให้ไว้ข้างบนได้ค่ะ แต่ว่าก่อนจ่ายเงินให้โทรถามพนังงานก่อนว่าใช้พาสปอร์ตได้ไหม เพราะเวลาเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต้องใช้พาสปอร์ตซื้อบัตรค่ะ
- ที่พัก เหมือนเดิมค่ะ ซื้อผ่านแอพสะดวกกว่า ราคาก็ถูกกว่าหน้าเคาเตอร์ด้วย ส่วนสภาพห้องก็ดูจากรีวิวหรือรูปภาพในแอพก็ได้ และอย่าลืมโทรสอบถามโรงแรมว่าให้คนต่างชาติเข้าพักได้ไหม เพราะบางที่เขาก็ไม่รับค่ะ มีเรื่องที่อยากจะเตือนอยู่อย่างค่ะ ถ้ากดจองห้องไปแล้ว รอให้ได้ข้อความตอบกลับจากทางโรงแรมก่อนเดินทางไปเข้าพักน่ะค่ะ เราเคยจองห้องพักไว้ห้องหนึ่ง แล้วพอเดินทางไปถึงโรงแรม กลับไม่มีโรงแรมที่จองไว้ค่ะ เดินหาตั้งนาน ถามคนนู้นคนนี้ก็ไม่มีใครรู้ โชคดีที่เรายังไม่ได้จ่ายเงิน ไม่งั้นคงถูกเชิดเงินค่าห้องไปแล้ว
- รถไฟ ถ้าจะซื้อตั๋วรถไฟจีน สามารถซื้อผ่านแอพหรือหน้าเว็บไซต์การรถไฟจีนได้ค่ะ มีหลายขบวนให้เลือกตั้งแต่รถไฟธรรมดาไปจนถึงรถด่วนพิเศษ ภายในรถไฟก็จะมีทั้งตู้นั่งและตู้นอน รถตู้นอนจะมี 3 ชั้น ราคาก็จะแตกต่างกันไป ชั้นล่างจะแพงสุด มีที่นั่งให้ไม่กี่ที่ ดังนั้นทุกคนก็จะมานั่งที่เตียงชั้นล่างหมดค่ะ มีอาหารขายบนรถไฟ ไม่ต้องห่วงเรื่องของกินเลย ห้องน้ำก็ใช้ได้ค่ะ แต่ก็จะมีกลิ่นบุหรี่ภายในตัวรถบ้าง ที่จริงมีบริเวณให้สูบบุหรี่ข้างนอกตู้นะค่ะ แต่บางคนก็ไม่ยอมออกไปสูบ แย่มาก พูดถึงสถานีรถไฟจีน ใครที่ซื้อตั๋วรถไฟแล้ว ควรมาถึงสถานีรถไฟก่อนรถออกสัก 1 ชั่วโมง เพราะต้องมาต่อคิวตรวจตั๋วรถไฟและหาชานชาลาของตัวเอง อย่าลืมเอาพาสปอร์ตมาด้วยนะค่ะ ต้องใช้ตอนตรวจตั๋วรถไฟ แล้วก็บางเมืองจะมีสถานีรถไฟ 2 แห่งดูในตั๋วรถไฟให้ดีๆ นะค่ะ หรือไม่ก็หาข้อมูลสถานีรถไฟของเมืองที่เราจะไปจากเว็บไซต์มาก่อนเลย เราเคยตกรถไฟเพราะไปผิดสถานีค่ะ คืนนั้นเลยต้องหาโรงแรมนอนและซื้อตั๋วใหม่เลยค่ะ อ้อ! ถ้าจะคืนตั๋วรถไฟให้คืนก่อนเวลารถไฟออกจากสถานีนะค่ะ ไม่งั้นจะไม่ได้เงินคืน
ป.ล.ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ทักมาหลังไมค์ได้นะค่ะ ยังมีอีกหลายอย่างที่เราอยากจะเล่า แต่ก็คงเขียนไม่หมดวันเดียวแน่
[[แชร์ประสบการณ์]] เรียนภาษาจีนที่จีน คิดให้ดีก่อนไป
เรียนอะไรดีนะ..หลักสูตรแบบนี้
