พนักงานธนาคาร อาชีพที่น่าสงสารที่สุดตอนนี้

สวัสดีครับผมเป็นสมาชิกใหม่ มีเรื่องอัดอั้นใจจะเล่าให้ฟังครับ 

ครอบครัวผมทำงานธนาคาร...(สีม่วง)  ซึ่งได้รับผลกระทบมาก จากภาวะยุคดิจิตอล ที่จะสนับสนุนให้คนหันมาใช้แอพพิเคชั่น ในการเบิกจ่ายเงินแทนการเข้าไปทำรายการในธนาคาร ผมไม่ทราบว่านโยบายนี้เป็นของใคร แบงค์ชาติหรือว่าธนาคารเองแต่มีหลายธนาคารใช้ระบบเดียวกัน ผลกระทบที่ไม่เป็นธรรมนี้ตกอยู่ที่พนักงาน ธนาคาร (สีม่วง)มีนโยบายลดสาขาลงเป็นจำนวนมาก จะเห็นได้ว่ามีสาขาทยอยปิดตัวไปแล้วมากมาย ในเมื่อลดสาขา พนักงานก็ต้องถูกลดด้วย และมีเป้าปรับลดพนักงานลงจำนวนมาก แต่ธนาคารมีนโยบายที่ไม่เป็นธรรม คือใช้วิธีบีบพนักงาน ให้พนักงานขายผลิตภัณฑ์ของธนาคารในเป้าที่สูง และเร่งรัดทุกวัน พนักงานอยู่แบบหวาดหวั่นและเครียด คนไหนขายได้ ก็รอตัวไป คนไหนไม่ได้ กูถูกเขตต่างๆเรียกพบบ้าง ประชุมบ้าง ให้มาทำงานเดินตลาดในวันหยุดบ้าง หนักเข้าพอไม่มีผลงานก็จับโยกย้าย ไปไกลๆ บางคนโชคร้าย ย้ายข้ามจังหวัดก็มี บีบทุกวิถีทางให้ลาออกเอง เพื่อที่จะไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย โบนัสจากเคยได้ ปีล่ะ 4-6 เดือน ก็ปรับลดแบบน่าตกใจ เหลือไม่ถึงครึ่งแล้วแต่ผลงานคะแนนประเมิน พอร้องเรียนเข้าสหภาพ ก็จะถูกตามสอบสวน อย่างหนัก และถ้ารู้ตัวคืออยู่ไม่ได้ บีบจนตัองทยอยลาออกไปหลายคน ชีวิตพนักงานตอนนี้สิ้นหวังมาก ขาดที่ผึ่ง แบงค์ชาติก็ไม่เคยมาดูแล กรมแรงงานก็ไม่เคยมีบทบาท จะตกงานกันวันไหนไม่มีใครรู้ สหภาพแรงงานก็ไม่เข้มแข็งพอที่จะต่อรองอะไรได้ สุดท้ายความโชคร้ายตกมาอยู่ที่ครอบครัวพนักงาน เมื่อเสาหลักของบ้านถูกบีบจนต้องลาออกเอง ครอบครัวก็เค้วงคว้างไร้ที่ผึ่ง วอนผู้เห็นใจและเกี่ยวข้องช่วยเข้ามาดูแลช่วยเหลือพนักงานธนาคารให้ได้รับความเป็นธรรมด้วยครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ก่อนหน้านี้เคยคิดสงสารอาชีพอื่นมาก่อนไหมครับ
ความคิดเห็นที่ 7
แล้วนักลงทุนที่ติดดอยหุ้นธนาคารละครับ.. ใครช่วยได้บ้างครับ มาช่วยหน่อย บางคน kbank 200บาท

อ่อ แล้วตาสีตาสาที่ชอบโดนพนักงานหลอกทำประกัน แต่ไม่ยอมบอกว่าไถ่ถอนได้คืนเต็มจำนวนตอนอายุ99ปีละครับ..? เป็นข่าวตามโซเชียลมากมาย

สุดท้ายทุกอย่างคงต้องปรับตัว จะโทษนุ่นนี่นั่นคงไม่ได้นะครับ ถ้าบริษัทอุ้มพนักงาน ต้นทุนสูง กำไรหด คงรอวันเจ๊ง สุดท้ายก็ไม่เหลือใครเลยสักคน

เขาก็ต้องพยายามในแบบของเขา เราก็ต้องพยายามในแบบของเราละครับ..

