ตอนที่ 17 : “วันสุดท้ายของชีวิต”
——————————————
บทความรีวิว โรงพยาบาลพิษณุเวช, พิษณุโลก
หัวข้อ : 'เมื่อผมคิดว่าตัวเองเป็นไข้ แต่มารู้ตัวอีกทีว่ากำลังจะตายเพราะหัวใจล้มเหลว’
วันนี้.....
....คือวันที่ 17 สิงหาคม 2562
เป็นวันที่ผมพอจะบันทึก
...ความทรงจำสุดท้าย....
....ทิ้งไว้ในมือถือก่อนส่งคืนให้แฟน
ผมสั่งเสียทุกอย่าง...
.....ที่เป็นความลับไว้ในนั้นหมดแล้ว
หากไม่ได้กลับออกไปอีก
....
6.00 นาฬิกา...
พยาบาลสาวท่านหนึ่ง
เข้ามาโกนขนส่วนหน้าอกของผม
...ทั้งที่ไม่มี
เลยโกนแถวหัวนมแก้เขิน
....เพื่ออะไรก็ไม่รู้
....หมอเจษฎาแกจะกรีดไปถึงตรงนั้นเลยหรือยังไง
หลังจากนั้นก็แจ้งว่าผมควรอาบน้ำให้เรียบร้อย
จบด้วยการอาบน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งร่าง
วันนี้หนาวเป็นพิเศษ
……
7.00 นาฬิกา
แม่และพี่ชาย...
....เดินทางจากบ้านมาถึงหน้าห้องผ่าตัด
ความกลัวและกังวลของครอบครัว
....แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน
ทำให้บรรยากาศโดยรวมไม่ค่อยดีเท่าไร
การปลอบประโลม
.....เกี่ยวกับความมั่นใจของทางทีมแพทย์ที่นี่
คือสิ่งเดียวที่ผมจะบอกพวกเขาได้
ว่าไม่ต้องกังวล
อีกอย่าง...
....กำลังใจผมนั้นเป็นปกติ
...ไม่ได้หวาดกลัวต่ออะไรเลย
……
ในการผ่าตัดใหญ่นั้น...
จะต้องมีคนเซ็นต์ยินยอมการผ่าตัด...
ทั้งผู้ป่วย....
.....และผู้ที่รับรู้เหตุการณ์ในครั้งนี้
อันที่จริง
....ผมก็เตรียมสภาพจิตใจ
....มานานมากเกินไปแล้ว
มันควรจะจบลงเสียที
ถ้าหากจะเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงขึ้นมาจริงๆ
....ผมไม่ถือโทษโกรธใคร
ถ้าตลอดลมหายใจของผมที่ผ่านมาในรอบ 34 ปี
...จะหมดลงในวันนี้
....ผมก็ไม่มีอะไรขัดขืน
ยินดีคืนทุกอย่างสู่ธรรมชาติ
……
เจ้าหน้าที่เริ่มให้ผมย้ายตัวเอง...
....เข้าสู่เตียงอีกแบบ
แล้วค่อยๆเข็นเข้าสู่ห้องผ่าตัด
‘แม่’ …..
บุพการีเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้
มาส่งลูกชายของแก.....
....ได้แค่หน้าประตู
พร้อมสีหน้าที่กังวล
เห็นได้ชัดว่ากลั้นอาการร้องไห้เอาไว้
นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายแล้วที่ผมได้เห็น
ในตอนหัวใจ...ยังคงเป็นระบบเนื้อเยื่อ
…..
เตียงของผมถูกเข็นเข้าสู่ส่วนผ่าตัดใหญ่ของห้อง
....บรรยากาศหนาวยะเยือกจนสั่นไปทั้งตัว
เจ้าหน้าที่ราว 10 คน
....หรือมากกว่า
เดินขวั่กไขว่วุ่นวายไปหมด
เริ่มมีการเช็คสายสวนเลือด....
....หรือสายน้ำเกลือที่มือซ้าย
ก่อนจะมีการเจาะเพิ่มที่มือขวา...