ทำไมเราถึงต้องพูดเรื่องนี้ก่อน นั่นก็เพราะมีหลายคนที่พอได้มาเรียนจริงๆ แล้ว ต้องรู้สึกผิดหวังกับหลักสูตรภาษาจีนของมหาวิทยาลัย เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนแรกเราคิดว่าหลักสูตรเรียนภาษาจีน 1 ปี จะได้เรียนตั้งแต่ระดับต้นไปจนถึงระดับสูง เรียนไล่ระดับไปเรื่อยๆ แต่พอเราได้ไปเรียนจริงๆ กลับต้องเลือกเรียนแค่ระดับใดระดับหนึ่งในหนึ่งเทอมเท่านั้น นั่นหมายความว่าเราจะไม่ได้อะไรเลย ถ้าเราไม่เรียนในระดับที่สูงกว่าระดับความรู้เดิมของเรา แต่ว่าขณะเดียวกันถ้าเรียนสูงเกินไปก็ยากที่จะเข้าใจคำศัพท์ ไวยากรณ์ การฟัง การอ่านที่ยากขึ้นตาม ซึ่งหลักสูตรของมหาวิทยาลัยที่เราเรียนมีถึง 6 ระดับด้วยกัน
คนที่มาเรียนภาษาจีนพร้อมเราก็คิดว่าการเรียนแบบนี้ไม่ดีเหมือนกัน เพราะเค้ามีความรู้พื้นฐานภาษาจีนน้อยมาก จึงอยากเรียนแบบไล่ระดับความยากง่ายเหมือนกัน 1 ปีเรียนได้แค่ 2 ระดับแบบนี้คุ้มไหมคะ อนึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรการเรียนการสอนแตกต่างกัน ทางที่ดีควรเมลถามมหาวิทยาลัยก่อนว่ามีหลักสูตรยังไง เรียนแบบไหน ไม่อย่างนั้นจะเสียทั้งเงินและเวลาเหมือนเรา
วีซ่าลั้ลลา
การขอวีซ่าจีน ที่จริงก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนะค่ะ แค่เตรียมเอกสารให้ครบ เอาไปยื่น รอรับ อีกสองสามวันก็ได้แหละ แต่ถ้าเอกสารตอบรับการเข้าเรียนของเราถูกส่งมาช้ากว่ากำหนด และเรากำลังจะบินไปจีนในอีกสองสามวัน มันจะเป็นอะไรที่วุ่นวายสุดขั้วมาก ถ้าใครเจอเหตุการณ์แบบนี้แนะนำให้ทำวีซ่าแบบเร่งด่วนพิเศษไปเลยค่ะ ค่าใช้จ่ายประมาณ 3000 บาท แพงกว่าแบบธรรมดามาก และต้องระบุเหตุผลในการขอด้วย(จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีนก็ได้) ค่ะ ถึงแม้จะจ่ายเงินแพงกว่า แต่ก็ได้รับภายในวันเดียวกันเลย สะดวกรวดเร็วมากค่ะ ทั้งนี้ก็ใช่ว่าทุกคนจะขอได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่อีกที
อิ่มพุงอิ่มใจ
ว่าด้วยเรื่องอาหาร เชื่อว่ากินอาหารจีนกันได้ไม่นานก็จะรู้สึกคิดถึงอาหารไทย ถ้าใครคิดจะทำอาหาร อย่างแรกที่เราต้องเอาไปด้วยเลยก็คือ น้ำปลา เมืองที่เราอยู่ไม่มีน้ำปลาไทยแท้ๆขายเลย จะมีก็แต่น้ำปลา(เขียนเป็นภาษาไทย)จากลาวเพื่อนบ้านของเรานี่เอง รสชาติก็ เหมือนน้ำเปล่าผสมอะไรที่เค็มๆเฉยๆ ไม่มีความเป็นน้ำปลาแท้เลยค่ะ อย่างที่สองคือ มะนาว จะแบบผงหรือแบบน้ำก็ได้ ส่วนตัวแนะนำแบบผงมากกว่า เพราะไม่เปลืองน้ำหนักกระเป๋า เก็บง่าย ซองหนึ่งใช้ได้หลายครั้ง และอย่างสุดท้ายก็คือ ผงเครื่องปรุงอาหารต่างๆ เช่น ผงลาบ ผงผัดกะเพรา ผงต้มยำ เป็นต้น
