อรุณรัศมีไม่มีแม่..
ทำไมเด็กคนอื่นๆ มีแม่ แล้วทำไมอรุณรัศมีถึงไม่มีแม่อยู่แค่คนเดียวกันล่ะ
แม่เป็นบุคคลที่ใครๆ ต่างก็พากันหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง ไม่มีใครเลยที่จะเล่าเรื่องแม่ให้เธอได้ยินได้ฟัง แม้แต่พ่อเองก็เอาแต่ยิ้มอย่างเดียวแล้วไม่พูดอะไร และเธอก็เด็กเกินกว่าจะเข้าใจว่า อาการนิ่งวางเฉยของพ่อคือ สิ่งที่ผู้ใหญ่เรียกกันว่า การเยียวยาจิตใจ อรุณรัศมีไม่เข้าใจว่า ทำไมพ่อถึงปล่อยให้แม่ไปอยู่ในที่ที่แสนไกล ทำไมถึงไม่ให้แม่อยู่ด้วยกันกับเธอและพ่อในกระท่อมริมทะเลแห่งนี้
อรุณรัศมีรักลุงสานนของเธอ ทุกครั้งที่ลุงผู้เป็นเพื่อนสนิทของพ่อมาหา ลุงจะนำเอาเสื้อผ้าและขนมหวานหอมอร่อยมาฝากเธอด้วย เด็กหญิงชอบช่วงเวลาที่ได้ฝึกหัดอ่านเขียนกับลุงสานน โดยเฉพาะนิทานและเรื่องราวแปลกประหลาดต่างๆ ซึ่งเธอชื่นชอบที่จะฟังเป็นพิเศษอีกด้วย
ไม่มีใครรู้ว่า พ่อสร้างกระท่อมหลังน้อยไว้ริมฝั่งทะเลทำไม ทั้งที่มีผู้คนมากมายแวะเวียนมาขอร้องให้พ่อกลับไปยังบ้านหลังใหญ่โตของปู่กับย่า อรุณรัศมีได้แต่คิดในใจ บางที พ่ออาจคงรอคอยให้แม่กลับมาในสักวันหนึ่งกระมัง
บางเวลา แขกแปลกหน้าก็ทำให้เด็กหญิงวัยแปดปีต้องประหลาดใจ อรุณรัศมีเพิ่งรู้ว่าตัวเองก็มีน้าชายซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวทางฝ่ายแม่กับเขาด้วย น้องชายของแม่เป็นคนประหลาด ผมของน้าอังการ์เป็นสีแดงทั้งหัว ทั้งเนื้อตัวก็เต็มไปด้วยรอยสัก แม้ภายนอกจะดูน่ากลัวแต่ความจริงแล้ว น้าชายเป็นคนใจดีและรักเธอมาก น้ามักจะมาพร้อมกับสมบัติและของแปลกๆ มากมาย ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเธอได้เสมอ
เพียงปีละครั้ง ช่วงเวลาที่เธอกับน้าชายจะได้นั่งด้วยกันข้างกองไฟ น้าจะเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับแม่มากมาย แต่หลังจากน้ากลับไป พ่อก็จะคอยบอกกับเธอทุกครั้งว่า สักวันหนึ่งข้างหน้า เธอจะได้ออกผจญภัยในเส้นทางชีวิตที่แตกต่างไปจากพ่อและแม่อย่างแน่นอน
อรุณรัศมีอยากเติบโตมากกว่านี้ เธออยากจะเข้าใจโลกของผู้ใหญ่ ที่สำคัญ เธออยากรู้เหลือเกินว่าเพราะเหตุใด แม่ถึงได้ทอดทิ้งเธอไป แม่ไม่รักลูกคนนี้ของแม่บ้างเลยหรืออย่างไรกันนะ
อาจเป็นเพราะเด็กหญิงเป็นลูกของคนที่ใครต่อใครต่างให้ความเคารพและเกรงใจ ทำให้อรุณรัศมีเติบโตขึ้นมาอย่างแก่นแก้วทั้งมีนิสัยโลดโผนเหมือนอย่างพวกเด็กผู้ชาย แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ เมื่อการจับกลุ่มเล่นสนุกของพวกเด็กเลยเถิดไปสู่การทะเลาะวิวาทระหว่างกัน การโต้เถียงตามประสาเด็กดำเนินไป ต่างฝ่ายต่างงัดถ้อยวาจาเผ็ดร้อนที่จำเอามาจากพวกผู้ใหญ่สาดใส่กันด้วยแรงอารมณ์
กระทั่ง..