....ด้วยเข็มที่ใหญ่กว่าปกติ ปลอกสีเขียว
(เรียงลำดับขนาดความใหญ่
เหลือง > ฟ้า > ม่วง > เขียว > ดำ)
นอกจากนี้ก็จำได้ว่าตอนที่ยังไม่รู้สึกตัว...
....เจ้าหน้าที่ก็มีการแทงสายสวน
...เส้นหลอดเลือดแดง
(Arterial Line หรือ A-Line)
แน่นอน...เจ็บกว่าดำเยอะ
เหตุผลที่ต้องแทง...
.....ก็เพราะว่าผู้ป่วยวิกฤต
ความดันเลือดจะเปลี่ยนตลอดเวลา
จุดที่โดนคือหลอดเลือดแดงที่ข้อมือ
....ตำแหน่งข้อมือต่ำจากนิ้วโป้ง (Radial Artery)
พยาบาลบอกว่า
....จุดนี้เป็นจุดที่แทงยากมาก
มีแทงแล้วเส้นแตกด้วย..
....กว่าจะได้ก็สามรูมั้ง
ต้องนำด้วยยาชาก่อน
…..
ผมถูกทำให้นอนกางแขนออก
....เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ
และความหนาวเหน็บในห้องที่ผิดวิสัยมนุษย์
....เริ่มทำให้ผมคุ้นชิน
ไม่มีเงาของอาจารย์หมอเจษฎาเลย...
ผมต้องนอนรอแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไร...
.....ระหว่างที่ความคิดนี้เกิดขึ้น
ภาพก็ตัดไปแบบไม่รู้ตัว...
…….
ชีวิตในวัย 34 ปีของผม....
....คงจบลงเพียงเท่านี้
……
[ปัจฉิมลิขิตท้ายตอน...]
ชอบมีคนถามผมว่า....
....ช่วงเวลา 1 ชั่วโมง กว่าๆ
ในข้อมูลที่ระบุไว้ว่า...
...หมอย้ายเอาชีวิตของผม....
....ไปลงอยู่ในกล่องหัวใจและปอดเทียม
ช่วงเวลานั้น ...
....สีผิวผมซีดเผือด
....อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง
....อยู่ในระดับเกือบ 18 องศา
หรืออาจจะต่ำกว่า...
สภาพตอนนั้น...
....ก็ไม่ต่างกับคนที่ตายไปแล้วเท่าไร
แล้วผมไปทำอะไรอยู่ที่ไหน
…..
ตอบได้แค่ว่า....
....ผมอาจจะเป็นคนที่เลวร้ายมากๆเลยมั้ง
ขนาดที่ ‘นรก’ หรือ ‘สวรรค์’
....ผมก็ไม่มีสิทธิ์ได้เห็น
ที่นั่น...ไม่มีอะไรเลย
ไม่มีความรัก, โลภ, โกรธ, หลงรู้ตัวทุกอย่าง.... แต่ไม่มีความรู้สึก...
...ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
มีแต่ความมืด....ที่แผ่กว้างออกไป
....มีแต่ความว่างเปล่า
เราก็เป็นแค่พลังงาน
....ตัวตน หรืออะไรที่เป็นของเรา
....ยังไม่มีเลย
เอาอะไรไปไม่ได้เลยสักอย่าง
ถ้าผมจะตายไปจริงๆ.... ผมก็แค่อยู่ที่นั่น
ไม่ได้ออกไปไหน รอแตกสลายไป....
....ร่างก็ย่อยคืนกลับสู่จักรวาล
เชื่อผมสิ....
....สำหรับคนที่ยังมีแรงขับดันในชีวิตเต็มเปี่ยม
คุณไม่อยากไปที่นั่นหรอก
…..