ส่วนใครที่คิดว่าเมืองจีนไม่มีพริกหรอก เพราะคนจีนไม่กินเผ็ด เป็นความคิดที่ผิดค่ะ คนจีนก็กินเผ็ดเหมือนกัน แต่เป็นแบบหม่าล่าคือ รสเผ็ดชา เพื่อนคนจีนเคยบอกว่า 越麻越辣 รสเผ็ดของที่นี่จึงต้องทั้งเผ็ดทั้งชาถึงจะอร่อยค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีพริกชี้ฟ้าขายนะ ร้านค้าที่นี่มีทั้งแบบเม็ดและแบบผงเลย ฉะนั้นใครที่กินเผ็ด ไม่ต้องกลัวว่ามาจีนจะไม่ได้กินอีกแล้วค่ะ
โกยยกตู้(เสื้อผ้า)
เมืองจีนมีตั้ง 4 ฤดู จะเอาอะไรไปบ้างดี...เสื้อกันหนาว ชุดเดรส กางเกงยีนส์ ชุดว่ายน้ำ เสื้อคลุม หมวกไหมพรม ถุงเท้า และเสื้อผ้าอื่นๆ อีกเป็นภูเขา ถ้าจะเยอะขนาดนี้ ระวังน้ำหนักกระเป๋าเกิน แล้วเราจะผลาญแบกไม่ไหวเอานะ แนะนำว่าไปซื้อที่ประเทศจีนเอาก็ได้ค่ะ เพราะที่นั่นมีแฟชั่นเสื้อผ้าหลากหลายและเลิศสุดๆ จะได้มีพื้นที่เหลือไว้เก็บของอย่างอื่นด้วย ราคาก็อาจจะแพงกว่าไทยหน่อยตามอัตราแลกเปลี่ยน แต่ว่าถ้าซื้อพวกเสื้อกันหนาว คุณภาพและการรักษาความอบอุ่นจะดีกว่า นอกจากนี้ยังมีให้เลือกหลายแบบกว่าด้วย หาซื้อได้ตามห้าง ศูนย์การค้า ร้านค้าแถวที่พัก หรือจะบนเว็บไซต์ เช่น TaoBao Tmall ก็ได้ ถ้าจะซื้อของบนเว็บไซต์ ต้องมีเบอร์โทรศัพท์จีนกับสมุดบัญชีที่เปิดในจีนด้วย การจัดส่งเร็วมากๆ คุณภาพสินค้าก็...ตาดีได้ตาร้ายเสีย และระวังของปลอมด้วยค่ะ
วัฒนธรรม...ประจำจีน
เราจะมาพูดเรื่องส้วม ส้วมกัน เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนต้องจำได้ไม่ลืมแน่นอน ถ้าได้ไปเที่ยวเมืองจีน เรายังจำตอนที่เราไปเที่ยวเมื่อสิบปีก่อนได้ ส้วมจีนจะเป็นแบบนั่งยอง และคนจีนมีนิสัยขับถ่ายแล้วไม่ราด อี๋! แต่ในปัจจุบันคนจีนก็เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเข้าห้องน้ำไปมาก ขับถ่ายกดน้ำ รักษาความสะอาดของห้องน้ำมากขึ้น ยกเว้นไปตามสถานที่ที่มีคนแออัด พอเข้าไปในห้องน้ำแล้ว จะเจอสภาพอารยธรรมที่สุมกองกันหลากสีสัน แปะป่ายตามขอบส้วมบางก็มี เราเคยไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างกันดารหน่อย ส้วมไม่เหมือนส้วมเลยค่ะ เรียกว่า ‘หลุม’ จะดีกว่า ไม่มีประตูปิด มีแต่ผนังปูนกันสูงประมาณ 50cm ใครผ่านไปผ่านมาเห็นหมดเลยค่ะ ถ้าใครรับสภาพนี้ไม่ไหว แนะนำให้เข้าห้องน้ำจากที่พักมาก่อนเลย หรือไม่ก็รอไปเข้าห้องน้ำที่สะอาดกว่า
เรื่องที่สองที่ทุกคนต้องทำใจกันเลยก็คือ ขากน้ำลาย ขากทุกที่ค่ะ ที่ไหนมีพื้นคนจีนขากได้หมด แม้แต่ในรถเมล์ก็ขาก ยกเว้นที่ห้างสรรพสินค้า อย่าเดินเพลินจนลืมดูพื้นนะค่ะ ไม่งั้นอาจเหยียบกับดักของใครสักคนเข้าก็ได้