“เอ็งมันลูกไม่มีแม่ ชอบอวดเก่ง อวดฉลาด เพราะไม่มีแม่คอยสั่งสอนนี่เอง”
เด็กหญิงโผนเข้าผลัก พลางนั่งทับร่างของเด็กผู้ชายคู่กรณีทันที สองมือน้อยทั้งทุบต่อยเป็นพัลวัน ความโกรธทำให้ลืมความหวั่นกลัวในรูปร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายจนเสียสิ้น เรื่องทะเลาะเบาะแว้งระหว่างเด็กอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาผู้ใหญ่ แต่สำหรับพ่อของเธอแล้วนั้น เรื่องที่อรุณรัศมีก่อเรื่องทำร้ายเด็กคนอื่นดูเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขนาดที่พ่อต้องไปขอโทษขอโพยพ่อแม่ของเด็กคนนั้นถึงบ้าน ก่อนที่จะกลับมาจัดการกับลูกสาวตัวดีในภายหลัง
.
“กี่ที! เจ้าตีเด็กคนนั้นไปกี่ที”
เสียงของพ่อทั้งเข้มดุและดัง เล่นเอาสาวน้อยตัวสั่นงันงกทั้งอยู่ในท่ายืนกอดอก เด็กหญิงขยับมือทำชูนิ้วขึ้นเพียงสอง ก่อนเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามจังหวะขยับไม้เรียวในมือของพ่อท้ายที่สุด
แม้ลุงสานนจะอยู่ด้วยตรงนั้น แต่ก็ไม่อาจปกป้องเธอจากโทสะของพ่อได้ ลุงส่งสายตามองดูเธออย่างเห็นใจ ก่อนเจ้าไม้ที่เธอหวาดกลัวหนักหนาจะฟาดลงมายังก้นและต้นขาอย่างไม่ยั้ง เกินจำนวนครั้งที่ตนอุตส่าห์ชูบอกไว้ก่อนหน้าเสียอีก
“
ฮือ.. ก็เจ้านั่นมันล้อข้าก่อน มันว่าข้าไม่มีแม่ แล้วพ่อยังมาตีข้าอีก ข้าเกลียดพ่อ”
พอสลัดตัวหลุดออกมาได้ อรุณรัศมีก็ออกวิ่งพร้อมกับร้องไห้ด้วยความเสียใจไปจากที่ตรงนั้น เด็กหญิงวิ่งหายเข้าไปในราวป่า ตั้งใจไปในฐานลับที่ซุ่มสร้างเอาไว้ สถานที่แห่งความลับซึ่งมีเพียงแค่ตนเท่านั้นที่รู้ที่ตั้งของมัน
“ปล่อยนางไป”
สานนขยับทำท่าจะติดตามไป หากพ่อของเด็กหญิงเอ่ยห้ามเอาไว้ ในเวลานี้ ดูเหมือนสีหน้าของบิดาผู้ที่จำต้องลงมือกำลังแสดงออกถึงความเจ็บปวดเสียยิ่งกว่า ลูกสาวที่เพิ่งวิ่งหนีหายไปหลายเท่านัก
“นางยังเด็กนัก สั่งสอนแค่พอหลาบจำก็เพียงพอแล้ว”
“ตราบใดที่ยังคิดไม่ได้ ไม่รู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ ก็ไม่เรียกว่าหลาบจำ สิ่งที่ข้าต้องทำในวันนี้ วันหนึ่งข้างหน้าลูกข้าจักเข้าใจ”
“เฮ้อ.. ขาจักลาย หมดสวยเสียก่อนหนอ”
เสียงคนนอกบ่นพึมพำ ลุงนอกไส้ได้แต่มองไปยังทิศทางที่หลานสาวคนโปรดวิ่งหายลับไปจากสายตา
.
อรุณรัศมีไม่มีแม่..
