๑.๕๐.๐๑ น.
โยม ถามว่า เข้าพระสูตร วิญญาณไปเกาะรูป เวทนา สัญญา สังขาร พอวิญญาณเลิกเกาะสิ่งเหล่านี้แล้ว สัตตานังไปเกาะกับอะไร ?
พระคึกฤทธิ์ :ไม่มีอะไรจับ อวิชชาเป็นเหตุให้มันจับ ตัวที่มันจับมีแค่ ๕ ขันธ์ พอไม่มีอะไรจับก็เรียกว่าสัตว์ไม่ได้ เรียก วิมุติญาทัศนะ รู้เห็นในการหลุดพ้น
โยม ถามว่า แล้วการรับรู้เอาอะไรรับรู้
พระคึกฤทธิ์ ตัวอสังขตะ เป็นตัวรู้ในตัวของมันอยู่แล้วไง ทุกวันนี้ อสังขตะ มันก็ใช้ขันธ์ ๕ อยู่เนี้ยะ จะว่ามันรู้ไหมละ ใช่ไหม เพราะมันเป็นผู้มามีฉันทะ ราคะ นันทิ ตัณหา ในจิต อะ แต่จิตก็เป็นธาตุรู้อีก แต่บัญญัติศัพท์ มันหมดแล้วไง ไอ้รู้ที่ไม่ใช่จิต จะเรียกอะไร เรียกรู้อีกอะ เลยต้องมีบัญญัติศัพท์อีกอะ อันนี้ เป็น อสังขตะนะ คือ คุณสมบัติ คือ เกิดไม่ปรากฎ เสื่อมไม่ปรากฎ ถึงจะแยกรู้ รู้ของจิต กะรู้ของผู้ที่มารู้จิต
ที่มาข้อความ
https://www.youtube.com/watch?v=14tEZFhQbcs
โยมถามว่า เข้าพระสูตรวิญญาณไปเกาะรูป,เวทนา,สัญญา,สังขาร พอวิญญาณเลิกเกาะสิ่งเหล่านี้แล้ว สัตตานังไปเกาะกับอะไร ?
โยม ถามว่า เข้าพระสูตร วิญญาณไปเกาะรูป เวทนา สัญญา สังขาร พอวิญญาณเลิกเกาะสิ่งเหล่านี้แล้ว สัตตานังไปเกาะกับอะไร ?
พระคึกฤทธิ์ :ไม่มีอะไรจับ อวิชชาเป็นเหตุให้มันจับ ตัวที่มันจับมีแค่ ๕ ขันธ์ พอไม่มีอะไรจับก็เรียกว่าสัตว์ไม่ได้ เรียก วิมุติญาทัศนะ รู้เห็นในการหลุดพ้น
โยม ถามว่า แล้วการรับรู้เอาอะไรรับรู้
พระคึกฤทธิ์ ตัวอสังขตะ เป็นตัวรู้ในตัวของมันอยู่แล้วไง ทุกวันนี้ อสังขตะ มันก็ใช้ขันธ์ ๕ อยู่เนี้ยะ จะว่ามันรู้ไหมละ ใช่ไหม เพราะมันเป็นผู้มามีฉันทะ ราคะ นันทิ ตัณหา ในจิต อะ แต่จิตก็เป็นธาตุรู้อีก แต่บัญญัติศัพท์ มันหมดแล้วไง ไอ้รู้ที่ไม่ใช่จิต จะเรียกอะไร เรียกรู้อีกอะ เลยต้องมีบัญญัติศัพท์อีกอะ อันนี้ เป็น อสังขตะนะ คือ คุณสมบัติ คือ เกิดไม่ปรากฎ เสื่อมไม่ปรากฎ ถึงจะแยกรู้ รู้ของจิต กะรู้ของผู้ที่มารู้จิต
ที่มาข้อความ https://www.youtube.com/watch?v=14tEZFhQbcs