เรื่องที่สาม คนจีนชอบพูดจาเสียงดัง อันนี้เรื่องจริง เราว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากวิธีการออกเสียงภาษาจีนด้วยแหละค่ะ อย่างตอนเราท่องศัพท์ด้วยน้ำเสียงปกติก็โดนพี่สาวบอกว่าพูดเสียงดังเลย พฤติกรรมที่คนจีนชอบพูดเสียงดังใส่กันจะเป็นการพูดคุยกันอย่างสนุกสนานซะมากกว่า ก็คล้ายๆ กับเวลาเราไปเดินตลาดที่ไทย แม่ค้าพ่อค้าก็จะพูดคุยกันเสียงดังอยู่แล้ว ซึ่งช่วยเรียกความสนใจของลูกค้าด้วย
สุดท้ายก็เรื่องเศษซากอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ คนจีนจะชอบทิ้งเศษกระดูกหรือสิ่งที่ไม่กินไว้บนโต๊ะ แล้วให้คนทำความสะอาดมาจัดการ เราเองก็ไม่เข้าใจทำไมเขาถึงแบบนั้น คนไทยเห็นคงจะรู้สึกว่าไม่มีมารยาทเลย ถึงยังไงเสียมันก็เป็นวัฒนธรรมของเขาค่ะ เราทำอะไรไม่ได้อยู่ดี จะทำได้อย่างเดียวก็คือ ‘ทำใจ’ ค่ะ
อากาศแบบนี้ไม่ไหวจะทน..
สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปเมืองจีนเลย อาจจะยังไม่รู้ว่าเมืองจีนมีมลพิษทางอากาศที่เรียกว่า 雾霾 แปลเป็นไทยว่า หมอกพิษ เป็นอันตรายต่อระบบการหายใจ จะพบเจอมากในช่วงฤดูหนาว ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการหายใจต้องคาดผ้าปิดปากเอาไว้นะค่ะ ไม่อย่างนั้นจมูกจะเต็มไปด้วยเศษผงดำๆ และจะหายใจไม่สะดวกด้วยค่ะ เราเคยแคะขี้มูกออกมามีแต่ก้อนดำๆทั้งนั้นเลย นอกจากนี้ช่วงหน้าหนาวอากาศจะแห้งมาก อาจทำให้จมูกแห้งและมีเลือดออกในโพรงจมูก แนะนำให้หาซื้อเครื่องพ่นไอน้ำมาตั้งไว้ในห้อง จะช่วยให้จมูกเราชุ่มชื้นขึ้นค่ะ หรือจะใช้สเปรย์ฉีดจมูกก็ได้ อันนี้คนอื่นแนะนำมา ราคาต่อขวดก็แพงอยู่เหมือนกัน
แบกเป้ตะลอนจีน
มาจีนทั้งทีใครจะไปอยากเรียนอย่างเดียวล่ะ..ใช่มั๊ย เรามีทิปส์ดีๆ มาบอก จะได้ท่องเที่ยวเมืองจีนแบบไม่ต้องพึ่งไกด์เลย ซึ่งเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้มาจากประสบการณ์จริงของเรา ที่ต้องไปล้มลุกคลุกคลานที่ปักกิ่งค่ะ บอกเลยว่าลืมไม่ลงจริงๆ
- สถานที่ท่องเที่ยว ถ้าตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ จะมีเสียงบรรยายภาษาไทยให้ ไปซื้อได้ที่เคาเตอร์ในสถานที่ท่องเที่ยวนั้นเลยค่ะ ต้องวางเงินมัดจำก่อน ใช้เสร็จแล้วก็เอาไปคืนเจ้าหน้าที่พร้อมรับเงินคืนค่ะ
- บัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ สามารถหาซื้อบัตรได้ที่เคาเตอร์ที่หน้าสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปเลยค่ะ ถ้าพกบัตรนักเรียนไปด้วย ราคาจะถูกกว่าบัตรปกติ หรือไม่ก็ซื้อผ่านแอพ จะได้ราคาถูกกว่าและอาจมีของแถมด้วยค่ะ แอพที่เราแนะนำก็มี 美团 กับ 去哪儿