ยามนี้ เด็กหญิงแทรกตัวมุดเข้าไปในโพรงถ้ำขนาดเล็กตรงเชิงเขา หน้าปากถ้ำมีพงหญ้าสูงท่วมหัวปกปิดทางเข้า เด็กหญิงเข้าไปด้านในพลางขดตัวลงนั่งกอดเข่าสะอึกสะอื้นร้องไห้ รู้สึกเหมือนโลกนี้ช่างโหดร้ายกับเด็กตัวเล็กๆ อย่างตนเสียเหลือเกิน
แม่จ๋า.. แม่อยู่ที่ไหน หน้าตาของแม่เป็นอย่างไร แม่จะยังจดจำลูกคนนี้ของแม่ได้อยู่ไหม แม่จะรู้ไหมว่า ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน
อรุณรัศมีร้องไห้จนเผลอหลับไป ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าตนไม่ได้อยู่ในฐานลับอันมืดสลัวแต่เพียงลำพังผู้เดียวอีกต่อไป บรรยากาศรอบตัวช่างสว่างไสว สิ่งที่กางกั้นตัวเธอเอาไว้รอบกายคือกรงไม้ทาสีขาวสะอาดตา พอมองขึ้นไปด้านบนก็เห็นวัตถุรูปทรงคล้ายสัตว์ต่างๆ แขวนเป็นพวงห้อยลงมาล่อใจให้ลองเอื้อมมือออกไปไขว่คว้า
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ สาวน้อย”
จู่ๆ ก็มีผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเยี่ยมหน้าออกมาจากด้านบนพลางส่งยิ้มให้ ก่อนอรุณรัศมีจะถูกรวบตัวขึ้นไปโอบกอดไว้แนบอกของผู้หญิงคนนั้น เธอเพิ่งรู้สึกตัวว่า ตัวเองกลับกลายเป็นทารกตัวน้อยที่ทำได้แค่เพียงส่งเสียงอ้อแอ้กับขยับมือเท้าเปะป่ายไปมาเท่านั้น
“ไหนดูซิ ตื่นมาก็ร่าเริงเลยนะ หิวไหมคะ หนูอยากกินนมไหม”
น้ำเสียงของผู้หญิงคนนั้นช่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรัก อรุณรัศมีพยายามฝืนตั้งคอเพื่อแหงนมองดูใบหน้าที่แลดูละม้ายคล้ายคลึงกันกับน้าอังการ์ ใบหน้าที่เคยพร่าเลือนในมโนภาพมาโดยตลอด ตอนนี้กำลังแจ่มชัดอยู่ตรงหน้า
..หรือว่านี่เป็นความฝัน เธอกำลังฝันถึงแม่อยู่ใช่ไหมนะ..
“ลูกหมีตื่นแล้วหรือครับ”
แล้วเธอก็เห็นผู้ชายอีกคนหนึ่งเดินใกล้เข้ามา ผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าหน้าตาเหมือนกับพ่ออย่างไม่มีผิดเพี้ยน เธอพยายามส่งเสียงเรียกพ่อด้วยความดีใจ แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับเป็นได้แค่เสียงอ้อแอ้ไม่เป็นคำ
“โอ้โห! พยายามเรียกพ่อซะด้วย เก่งจังเลย ลูกสาว”
คนเดียวกันกับที่เพิ่งลงมือตีเธอไปสดๆ ร้อนๆ มาตอนนี้ กลับเป็นฝ่ายแย่งตัวเธอไปอุ้มเอาไว้ แก้มน้อยทั้งสองซ้ายขวาถูกใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มละไมของพ่อหอมฟอดใหญ่ไปมา รู้สึกจั๊กจี้จนต้องยกมือขึ้นแปะยันหน้าอีกฝ่ายไว้อย่างสุดกำลัง
“เห็นแล้วก็นึกถึงอรุณรัศมีนะคะ ลูกอยู่ทางโน้นไม่รู้เป็นอย่างไร ฉันไม่มีโอกาสได้อยู่ ได้ช่วยคุณเลี้ยงดูแกเลย รู้สึกเสียใจเหลือเกิน”
แม่พูดด้วยสีหน้าเศร้า พลางเอื้อมมือมาจับแผ่นหลังของเธอเอาไว้ อรุณรัศมีสัมผัสถึงความเศร้าเสียใจนั้นได้ เธอรู้ว่า แม่เสียใจตามอย่างที่พูดจริงๆ
“วางใจเถอะ แกเป็นเด็กฉลาด ถึงตอนเป็นเด็กจะเกเรผิดวิสัยหญิงไปบ้าง แต่ก็โตมาอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ดี
อ่อ เก่งกล้าสามารถอีกด้วย”
“คุณสอนวิชาให้ลูกด้วยหรือนี่”
เสียงของแม่อุทานด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่ร่างของแม่จะถูกพ่อรวบเข้ามากอดไว้ข้างๆ กันกับตัวเธอ แววตาของพ่อเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ มันเป็นแววตาแบบเดียวกับที่พ่อใช้มองเวลาที่เธอทำตัวดี ไม่ดื้อไม่ซน นั่นเอง
“ก็.. ถ้าพ่อแม่ไม่ได้อยู่ในโลกแล้ว เขาจะได้ดูแลตัวเองต่อไปได้ ในบางครั้ง..ข้าเองก็จำใจต้องลงโทษอรุณรัศมี เวลาที่นางทำตัวเกเร”
คำเรียกแทนตัวของพ่อเปลี่ยนไป ราวกับว่า พ่อคนนี้ในเครื่องแต่งกายแปลกตา กลายเป็นพ่อคนเดียวกับคนที่อยู่ที่กระท่อมชายทะเล
“ข้าตีลูก เพื่อต้องการให้เขาจดจำ เพื่อจะได้ไม่ไปเที่ยวทำตัวเป็นอันธพาล หลงทำผิดคิดร้ายแก่คนอื่นเขา ข้าทำเผื่อในส่วนของเจ้า เขาจักได้รู้ว่า แม่ยังคอยเฝ้าเป็นห่วงเขาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดก็ตาม”
“ฉันคิดถึงลูกเหลือเกิน อรุณรัศมี..ลูกรักของแม่”
อรุณรัศมีอยากยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้แม่ อยากโผเข้าไปหา อยากกอดแม่ให้สมกับช่วงเวลาที่ขาดหายไป ทว่าเธอไม่สามารถทำได้ดังใจ เพราะพอยื่นมืออันเล็กจ้อยออกไป โลกตรงหน้าก็พลันมืดดับไปเสียก่อน
.
