อรุณรัศมีไม่มีแม่..

            อรุณรัศมีไม่มีแม่.. 
            ทำไมเด็กคนอื่นๆ มีแม่  แล้วทำไมอรุณรัศมีถึงไม่มีแม่อยู่แค่คนเดียวกันล่ะ

            แม่เป็นบุคคลที่ใครๆ ต่างก็พากันหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง  ไม่มีใครเลยที่จะเล่าเรื่องแม่ให้เธอได้ยินได้ฟัง  แม้แต่พ่อเองก็เอาแต่ยิ้มอย่างเดียวแล้วไม่พูดอะไร  และเธอก็เด็กเกินกว่าจะเข้าใจว่า อาการนิ่งวางเฉยของพ่อคือ สิ่งที่ผู้ใหญ่เรียกกันว่า การเยียวยาจิตใจ  อรุณรัศมีไม่เข้าใจว่า ทำไมพ่อถึงปล่อยให้แม่ไปอยู่ในที่ที่แสนไกล  ทำไมถึงไม่ให้แม่อยู่ด้วยกันกับเธอและพ่อในกระท่อมริมทะเลแห่งนี้

            อรุณรัศมีรักลุงสานนของเธอ  ทุกครั้งที่ลุงผู้เป็นเพื่อนสนิทของพ่อมาหา  ลุงจะนำเอาเสื้อผ้าและขนมหวานหอมอร่อยมาฝากเธอด้วย  เด็กหญิงชอบช่วงเวลาที่ได้ฝึกหัดอ่านเขียนกับลุงสานน  โดยเฉพาะนิทานและเรื่องราวแปลกประหลาดต่างๆ ซึ่งเธอชื่นชอบที่จะฟังเป็นพิเศษอีกด้วย 

            ไม่มีใครรู้ว่า พ่อสร้างกระท่อมหลังน้อยไว้ริมฝั่งทะเลทำไม  ทั้งที่มีผู้คนมากมายแวะเวียนมาขอร้องให้พ่อกลับไปยังบ้านหลังใหญ่โตของปู่กับย่า  อรุณรัศมีได้แต่คิดในใจ  บางที พ่ออาจคงรอคอยให้แม่กลับมาในสักวันหนึ่งกระมัง

            บางเวลา  แขกแปลกหน้าก็ทำให้เด็กหญิงวัยแปดปีต้องประหลาดใจ  อรุณรัศมีเพิ่งรู้ว่าตัวเองก็มีน้าชายซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวทางฝ่ายแม่กับเขาด้วย  น้องชายของแม่เป็นคนประหลาด  ผมของน้าอังการ์เป็นสีแดงทั้งหัว  ทั้งเนื้อตัวก็เต็มไปด้วยรอยสัก  แม้ภายนอกจะดูน่ากลัวแต่ความจริงแล้ว  น้าชายเป็นคนใจดีและรักเธอมาก  น้ามักจะมาพร้อมกับสมบัติและของแปลกๆ มากมาย ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเธอได้เสมอ

            เพียงปีละครั้ง  ช่วงเวลาที่เธอกับน้าชายจะได้นั่งด้วยกันข้างกองไฟ  น้าจะเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับแม่มากมาย  แต่หลังจากน้ากลับไป  พ่อก็จะคอยบอกกับเธอทุกครั้งว่า  สักวันหนึ่งข้างหน้า เธอจะได้ออกผจญภัยในเส้นทางชีวิตที่แตกต่างไปจากพ่อและแม่อย่างแน่นอน

            อรุณรัศมีอยากเติบโตมากกว่านี้  เธออยากจะเข้าใจโลกของผู้ใหญ่  ที่สำคัญ เธออยากรู้เหลือเกินว่าเพราะเหตุใด  แม่ถึงได้ทอดทิ้งเธอไป  แม่ไม่รักลูกคนนี้ของแม่บ้างเลยหรืออย่างไรกันนะ

            อาจเป็นเพราะเด็กหญิงเป็นลูกของคนที่ใครต่อใครต่างให้ความเคารพและเกรงใจ  ทำให้อรุณรัศมีเติบโตขึ้นมาอย่างแก่นแก้วทั้งมีนิสัยโลดโผนเหมือนอย่างพวกเด็กผู้ชาย  แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้  เมื่อการจับกลุ่มเล่นสนุกของพวกเด็กเลยเถิดไปสู่การทะเลาะวิวาทระหว่างกัน  การโต้เถียงตามประสาเด็กดำเนินไป  ต่างฝ่ายต่างงัดถ้อยวาจาเผ็ดร้อนที่จำเอามาจากพวกผู้ใหญ่สาดใส่กันด้วยแรงอารมณ์

            กระทั่ง..