เขาปรับตัวแล้ว เราปรับตัวบ้างหรือยัง.. ทุกฝ่ายต้องปรับตัว จะทำอะไรจะมัวรอคอยแบบเดิมๆรอไปวันๆคงไม่ทันยุคสมัยที่เปลี่ยนไปแน่นอน..
ความคิดเห็นที่ 12
เข้าใจว่าไม่ได้ผิดที่การมีแอพ แต่เป็นการบีบให้ออกขององค์กร ส่วนตัวมองว่าองค์กรไหนทำแบบนี้ถือว่าไม่แฟร์และเห็นแก่ตัวมาก
ปัญหาการบีบออกจากที่ทำงานเนี่ยจริง ๆ แล้วควรจะมีการบัญญัติในกฎหมายแรงงานได้แล้วว่าเป็นรูปแบบนึงของการไล่ออก เพื่อที่ลูกจ้างที่ถูกบีบจะสามารถได้รับสิทธิชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
ความคิดเห็นที่ 5
เข้าใจและเห็นใจครับ ผมเคยทำงานธนาคาร อยู่สาขาโดนบีบหนักเหมือนกัน ก็ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าธุรกิจต้องมีรายได้มาหล่อเลี้ยงธนาคารและพนักงาน ผลประกอบการที่ดีสำหรับผู้ถือหุ้น แต่ตอนนี้ธนาคารโดนบีบหนักหลายช่องทางให้ลดรายได้ที่เคยได้ เช่น ค่าธรรมเนียมโอนเงิน,บัตรเอทีเอ็ม ค่าธรรมเนียมหายไปเยอะ ธนาคารก็ต้องหาค่าธรรมเนียมอย่างอื่นมาทดแทน เช่น การขายต่างๆที่ได้ค่าคอม อีกทั้งยังต้องลดค่าใช้จ่ายไม่ว่าค่าเช่าอาคาร เงินเดือนพนักงานส่วนเกิน หลายๆอย่างมากระทบองค์กร ไม่ใช่งานธนาคารอาชีพเดียวหรอกครับที่โดนปัญหาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่มากระทบธุรกิจ หลายๆอาชีพก็กระทบเหมือนกัน งานด้านสื่อมวลชน ทีวีดิจิตอล บริษัทที่เกี่ยวกับธุรกิจหนังสือ ฯลฯก็โดนเหมือนกัน พนักงานก็ต้องวางแผนหาทางหนีทีไล่ ปรับตัวกันไป ไปทำอาชีพส่วนตัว ค้าขายออนไลน์ก็กำลังโดนทุนใหญ่กดดันมาติดๆ สู้กันไปครับ อาจจะพบช่องทางอาชีพที่เหมาะกับเรา
ความคิดเห็นที่ 85
เห็นใจนะครับ  แต่นี่ก็คือโลกความจริง ที่เป็นผลกระทบที่มากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกไปและทำให้บางอาชีพที่ไม่จำเป็นแล้ว อยู่ไม่ได้  ..มีหลายอาชีพหลายธุรกิจครับที่ต้องตายไป

เดี๋ยวการมาแบบเต็มรูปแบบของAI ,บิ๊กเดต้าและอีกหลายอย่าง ก็จะค่อยๆทยอยตายไปอีกหลายอาชีพครับ  อาชีพที่ทำงานกับข้อมูล อาชีพที่ใช้ความจำ คำนวน การทำงานที่เป็นแพทเทิ้ล ฯลฯ โดนหมด

อาชีพท๊อปๆหรือยอดนิยมตอนนี้ เช่น หมอ วิศวะ นักการเงิน นักบัญชี ฯลฯ เดี๋ยวโดนหมดครับ

แต่ในทุกวิกฤตมีโอกาศ อาชีพเก่าตาย อาชีพใหม่ก็เกิด  อยู่ที่ปรับตัวได้ไหมเปล่า  ซึ่งเข้าใจเลยครับว่าการปรับตัวของคนแก่นี่มันก็ไม่ง่ายเหมือนที่เด็กๆมันบอก .."ก็ปรับตัวตามให้ทันซิ"..เด็กมันพูดง่าย มันไม่เข้าใจว่าเราเกิดมาคนละโลกกัน ..แต่ก็ต้องสู้ๆครับ  ทำให้ได้

อีกหน่อยสายที่จะแย่งกันเรียนคือสายศิลป์ เด็กที่เคยเรียนเก่งมากๆเพราะแค่ความจำดี ..จะโดนลดคุณค่าลงอย่างมาก  (ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรกับยุค2000)

ใครจะกดขำกลิ้ง กดสยองให้ผม กดเลยนะครับ  อีกไม่ถึง 10 ปี มาดูกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่