อรุณรัศมีไม่มีแม่..
โพรงถ้ำนั้นมืดสนิทตอนที่เด็กหญิงตื่นขึ้นมา โดยไม่รอช้า สองมือแหวกพงหญ้า ก่อนพาตัวเองวิ่งห้อตะบึงกลับไปยังบ้านที่มีคนรอคอยการกลับไปของตน เธอกระโจนเข้าสวมกอดร่างสูงใหญ่ของพ่อ ผู้ซึ่งยกแขนขึ้นกอดตอบด้วยท่าทางงงๆ พลางละล่ำละลักบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี
“พ่อ.. พ่อจ๋า ข้าได้เจอกับแม่แล้วนะจ้ะ แม่บอกว่า ข้าเป็นลูกรักของแม่ด้วยล่ะ”
“เจ้าเจอแม่ของเจ้าที่ใดกันเล่า ลูกเอ๋ย”
พ่อของเธอถาม พลางยกมือฝ่ามืออันหนาใหญ่ลูบไปตามศีรษะและใบหน้าของเธออย่างทะนุถนอม
“ในฝันจ้ะ ข้าเผลอหลับไปแล้วตื่นไปพบกับแม่ที่นั่น พ่อก็อยู่ด้วยนะจ้ะ ตอนนี้ ข้าเข้าใจแล้วว่า พ่อตีข้าทำไม ต่อไปนี้ ข้าสัญญา ข้าจะทำตัวดีๆ จะไม่เกเร ไม่ทำร้ายคนอื่นอีกแล้วจ้ะ”
พ่อของเธอกับลุงสานนหันมองหน้ากัน ก่อนที่น้ำตาของพ่อจะไหลออกมาให้เด็กหญิงได้เห็นเป็นครั้งแรกในชีวิตของตน เธอไม่เข้าใจอาการของลุงสานนที่ลุกขึ้นมาตบบ่าของพ่อ พอนึกอะไรขึ้นมาได้ อรุณรัศมีก็วิ่งตื๋อเข้าไปในกระท่อม ก่อนจะถือเอากระบองเหล็กซึ่งเป็นอาวุธคู่กายของพ่อออกมา
ศรีสุวรรณมองดูลูกสาวของตน ก่อนยิ้มให้ลูกด้วยความอ่อนโยนและแสนรักใคร่ ดวงหน้าของอรุณรัศมีในตอนนี้ เต็มไปด้วยแววตาและรอยยิ้มแสดงอาการท้าทาย ราวกับถอดแบบมาจากแม่ของนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“พ่อต้องสอนข้า ต่อไปนี้ ข้าจะได้ดูแลตัวเอง ดูแลพ่อได้อย่างไรเล่าจ้ะ”
เด็กหญิงวัยแปดปียิ้มพร้อมกับแสดงออกถึงความมุ่งมั่น การผจญภัยของตนรอคอยอยู่ในกาลเบื้องหน้า ทว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่จะต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมเสียก่อน
.
อรุณรัศมีไม่มีแม่.. แต่ตอนนี้ เธอรู้แล้วว่า แม่ของเธอไม่ได้หายไปไหน
แม่อยู่กับเธอเสมอ แม่ยังคงมีชีวิตอยู่ในตัวของเธอ เหมือนที่ยังอยู่ในใจของพ่อไม่เสื่อมคลาย
สักวันหนึ่ง อรุณรัศมีจะออกไป เพื่อค้นหาหนทางที่จะทำให้พ่อกับแม่และเธอได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง
.
