Midsommar หนังสยองขวัญที่มีภาพสวยที่สุดและกดดันมากที่สุด (รีวิว)

เพิ่งไปดูมาที่ SF เทอมินัล วันนี้รอบ14.45 แต่กว่าจะได้ดูน่าจะ15.10มั้ง
คือขออกตัวก่อนว่าประทับผลงานของ ผกก.คนนี้ ที่กำกับ Hereditary  กรรมพันธุ์นรก มาป่ะ
ผลงานสยองขวัญสุดช็อกที่ทำเรายังมีภาพฝันร้ายค้างอยู่ในหัวอยู่เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทีนี้ ปกติเราชอบดูหนังสยองขวัญอยู่แล้ว แต่เงื่อนไขจะต้องเป็นหนังสยองขวัญที่ไม่มีฉากโหดแบบทรมานคนแบบซอว์ ฉากโหดแบบแหวะ ๆ อย่างไม่มีความหมายเราไม่ค่อยชอบดู ดูแล้วหวาดเสียว แต่เราชอบแนวคอนเจอริ่งเสียมากกว่า แน่นอนเราชอบหนังผีอย่างคอนเจอริ่งมาก
และผลงานHereditary เราว่ามันเทียบเคียงคอนเจอริ่งได้เลยนะ (แต่คอนเจอริ่งภาค2 ดรอปไปเยอะมาก น่าผิดหวัง) ให้เปรียบผลงานของสองคนนี้
Ari Asterกับเจมส์วาน เราว่ามันเหมือน คอนเจอริ่งของเจมส์วานคือแนวลอร์ด ออฟ เดอะริงส์ คือแฟนตาซีในอุดมคติเข่นหนังคอนเจอริ่ง มีฝั่งผีและมีผู้มาปราบ ผู้มาช่วยปลดปล่อยอย่างเช่นเจน ส่วนฝั่งHereditary ของตาAri เราว่าเหมือน เกม ออฟ โธรน น้ำแข็งและอัคคี ที่อยู่ในแนวแฟนตาซีเหมือนกันแต่ไปคนละโทนเลย มีแต่ความโหดร้ายหักหลังหักมุมแบบช็อกคนดู เราเปรียบกันง่าย ๆ แบบนั้นเลย เพราะผลงาน กรรมพันธุ์นรก คือเป็นหนังผีแบบดาร์คมาก ๆ เล่นกับประเด็นด้านมืดของครอบครัว เล่นกับชะตากรรมและความบ้าคลั่งอันโหดร้าย
พอหนังMidsommar เข้ามา เราก็เตรียมใจแล้วว่า เฮ้ย หนังมันไม่ใช่แค่โหดร้ายธรรมดาแน่ ๆ ยิ่ง ๆ ได้เรท20+  ด้วย เราเองก็ทั้งเตรียมใจและคาดหวังไว้พอสมควร
เริ่มแรก พลอทหนังคลาสิคมากเริ่มจากตัวนางเอกเป็นแกนหลัก ที่มีปัญหาครอบครับ นางเอกตัวเองก็มีปัญหาทางจิต ต้องกินยาเพื่อช่วยให้ตัวเองนอนหลับ พอเปิดปมมาแบบนี้ เราก็รู้เลยว่า ความหลอนและการมโนของนางเอกจะต้องเป็นธีมหลักตลอดทั้งเรื่องแน่ ๆ
ตัวหนังออกจะเข้าสู่สูตรสำเร็จพอสมควร แต่ฉีกไปด้วยเทคนิคการถ่ายภาพที่ดูแล้ว มีชั้นเชิงในการทางพอสมควร หลายฉากมีการบอกใบ้ คล้ายกับผลงานHereditary เดิมของAri มีการเล่าเรื่องผ่านผ้าที่ปัก แผ่นหิน ลวดลายบางอย่างเป็นระยะ ๆ
 หนังจะเริ่มเข้าเมื่อเข้าสู่หมู่บ้านที่พวกพระเอกคิดจะไปทำธีสิส โดยมีนางเอกห้อยมาด้วย ในเรื่องจะพุดถึงการใช้ยาเป็นตัวช่วยต่าง ๆ เยอะมาก การยาเพื่อทำให้ร่าเริงเป็นระยะ ๆ การใช้ยาเพื่อให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้ การผสมยาไปในพิธีกรรม