จิตสุดท้ายใครจะไปที่ไหนผมคงตอบให้เหมือนกันทุกไม่ได้ รู้แค่ว่าช่วงเวลาสุดท้ายก่อนเข้าผ่าตัดผมได้ปลดล็อกทุกอย่าง
จึงไม่เหลือความกังวลอะไรให้ค้างคาอีก
[ตอนที่ 17/24] "เมื่อผมคิดว่าตัวเองเป็นไข้ แต่รู้ตัวอีกทีว่ากำลังจะตายจากโรคหัวใจล้มเหลว"
——————————————
บทความรีวิว โรงพยาบาลพิษณุเวช, พิษณุโลก
หัวข้อ : 'เมื่อผมคิดว่าตัวเองเป็นไข้ แต่มารู้ตัวอีกทีว่ากำลังจะตายเพราะหัวใจล้มเหลว’
วันนี้.....
....คือวันที่ 17 สิงหาคม 2562
เป็นวันที่ผมพอจะบันทึก
...ความทรงจำสุดท้าย....
....ทิ้งไว้ในมือถือก่อนส่งคืนให้แฟน
ผมสั่งเสียทุกอย่าง...
.....ที่เป็นความลับไว้ในนั้นหมดแล้ว
หากไม่ได้กลับออกไปอีก
....
6.00 นาฬิกา...
พยาบาลสาวท่านหนึ่ง
เข้ามาโกนขนส่วนหน้าอกของผม
...ทั้งที่ไม่มี
เลยโกนแถวหัวนมแก้เขิน
....เพื่ออะไรก็ไม่รู้
....หมอเจษฎาแกจะกรีดไปถึงตรงนั้นเลยหรือยังไง
หลังจากนั้นก็แจ้งว่าผมควรอาบน้ำให้เรียบร้อย
จบด้วยการอาบน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งร่าง
วันนี้หนาวเป็นพิเศษ
……
7.00 นาฬิกา
แม่และพี่ชาย...
....เดินทางจากบ้านมาถึงหน้าห้องผ่าตัด
ความกลัวและกังวลของครอบครัว
....แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน
ทำให้บรรยากาศโดยรวมไม่ค่อยดีเท่าไร
การปลอบประโลม
.....เกี่ยวกับความมั่นใจของทางทีมแพทย์ที่นี่
คือสิ่งเดียวที่ผมจะบอกพวกเขาได้
ว่าไม่ต้องกังวล
อีกอย่าง...
....กำลังใจผมนั้นเป็นปกติ
...ไม่ได้หวาดกลัวต่ออะไรเลย
……
ในการผ่าตัดใหญ่นั้น...
จะต้องมีคนเซ็นต์ยินยอมการผ่าตัด...
ทั้งผู้ป่วย....
.....และผู้ที่รับรู้เหตุการณ์ในครั้งนี้
อันที่จริง
....ผมก็เตรียมสภาพจิตใจ
....มานานมากเกินไปแล้ว
มันควรจะจบลงเสียที
ถ้าหากจะเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงขึ้นมาจริงๆ
....ผมไม่ถือโทษโกรธใคร
ถ้าตลอดลมหายใจของผมที่ผ่านมาในรอบ 34 ปี
...จะหมดลงในวันนี้
....ผมก็ไม่มีอะไรขัดขืน
ยินดีคืนทุกอย่างสู่ธรรมชาติ
……
เจ้าหน้าที่เริ่มให้ผมย้ายตัวเอง...
....เข้าสู่เตียงอีกแบบ
แล้วค่อยๆเข็นเข้าสู่ห้องผ่าตัด
‘แม่’ …..
บุพการีเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้
มาส่งลูกชายของแก.....
....ได้แค่หน้าประตู
พร้อมสีหน้าที่กังวล
เห็นได้ชัดว่ากลั้นอาการร้องไห้เอาไว้
นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายแล้วที่ผมได้เห็น
ในตอนหัวใจ...ยังคงเป็นระบบเนื้อเยื่อ
…..
เตียงของผมถูกเข็นเข้าสู่ส่วนผ่าตัดใหญ่ของห้อง
....บรรยากาศหนาวยะเยือกจนสั่นไปทั้งตัว
เจ้าหน้าที่ราว 10 คน
....หรือมากกว่า
เดินขวั่กไขว่วุ่นวายไปหมด
เริ่มมีการเช็คสายสวนเลือด....