+++++++++++++++++++++++++
อรุณรัศมีไม่มีแม่..
ทำไมเด็กคนอื่นๆ มีแม่ แล้วทำไมอรุณรัศมีถึงไม่มีแม่อยู่แค่คนเดียวกันล่ะ
แม่เป็นบุคคลที่ใครๆ ต่างก็พากันหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง ไม่มีใครเลยที่จะเล่าเรื่องแม่ให้เธอได้ยินได้ฟัง แม้แต่พ่อเองก็เอาแต่ยิ้มอย่างเดียวแล้วไม่พูดอะไร และเธอก็เด็กเกินกว่าจะเข้าใจว่า อาการนิ่งวางเฉยของพ่อคือ สิ่งที่ผู้ใหญ่เรียกกันว่า การเยียวยาจิตใจ อรุณรัศมีไม่เข้าใจว่า ทำไมพ่อถึงปล่อยให้แม่ไปอยู่ในที่ที่แสนไกล ทำไมถึงไม่ให้แม่อยู่ด้วยกันกับเธอและพ่อในกระท่อมริมทะเลแห่งนี้
อรุณรัศมีรักลุงสานนของเธอ ทุกครั้งที่ลุงผู้เป็นเพื่อนสนิทของพ่อมาหา ลุงจะนำเอาเสื้อผ้าและขนมหวานหอมอร่อยมาฝากเธอด้วย เด็กหญิงชอบช่วงเวลาที่ได้ฝึกหัดอ่านเขียนกับลุงสานน โดยเฉพาะนิทานและเรื่องราวแปลกประหลาดต่างๆ ซึ่งเธอชื่นชอบที่จะฟังเป็นพิเศษอีกด้วย
ไม่มีใครรู้ว่า พ่อสร้างกระท่อมหลังน้อยไว้ริมฝั่งทะเลทำไม ทั้งที่มีผู้คนมากมายแวะเวียนมาขอร้องให้พ่อกลับไปยังบ้านหลังใหญ่โตของปู่กับย่า อรุณรัศมีได้แต่คิดในใจ บางที พ่ออาจคงรอคอยให้แม่กลับมาในสักวันหนึ่งกระมัง
บางเวลา แขกแปลกหน้าก็ทำให้เด็กหญิงวัยแปดปีต้องประหลาดใจ อรุณรัศมีเพิ่งรู้ว่าตัวเองก็มีน้าชายซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวทางฝ่ายแม่กับเขาด้วย น้องชายของแม่เป็นคนประหลาด ผมของน้าอังการ์เป็นสีแดงทั้งหัว ทั้งเนื้อตัวก็เต็มไปด้วยรอยสัก แม้ภายนอกจะดูน่ากลัวแต่ความจริงแล้ว น้าชายเป็นคนใจดีและรักเธอมาก น้ามักจะมาพร้อมกับสมบัติและของแปลกๆ มากมาย ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเธอได้เสมอ
เพียงปีละครั้ง ช่วงเวลาที่เธอกับน้าชายจะได้นั่งด้วยกันข้างกองไฟ น้าจะเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับแม่มากมาย แต่หลังจากน้ากลับไป พ่อก็จะคอยบอกกับเธอทุกครั้งว่า สักวันหนึ่งข้างหน้า เธอจะได้ออกผจญภัยในเส้นทางชีวิตที่แตกต่างไปจากพ่อและแม่อย่างแน่นอน
อรุณรัศมีอยากเติบโตมากกว่านี้ เธออยากจะเข้าใจโลกของผู้ใหญ่ ที่สำคัญ เธออยากรู้เหลือเกินว่าเพราะเหตุใด แม่ถึงได้ทอดทิ้งเธอไป แม่ไม่รักลูกคนนี้ของแม่บ้างเลยหรืออย่างไรกันนะ
อาจเป็นเพราะเด็กหญิงเป็นลูกของคนที่ใครต่อใครต่างให้ความเคารพและเกรงใจ ทำให้อรุณรัศมีเติบโตขึ้นมาอย่างแก่นแก้วทั้งมีนิสัยโลดโผนเหมือนอย่างพวกเด็กผู้ชาย แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ เมื่อการจับกลุ่มเล่นสนุกของพวกเด็กเลยเถิดไปสู่การทะเลาะวิวาทระหว่างกัน การโต้เถียงตามประสาเด็กดำเนินไป ต่างฝ่ายต่างงัดถ้อยวาจาเผ็ดร้อนที่จำเอามาจากพวกผู้ใหญ่สาดใส่กันด้วยแรงอารมณ์
กระทั่ง..