- ทัวร์จีน อยากไปเที่ยวไกลๆ แต่ไม่รู้จะไปยังไงดี ซื้อทัวร์เลยค่ะ มีความปลอดภัย ไม่โดนต้มแน่นอน เพราะทัวร์พวกนี้จัดโดยบริษัททัวร์ขนาดใหญ่ เชื่อถือได้ค่ะ ไปเที่ยวกับทัวร์จีนต้องทำเวลาตามตารางที่กำหนดไว้นะค่ะ คนจีนให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามาก สามารถซื้อทัวร์ผ่านแอพที่เราให้ไว้ข้างบนได้ค่ะ แต่ว่าก่อนจ่ายเงินให้โทรถามพนังงานก่อนว่าใช้พาสปอร์ตได้ไหม เพราะเวลาเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต้องใช้พาสปอร์ตซื้อบัตรค่ะ
- ที่พัก เหมือนเดิมค่ะ ซื้อผ่านแอพสะดวกกว่า ราคาก็ถูกกว่าหน้าเคาเตอร์ด้วย ส่วนสภาพห้องก็ดูจากรีวิวหรือรูปภาพในแอพก็ได้ และอย่าลืมโทรสอบถามโรงแรมว่าให้คนต่างชาติเข้าพักได้ไหม เพราะบางที่เขาก็ไม่รับค่ะ มีเรื่องที่อยากจะเตือนอยู่อย่างค่ะ ถ้ากดจองห้องไปแล้ว รอให้ได้ข้อความตอบกลับจากทางโรงแรมก่อนเดินทางไปเข้าพักน่ะค่ะ เราเคยจองห้องพักไว้ห้องหนึ่ง แล้วพอเดินทางไปถึงโรงแรม กลับไม่มีโรงแรมที่จองไว้ค่ะ เดินหาตั้งนาน ถามคนนู้นคนนี้ก็ไม่มีใครรู้ โชคดีที่เรายังไม่ได้จ่ายเงิน ไม่งั้นคงถูกเชิดเงินค่าห้องไปแล้ว
- รถไฟ ถ้าจะซื้อตั๋วรถไฟจีน สามารถซื้อผ่านแอพหรือหน้าเว็บไซต์การรถไฟจีนได้ค่ะ มีหลายขบวนให้เลือกตั้งแต่รถไฟธรรมดาไปจนถึงรถด่วนพิเศษ ภายในรถไฟก็จะมีทั้งตู้นั่งและตู้นอน รถตู้นอนจะมี 3 ชั้น ราคาก็จะแตกต่างกันไป ชั้นล่างจะแพงสุด มีที่นั่งให้ไม่กี่ที่ ดังนั้นทุกคนก็จะมานั่งที่เตียงชั้นล่างหมดค่ะ มีอาหารขายบนรถไฟ ไม่ต้องห่วงเรื่องของกินเลย ห้องน้ำก็ใช้ได้ค่ะ แต่ก็จะมีกลิ่นบุหรี่ภายในตัวรถบ้าง ที่จริงมีบริเวณให้สูบบุหรี่ข้างนอกตู้นะค่ะ แต่บางคนก็ไม่ยอมออกไปสูบ แย่มาก พูดถึงสถานีรถไฟจีน ใครที่ซื้อตั๋วรถไฟแล้ว ควรมาถึงสถานีรถไฟก่อนรถออกสัก 1 ชั่วโมง เพราะต้องมาต่อคิวตรวจตั๋วรถไฟและหาชานชาลาของตัวเอง อย่าลืมเอาพาสปอร์ตมาด้วยนะค่ะ ต้องใช้ตอนตรวจตั๋วรถไฟ แล้วก็บางเมืองจะมีสถานีรถไฟ 2 แห่งดูในตั๋วรถไฟให้ดีๆ นะค่ะ หรือไม่ก็หาข้อมูลสถานีรถไฟของเมืองที่เราจะไปจากเว็บไซต์มาก่อนเลย เราเคยตกรถไฟเพราะไปผิดสถานีค่ะ คืนนั้นเลยต้องหาโรงแรมนอนและซื้อตั๋วใหม่เลยค่ะ อ้อ! ถ้าจะคืนตั๋วรถไฟให้คืนก่อนเวลารถไฟออกจากสถานีนะค่ะ ไม่งั้นจะไม่ได้เงินคืน
ป.ล.ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ทักมาหลังไมค์ได้นะค่ะ ยังมีอีกหลายอย่างที่เราอยากจะเล่า แต่ก็คงเขียนไม่หมดวันเดียวแน่