....หรือสายน้ำเกลือที่มือซ้าย
ก่อนจะมีการเจาะเพิ่มที่มือขวา...
....ด้วยเข็มที่ใหญ่กว่าปกติ ปลอกสีเขียว
(เรียงลำดับขนาดความใหญ่
เหลือง > ฟ้า > ม่วง > เขียว > ดำ)
นอกจากนี้ก็จำได้ว่าตอนที่ยังไม่รู้สึกตัว...
....เจ้าหน้าที่ก็มีการแทงสายสวน
...เส้นหลอดเลือดแดง
(Arterial Line หรือ A-Line)
แน่นอน...เจ็บกว่าดำเยอะ
เหตุผลที่ต้องแทง...
.....ก็เพราะว่าผู้ป่วยวิกฤต
ความดันเลือดจะเปลี่ยนตลอดเวลา
จุดที่โดนคือหลอดเลือดแดงที่ข้อมือ
....ตำแหน่งข้อมือต่ำจากนิ้วโป้ง (Radial Artery)
พยาบาลบอกว่า
....จุดนี้เป็นจุดที่แทงยากมาก
มีแทงแล้วเส้นแตกด้วย..
....กว่าจะได้ก็สามรูมั้ง
ต้องนำด้วยยาชาก่อน
…..
ผมถูกทำให้นอนกางแขนออก
....เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ
และความหนาวเหน็บในห้องที่ผิดวิสัยมนุษย์
....เริ่มทำให้ผมคุ้นชิน
ไม่มีเงาของอาจารย์หมอเจษฎาเลย...
ผมต้องนอนรอแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไร...
.....ระหว่างที่ความคิดนี้เกิดขึ้น
ภาพก็ตัดไปแบบไม่รู้ตัว...
…….
ชีวิตในวัย 34 ปีของผม....
....คงจบลงเพียงเท่านี้
……
[ปัจฉิมลิขิตท้ายตอน...]
ชอบมีคนถามผมว่า....
....ช่วงเวลา 1 ชั่วโมง กว่าๆ
ในข้อมูลที่ระบุไว้ว่า...
...หมอย้ายเอาชีวิตของผม....
....ไปลงอยู่ในกล่องหัวใจและปอดเทียม
ช่วงเวลานั้น ...
....สีผิวผมซีดเผือด
....อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง
....อยู่ในระดับเกือบ 18 องศา
หรืออาจจะต่ำกว่า...
สภาพตอนนั้น...
....ก็ไม่ต่างกับคนที่ตายไปแล้วเท่าไร
แล้วผมไปทำอะไรอยู่ที่ไหน
…..
ตอบได้แค่ว่า....
....ผมอาจจะเป็นคนที่เลวร้ายมากๆเลยมั้ง
ขนาดที่ ‘นรก’ หรือ ‘สวรรค์’
....ผมก็ไม่มีสิทธิ์ได้เห็น
ที่นั่น...ไม่มีอะไรเลย
ไม่มีความรัก, โลภ, โกรธ, หลงรู้ตัวทุกอย่าง.... แต่ไม่มีความรู้สึก...
...ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
มีแต่ความมืด....ที่แผ่กว้างออกไป
....มีแต่ความว่างเปล่า
เราก็เป็นแค่พลังงาน
....ตัวตน หรืออะไรที่เป็นของเรา
....ยังไม่มีเลย
เอาอะไรไปไม่ได้เลยสักอย่าง
ถ้าผมจะตายไปจริงๆ.... ผมก็แค่อยู่ที่นั่น
ไม่ได้ออกไปไหน รอแตกสลายไป....
....ร่างก็ย่อยคืนกลับสู่จักรวาล
เชื่อผมสิ....
....สำหรับคนที่ยังมีแรงขับดันในชีวิตเต็มเปี่ยม
คุณไม่อยากไปที่นั่นหรอก
…..