“เอ็งมันลูกไม่มีแม่ ชอบอวดเก่ง อวดฉลาด เพราะไม่มีแม่คอยสั่งสอนนี่เอง”
เด็กหญิงโผนเข้าผลัก พลางนั่งทับร่างของเด็กผู้ชายคู่กรณีทันที สองมือน้อยทั้งทุบต่อยเป็นพัลวัน ความโกรธทำให้ลืมความหวั่นกลัวในรูปร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายจนเสียสิ้น เรื่องทะเลาะเบาะแว้งระหว่างเด็กอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาผู้ใหญ่ แต่สำหรับพ่อของเธอแล้วนั้น เรื่องที่อรุณรัศมีก่อเรื่องทำร้ายเด็กคนอื่นดูเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขนาดที่พ่อต้องไปขอโทษขอโพยพ่อแม่ของเด็กคนนั้นถึงบ้าน ก่อนที่จะกลับมาจัดการกับลูกสาวตัวดีในภายหลัง
.
“กี่ที! เจ้าตีเด็กคนนั้นไปกี่ที”
เสียงของพ่อทั้งเข้มดุและดัง เล่นเอาสาวน้อยตัวสั่นงันงกทั้งอยู่ในท่ายืนกอดอก เด็กหญิงขยับมือทำชูนิ้วขึ้นเพียงสอง ก่อนเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามจังหวะขยับไม้เรียวในมือของพ่อท้ายที่สุด
แม้ลุงสานนจะอยู่ด้วยตรงนั้น แต่ก็ไม่อาจปกป้องเธอจากโทสะของพ่อได้ ลุงส่งสายตามองดูเธออย่างเห็นใจ ก่อนเจ้าไม้ที่เธอหวาดกลัวหนักหนาจะฟาดลงมายังก้นและต้นขาอย่างไม่ยั้ง เกินจำนวนครั้งที่ตนอุตส่าห์ชูบอกไว้ก่อนหน้าเสียอีก
“ฮือ.. ก็เจ้านั่นมันล้อข้าก่อน มันว่าข้าไม่มีแม่ แล้วพ่อยังมาตีข้าอีก ข้าเกลียดพ่อ”
พอสลัดตัวหลุดออกมาได้ อรุณรัศมีก็ออกวิ่งพร้อมกับร้องไห้ด้วยความเสียใจไปจากที่ตรงนั้น เด็กหญิงวิ่งหายเข้าไปในราวป่า ตั้งใจไปในฐานลับที่ซุ่มสร้างเอาไว้ สถานที่แห่งความลับซึ่งมีเพียงแค่ตนเท่านั้นที่รู้ที่ตั้งของมัน
“ปล่อยนางไป”
สานนขยับทำท่าจะติดตามไป หากพ่อของเด็กหญิงเอ่ยห้ามเอาไว้ ในเวลานี้ ดูเหมือนสีหน้าของบิดาผู้ที่จำต้องลงมือกำลังแสดงออกถึงความเจ็บปวดเสียยิ่งกว่า ลูกสาวที่เพิ่งวิ่งหนีหายไปหลายเท่านัก
“นางยังเด็กนัก สั่งสอนแค่พอหลาบจำก็เพียงพอแล้ว”
“ตราบใดที่ยังคิดไม่ได้ ไม่รู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ ก็ไม่เรียกว่าหลาบจำ สิ่งที่ข้าต้องทำในวันนี้ วันหนึ่งข้างหน้าลูกข้าจักเข้าใจ”
“เฮ้อ.. ขาจักลาย หมดสวยเสียก่อนหนอ”
เสียงคนนอกบ่นพึมพำ ลุงนอกไส้ได้แต่มองไปยังทิศทางที่หลานสาวคนโปรดวิ่งหายลับไปจากสายตา
.
อรุณรัศมีไม่มีแม่..