            “เอ็งมันลูกไม่มีแม่  ชอบอวดเก่ง อวดฉลาด  เพราะไม่มีแม่คอยสั่งสอนนี่เอง”

            เด็กหญิงโผนเข้าผลัก พลางนั่งทับร่างของเด็กผู้ชายคู่กรณีทันที  สองมือน้อยทั้งทุบต่อยเป็นพัลวัน  ความโกรธทำให้ลืมความหวั่นกลัวในรูปร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายจนเสียสิ้น  เรื่องทะเลาะเบาะแว้งระหว่างเด็กอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาผู้ใหญ่  แต่สำหรับพ่อของเธอแล้วนั้น  เรื่องที่อรุณรัศมีก่อเรื่องทำร้ายเด็กคนอื่นดูเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขนาดที่พ่อต้องไปขอโทษขอโพยพ่อแม่ของเด็กคนนั้นถึงบ้าน  ก่อนที่จะกลับมาจัดการกับลูกสาวตัวดีในภายหลัง

.
            “กี่ที!  เจ้าตีเด็กคนนั้นไปกี่ที”

            เสียงของพ่อทั้งเข้มดุและดัง  เล่นเอาสาวน้อยตัวสั่นงันงกทั้งอยู่ในท่ายืนกอดอก  เด็กหญิงขยับมือทำชูนิ้วขึ้นเพียงสอง  ก่อนเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามจังหวะขยับไม้เรียวในมือของพ่อท้ายที่สุด

            แม้ลุงสานนจะอยู่ด้วยตรงนั้น  แต่ก็ไม่อาจปกป้องเธอจากโทสะของพ่อได้  ลุงส่งสายตามองดูเธออย่างเห็นใจ  ก่อนเจ้าไม้ที่เธอหวาดกลัวหนักหนาจะฟาดลงมายังก้นและต้นขาอย่างไม่ยั้ง  เกินจำนวนครั้งที่ตนอุตส่าห์ชูบอกไว้ก่อนหน้าเสียอีก

            “ฮือ.. ก็เจ้านั่นมันล้อข้าก่อน  มันว่าข้าไม่มีแม่  แล้วพ่อยังมาตีข้าอีก  ข้าเกลียดพ่อ”

            พอสลัดตัวหลุดออกมาได้  อรุณรัศมีก็ออกวิ่งพร้อมกับร้องไห้ด้วยความเสียใจไปจากที่ตรงนั้น  เด็กหญิงวิ่งหายเข้าไปในราวป่า  ตั้งใจไปในฐานลับที่ซุ่มสร้างเอาไว้  สถานที่แห่งความลับซึ่งมีเพียงแค่ตนเท่านั้นที่รู้ที่ตั้งของมัน

            “ปล่อยนางไป”

            สานนขยับทำท่าจะติดตามไป  หากพ่อของเด็กหญิงเอ่ยห้ามเอาไว้  ในเวลานี้ ดูเหมือนสีหน้าของบิดาผู้ที่จำต้องลงมือกำลังแสดงออกถึงความเจ็บปวดเสียยิ่งกว่า ลูกสาวที่เพิ่งวิ่งหนีหายไปหลายเท่านัก

            “นางยังเด็กนัก  สั่งสอนแค่พอหลาบจำก็เพียงพอแล้ว”
            “ตราบใดที่ยังคิดไม่ได้  ไม่รู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ  ก็ไม่เรียกว่าหลาบจำ  สิ่งที่ข้าต้องทำในวันนี้  วันหนึ่งข้างหน้าลูกข้าจักเข้าใจ”
            “เฮ้อ..  ขาจักลาย หมดสวยเสียก่อนหนอ”

            เสียงคนนอกบ่นพึมพำ  ลุงนอกไส้ได้แต่มองไปยังทิศทางที่หลานสาวคนโปรดวิ่งหายลับไปจากสายตา

.
            อรุณรัศมีไม่มีแม่..

            ยามนี้  เด็กหญิงแทรกตัวมุดเข้าไปในโพรงถ้ำขนาดเล็กตรงเชิงเขา  หน้าปากถ้ำมีพงหญ้าสูงท่วมหัวปกปิดทางเข้า  เด็กหญิงเข้าไปด้านในพลางขดตัวลงนั่งกอดเข่าสะอึกสะอื้นร้องไห้  รู้สึกเหมือนโลกนี้ช่างโหดร้ายกับเด็กตัวเล็กๆ อย่างตนเสียเหลือเกิน

            แม่จ๋า.. แม่อยู่ที่ไหน  หน้าตาของแม่เป็นอย่างไร  แม่จะยังจดจำลูกคนนี้ของแม่ได้อยู่ไหม  แม่จะรู้ไหมว่า ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน

            อรุณรัศมีร้องไห้จนเผลอหลับไป  ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่  ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าตนไม่ได้อยู่ในฐานลับอันมืดสลัวแต่เพียงลำพังผู้เดียวอีกต่อไป  บรรยากาศรอบตัวช่างสว่างไสว  สิ่งที่กางกั้นตัวเธอเอาไว้รอบกายคือกรงไม้ทาสีขาวสะอาดตา  พอมองขึ้นไปด้านบนก็เห็นวัตถุรูปทรงคล้ายสัตว์ต่างๆ แขวนเป็นพวงห้อยลงมาล่อใจให้ลองเอื้อมมือออกไปไขว่คว้า

            “อ้าว  ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ สาวน้อย”

            จู่ๆ ก็มีผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเยี่ยมหน้าออกมาจากด้านบนพลางส่งยิ้มให้  ก่อนอรุณรัศมีจะถูกรวบตัวขึ้นไปโอบกอดไว้แนบอกของผู้หญิงคนนั้น  เธอเพิ่งรู้สึกตัวว่า ตัวเองกลับกลายเป็นทารกตัวน้อยที่ทำได้แค่เพียงส่งเสียงอ้อแอ้กับขยับมือเท้าเปะป่ายไปมาเท่านั้น

            “ไหนดูซิ  ตื่นมาก็ร่าเริงเลยนะ  หิวไหมคะ  หนูอยากกินนมไหม”

            น้ำเสียงของผู้หญิงคนนั้นช่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรัก  อรุณรัศมีพยายามฝืนตั้งคอเพื่อแหงนมองดูใบหน้าที่แลดูละม้ายคล้ายคลึงกันกับน้าอังการ์  ใบหน้าที่เคยพร่าเลือนในมโนภาพมาโดยตลอด  ตอนนี้กำลังแจ่มชัดอยู่ตรงหน้า

          ..หรือว่านี่เป็นความฝัน  เธอกำลังฝันถึงแม่อยู่ใช่ไหมนะ..

            “ลูกหมีตื่นแล้วหรือครับ”

            แล้วเธอก็เห็นผู้ชายอีกคนหนึ่งเดินใกล้เข้ามา  ผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าหน้าตาเหมือนกับพ่ออย่างไม่มีผิดเพี้ยน  เธอพยายามส่งเสียงเรียกพ่อด้วยความดีใจ  แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับเป็นได้แค่เสียงอ้อแอ้ไม่เป็นคำ

            “โอ้โห!  พยายามเรียกพ่อซะด้วย  เก่งจังเลย ลูกสาว”

            คนเดียวกันกับที่เพิ่งลงมือตีเธอไปสดๆ ร้อนๆ  มาตอนนี้ กลับเป็นฝ่ายแย่งตัวเธอไปอุ้มเอาไว้  แก้มน้อยทั้งสองซ้ายขวาถูกใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มละไมของพ่อหอมฟอดใหญ่ไปมา  รู้สึกจั๊กจี้จนต้องยกมือขึ้นแปะยันหน้าอีกฝ่ายไว้อย่างสุดกำลัง

            “เห็นแล้วก็นึกถึงอรุณรัศมีนะคะ  ลูกอยู่ทางโน้นไม่รู้เป็นอย่างไร  ฉันไม่มีโอกาสได้อยู่ ได้ช่วยคุณเลี้ยงดูแกเลย  รู้สึกเสียใจเหลือเกิน”

            แม่พูดด้วยสีหน้าเศร้า พลางเอื้อมมือมาจับแผ่นหลังของเธอเอาไว้  อรุณรัศมีสัมผัสถึงความเศร้าเสียใจนั้นได้  เธอรู้ว่า แม่เสียใจตามอย่างที่พูดจริงๆ

            “วางใจเถอะ  แกเป็นเด็กฉลาด  ถึงตอนเป็นเด็กจะเกเรผิดวิสัยหญิงไปบ้าง  แต่ก็โตมาอย่างแข็งแรงสมบูรณ์ดี  อ่อ เก่งกล้าสามารถอีกด้วย”
            “คุณสอนวิชาให้ลูกด้วยหรือนี่”

            เสียงของแม่อุทานด้วยความประหลาดใจ  ก่อนที่ร่างของแม่จะถูกพ่อรวบเข้ามากอดไว้ข้างๆ กันกับตัวเธอ  แววตาของพ่อเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่  มันเป็นแววตาแบบเดียวกับที่พ่อใช้มองเวลาที่เธอทำตัวดี ไม่ดื้อไม่ซน นั่นเอง

            “ก็.. ถ้าพ่อแม่ไม่ได้อยู่ในโลกแล้ว  เขาจะได้ดูแลตัวเองต่อไปได้  ในบางครั้ง..ข้าเองก็จำใจต้องลงโทษอรุณรัศมี  เวลาที่นางทำตัวเกเร” 