-จุดเด่นของเรื่องคือภาพที่สว่างมากแต่ด้วยมุมกล้องและการแสดงของบท จะทำให้เรารู้สึกกดดันเป็นระยะ ๆ เพราะเราจะทันกับหนังอยู่แล้วว่ามันจะต้องมีประเด็นอะไรใส่เข้ามาเรื่อย ๆ เช่นพิธีกรรมแปลก ๆ ของชาวบ้านในหมู่บ้าน ที่ใส่สลับกันเข้ามากับการกระทำของตัวละคร
เป็นหนังที่เราดูแล้วรู้สึกกดดันมากกว่าจะเกิดความหวาดกลัว คือกดดันในการวางตัวของตัวละครและชาวบ้านในเรื่อง ว่าเอ๊ะ มันจะเอายังไง มันจะทำอะไร
เสียดายตัวหนังไม่ได้เน้นความซับซ้อนหรือความโหดร้ายของตัวละครอื่น ๆ เท่าไร แต่จะมาขยี้ชัด ๆ ปลายเรื่อง
-ถ้าใครไม่ชอบหนังที่ดูและเล่าผ่านบทมนทนาและตัวภาพอย่างเดียว อาจจะบ่นได้ และการกระทำของตัวละคร แต่ละตัวก็ค่อนข้างไปทางชวนให้ตายมากด้วย ตามสูตรสำเร็จ เช่น เมื่อพวกเขาพบเจอพิธีกรรมที่น่ากลัวแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตามหลักน่าจะฉุดใจคิดและสืบหาความจริงแล้ว แต่พวกเขายังจะดูทองไม่รู้ร้อนไปหน่อย แถมทำเรื่องแกว่งเท้าหาเสี้ยนอีก ถึงจะรู้ว่าพวกคนในหมู่บ้านวางแผนไปแล้วล่ะ ยิ่งพระเอกในเรื่องก็เป็นพระเอกที่ไม่สมกับเป็นพระเอกเลย ถ้าเทียบกับเรื่องแนวเดียวกันที่ผ่าน เช่นวิคเกอร์แมน (นิโคลัสเคจ) พระเอกยังพยายามตามหาควาจริงหน่อย แต่เรื่องนี้กลับไปเอาใจชาวบ้านต่อเสียอย่างงั้น
-และเรื่องนี้ต้องทำใจไว้แล้ว ว่าถ้าไม่ชอบตัวนางเอก ได้ปวดหัวแน่ เพราะนางเอกเป็นแกนหลักและค่อนข้างจะหลอน เหมือนจะมีสติแต่จริง ๆ เมายาทั้งเรื่อง ต้องทำใจไว้เลย ถ้าไม่ชอบตรงจุดนี้คงเอือมหนังแน่ ๆ
-สรุป หนังMidsommar เป็นหนังสยองขวัญทางเลือกที่ไม่เลวเลยในยุคนี้ แต่น่าจะบอกว่าเป็นหนังสยองขวัญผสมจิตวิทยามากกว่า เพราะธีมสยองขวัญโผล่มาเล็กน้อย แถมมันบีบคั้นก็จริง แต่เรายังมองว่าตัวหนังโยนภาระในกาคิดเอง และกดดันเองมาให้ฝากคนดูเสียเยอะมากกว่า ต้องตั้งใจดูนิดหนึ่ง และหลาย ๆ ฉากเซียนหนังสยองขวัญเดาได้ไม่ยาก ตัวหนังไม่ค่อยมีจัมป์สแคร์
แต่ถ้าถามว่าหนัง240บาทคุ้มไหม คือถ้าต้องการเสพความบันเทิงล้วน ๆ แนะนำให้ดูเรื่องอื่นดีกว่า เพราะระยะเวลาสองชั่วโมงกว่ามันค่อนข้างนานและกดดันไป เราดูเสร็จออกมาปวดหัวนิด ๆ เลย เกร็งมา  ถ้าเครียดจากที่บ้าน ที่ทำงานมาแล้วไม่สมควรดู
-แต่สำหรับคอหนังสยองขวัญ เราว่าก็สมควรไปดูก็ได้นะ เพราะเราเชื่อว่าสุดท้ายพวกคุณก็ต้องหามาดูอีกที
เอาล่ะเรามาเล่าสู้กันฟังแค่นี้นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่