ยามนี้ เด็กหญิงแทรกตัวมุดเข้าไปในโพรงถ้ำขนาดเล็กตรงเชิงเขา หน้าปากถ้ำมีพงหญ้าสูงท่วมหัวปกปิดทางเข้า เด็กหญิงเข้าไปด้านในพลางขดตัวลงนั่งกอดเข่าสะอึกสะอื้นร้องไห้ รู้สึกเหมือนโลกนี้ช่างโหดร้ายกับเด็กตัวเล็กๆ อย่างตนเสียเหลือเกิน
แม่จ๋า.. แม่อยู่ที่ไหน หน้าตาของแม่เป็นอย่างไร แม่จะยังจดจำลูกคนนี้ของแม่ได้อยู่ไหม แม่จะรู้ไหมว่า ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน
อรุณรัศมีร้องไห้จนเผลอหลับไป ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าตนไม่ได้อยู่ในฐานลับอันมืดสลัวแต่เพียงลำพังผู้เดียวอีกต่อไป บรรยากาศรอบตัวช่างสว่างไสว สิ่งที่กางกั้นตัวเธอเอาไว้รอบกายคือกรงไม้ทาสีขาวสะอาดตา พอมองขึ้นไปด้านบนก็เห็นวัตถุรูปทรงคล้ายสัตว์ต่างๆ แขวนเป็นพวงห้อยลงมาล่อใจให้ลองเอื้อมมือออกไปไขว่คว้า
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ สาวน้อย”
จู่ๆ ก็มีผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเยี่ยมหน้าออกมาจากด้านบนพลางส่งยิ้มให้ ก่อนอรุณรัศมีจะถูกรวบตัวขึ้นไปโอบกอดไว้แนบอกของผู้หญิงคนนั้น เธอเพิ่งรู้สึกตัวว่า ตัวเองกลับกลายเป็นทารกตัวน้อยที่ทำได้แค่เพียงส่งเสียงอ้อแอ้กับขยับมือเท้าเปะป่ายไปมาเท่านั้น
“ไหนดูซิ ตื่นมาก็ร่าเริงเลยนะ หิวไหมคะ หนูอยากกินนมไหม”
น้ำเสียงของผู้หญิงคนนั้นช่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรัก อรุณรัศมีพยายามฝืนตั้งคอเพื่อแหงนมองดูใบหน้าที่แลดูละม้ายคล้ายคลึงกันกับน้าอังการ์ ใบหน้าที่เคยพร่าเลือนในมโนภาพมาโดยตลอด ตอนนี้กำลังแจ่มชัดอยู่ตรงหน้า
..หรือว่านี่เป็นความฝัน เธอกำลังฝันถึงแม่อยู่ใช่ไหมนะ..
“ลูกหมีตื่นแล้วหรือครับ”
แล้วเธอก็เห็นผู้ชายอีกคนหนึ่งเดินใกล้เข้ามา ผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าหน้าตาเหมือนกับพ่ออย่างไม่มีผิดเพี้ยน เธอพยายามส่งเสียงเรียกพ่อด้วยความดีใจ แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับเป็นได้แค่เสียงอ้อแอ้ไม่เป็นคำ
“โอ้โห! พยายามเรียกพ่อซะด้วย เก่งจังเลย ลูกสาว”
คนเดียวกันกับที่เพิ่งลงมือตีเธอไปสดๆ ร้อนๆ มาตอนนี้ กลับเป็นฝ่ายแย่งตัวเธอไปอุ้มเอาไว้ แก้มน้อยทั้งสองซ้ายขวาถูกใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มละไมของพ่อหอมฟอดใหญ่ไปมา รู้สึกจั๊กจี้จนต้องยกมือขึ้นแปะยันหน้าอีกฝ่ายไว้อย่างสุดกำลัง
“เห็นแล้วก็นึกถึงอรุณรัศมีนะคะ ลูกอยู่ทางโน้นไม่รู้เป็นอย่างไร ฉันไม่มีโอกาสได้อยู่ ได้ช่วยคุณเลี้ยงดูแกเลย รู้สึกเสียใจเหลือเกิน”
แม่พูดด้วยสีหน้าเศร้า พลางเอื้อมมือมาจับแผ่นหลังของเธอเอาไว้ อรุณรัศมีสัมผัสถึงความเศร้าเสียใจนั้นได้ เธอรู้ว่า แม่เสียใจตามอย่างที่พูดจริงๆ
“วางใจเถอะ แกเป็นเด็กฉลาด ถึงตอนเป็นเด็กจะเกเรผิดวิสัยหญิงไปบ้าง แต่ก็โตมาอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ดี อ่อ เก่งกล้าสามารถอีกด้วย”
“คุณสอนวิชาให้ลูกด้วยหรือนี่”
เสียงของแม่อุทานด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่ร่างของแม่จะถูกพ่อรวบเข้ามากอดไว้ข้างๆ กันกับตัวเธอ แววตาของพ่อเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ มันเป็นแววตาแบบเดียวกับที่พ่อใช้มองเวลาที่เธอทำตัวดี ไม่ดื้อไม่ซน นั่นเอง
“ก็.. ถ้าพ่อแม่ไม่ได้อยู่ในโลกแล้ว เขาจะได้ดูแลตัวเองต่อไปได้ ในบางครั้ง..ข้าเองก็จำใจต้องลงโทษอรุณรัศมี เวลาที่นางทำตัวเกเร”
คำเรียกแทนตัวของพ่อเปลี่ยนไป ราวกับว่า พ่อคนนี้ในเครื่องแต่งกายแปลกตา กลายเป็นพ่อคนเดียวกับคนที่อยู่ที่กระท่อมชายทะเล
“ข้าตีลูก เพื่อต้องการให้เขาจดจำ เพื่อจะได้ไม่ไปเที่ยวทำตัวเป็นอันธพาล หลงทำผิดคิดร้ายแก่คนอื่นเขา ข้าทำเผื่อในส่วนของเจ้า เขาจักได้รู้ว่า แม่ยังคอยเฝ้าเป็นห่วงเขาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดก็ตาม”
“ฉันคิดถึงลูกเหลือเกิน อรุณรัศมี..ลูกรักของแม่”
อรุณรัศมีอยากยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้แม่ อยากโผเข้าไปหา อยากกอดแม่ให้สมกับช่วงเวลาที่ขาดหายไป ทว่าเธอไม่สามารถทำได้ดังใจ เพราะพอยื่นมืออันเล็กจ้อยออกไป โลกตรงหน้าก็พลันมืดดับไปเสียก่อน
.