            คำเรียกแทนตัวของพ่อเปลี่ยนไป  ราวกับว่า พ่อคนนี้ในเครื่องแต่งกายแปลกตา กลายเป็นพ่อคนเดียวกับคนที่อยู่ที่กระท่อมชายทะเล 

            “ข้าตีลูก เพื่อต้องการให้เขาจดจำ  เพื่อจะได้ไม่ไปเที่ยวทำตัวเป็นอันธพาล  หลงทำผิดคิดร้ายแก่คนอื่นเขา  ข้าทำเผื่อในส่วนของเจ้า  เขาจักได้รู้ว่า แม่ยังคอยเฝ้าเป็นห่วงเขาอยู่เสมอ  ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดก็ตาม”

            “ฉันคิดถึงลูกเหลือเกิน  อรุณรัศมี..ลูกรักของแม่”

            อรุณรัศมีอยากยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้แม่  อยากโผเข้าไปหา  อยากกอดแม่ให้สมกับช่วงเวลาที่ขาดหายไป  ทว่าเธอไม่สามารถทำได้ดังใจ  เพราะพอยื่นมืออันเล็กจ้อยออกไป  โลกตรงหน้าก็พลันมืดดับไปเสียก่อน

.
            อรุณรัศมีไม่มีแม่..

            โพรงถ้ำนั้นมืดสนิทตอนที่เด็กหญิงตื่นขึ้นมา  โดยไม่รอช้า  สองมือแหวกพงหญ้า ก่อนพาตัวเองวิ่งห้อตะบึงกลับไปยังบ้านที่มีคนรอคอยการกลับไปของตน  เธอกระโจนเข้าสวมกอดร่างสูงใหญ่ของพ่อ ผู้ซึ่งยกแขนขึ้นกอดตอบด้วยท่าทางงงๆ  พลางละล่ำละลักบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี

            “พ่อ.. พ่อจ๋า ข้าได้เจอกับแม่แล้วนะจ้ะ  แม่บอกว่า ข้าเป็นลูกรักของแม่ด้วยล่ะ”
            “เจ้าเจอแม่ของเจ้าที่ใดกันเล่า  ลูกเอ๋ย”

            พ่อของเธอถาม พลางยกมือฝ่ามืออันหนาใหญ่ลูบไปตามศีรษะและใบหน้าของเธออย่างทะนุถนอม

            “ในฝันจ้ะ ข้าเผลอหลับไปแล้วตื่นไปพบกับแม่ที่นั่น  พ่อก็อยู่ด้วยนะจ้ะ  ตอนนี้ ข้าเข้าใจแล้วว่า พ่อตีข้าทำไม  ต่อไปนี้  ข้าสัญญา ข้าจะทำตัวดีๆ จะไม่เกเร  ไม่ทำร้ายคนอื่นอีกแล้วจ้ะ”

            พ่อของเธอกับลุงสานนหันมองหน้ากัน  ก่อนที่น้ำตาของพ่อจะไหลออกมาให้เด็กหญิงได้เห็นเป็นครั้งแรกในชีวิตของตน  เธอไม่เข้าใจอาการของลุงสานนที่ลุกขึ้นมาตบบ่าของพ่อ  พอนึกอะไรขึ้นมาได้  อรุณรัศมีก็วิ่งตื๋อเข้าไปในกระท่อม  ก่อนจะถือเอากระบองเหล็กซึ่งเป็นอาวุธคู่กายของพ่อออกมา

            ศรีสุวรรณมองดูลูกสาวของตน  ก่อนยิ้มให้ลูกด้วยความอ่อนโยนและแสนรักใคร่  ดวงหน้าของอรุณรัศมีในตอนนี้ เต็มไปด้วยแววตาและรอยยิ้มแสดงอาการท้าทาย ราวกับถอดแบบมาจากแม่ของนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

            “พ่อต้องสอนข้า  ต่อไปนี้ ข้าจะได้ดูแลตัวเอง ดูแลพ่อได้อย่างไรเล่าจ้ะ”

            เด็กหญิงวัยแปดปียิ้มพร้อมกับแสดงออกถึงความมุ่งมั่น  การผจญภัยของตนรอคอยอยู่ในกาลเบื้องหน้า  ทว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่จะต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมเสียก่อน

.
            อรุณรัศมีไม่มีแม่..  แต่ตอนนี้ เธอรู้แล้วว่า แม่ของเธอไม่ได้หายไปไหน

            แม่อยู่กับเธอเสมอ  แม่ยังคงมีชีวิตอยู่ในตัวของเธอ  เหมือนที่ยังอยู่ในใจของพ่อไม่เสื่อมคลาย

            สักวันหนึ่ง  อรุณรัศมีจะออกไป  เพื่อค้นหาหนทางที่จะทำให้พ่อกับแม่และเธอได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง

.
                                                              +++++++++++++++++++++++++
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่