อรุณรัศมีไม่มีแม่..
โพรงถ้ำนั้นมืดสนิทตอนที่เด็กหญิงตื่นขึ้นมา โดยไม่รอช้า สองมือแหวกพงหญ้า ก่อนพาตัวเองวิ่งห้อตะบึงกลับไปยังบ้านที่มีคนรอคอยการกลับไปของตน เธอกระโจนเข้าสวมกอดร่างสูงใหญ่ของพ่อ ผู้ซึ่งยกแขนขึ้นกอดตอบด้วยท่าทางงงๆ พลางละล่ำละลักบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี
“พ่อ.. พ่อจ๋า ข้าได้เจอกับแม่แล้วนะจ้ะ แม่บอกว่า ข้าเป็นลูกรักของแม่ด้วยล่ะ”
“เจ้าเจอแม่ของเจ้าที่ใดกันเล่า ลูกเอ๋ย”
พ่อของเธอถาม พลางยกมือฝ่ามืออันหนาใหญ่ลูบไปตามศีรษะและใบหน้าของเธออย่างทะนุถนอม
“ในฝันจ้ะ ข้าเผลอหลับไปแล้วตื่นไปพบกับแม่ที่นั่น พ่อก็อยู่ด้วยนะจ้ะ ตอนนี้ ข้าเข้าใจแล้วว่า พ่อตีข้าทำไม ต่อไปนี้ ข้าสัญญา ข้าจะทำตัวดีๆ จะไม่เกเร ไม่ทำร้ายคนอื่นอีกแล้วจ้ะ”
พ่อของเธอกับลุงสานนหันมองหน้ากัน ก่อนที่น้ำตาของพ่อจะไหลออกมาให้เด็กหญิงได้เห็นเป็นครั้งแรกในชีวิตของตน เธอไม่เข้าใจอาการของลุงสานนที่ลุกขึ้นมาตบบ่าของพ่อ พอนึกอะไรขึ้นมาได้ อรุณรัศมีก็วิ่งตื๋อเข้าไปในกระท่อม ก่อนจะถือเอากระบองเหล็กซึ่งเป็นอาวุธคู่กายของพ่อออกมา
ศรีสุวรรณมองดูลูกสาวของตน ก่อนยิ้มให้ลูกด้วยความอ่อนโยนและแสนรักใคร่ ดวงหน้าของอรุณรัศมีในตอนนี้ เต็มไปด้วยแววตาและรอยยิ้มแสดงอาการท้าทาย ราวกับถอดแบบมาจากแม่ของนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“พ่อต้องสอนข้า ต่อไปนี้ ข้าจะได้ดูแลตัวเอง ดูแลพ่อได้อย่างไรเล่าจ้ะ”
เด็กหญิงวัยแปดปียิ้มพร้อมกับแสดงออกถึงความมุ่งมั่น การผจญภัยของตนรอคอยอยู่ในกาลเบื้องหน้า ทว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่จะต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมเสียก่อน
.
อรุณรัศมีไม่มีแม่.. แต่ตอนนี้ เธอรู้แล้วว่า แม่ของเธอไม่ได้หายไปไหน
แม่อยู่กับเธอเสมอ แม่ยังคงมีชีวิตอยู่ในตัวของเธอ เหมือนที่ยังอยู่ในใจของพ่อไม่เสื่อมคลาย
สักวันหนึ่ง อรุณรัศมีจะออกไป เพื่อค้นหาหนทางที่จะทำให้พ่อกับแม่และเธอได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง
.
+++++++++++++++++++++++++