เรื่องสั้น.....รักสามเศร้า....5

ค่ำคืนวันเสาร์ท้องฟ้าปลอดโปร่งมองเห็นดาวหลายดวง บูมเข้าไปนอนเล่นในห้องนอนของตัวเอง เพราะละครหลังข่าวสามวันสุดสัปดาห์มันไม่สนุกถูกใจบูมเลย ตามด้วยน้องเบสเข้ามานอนด้วย แต่ไม่ได้สนใจพี่ชายเลยสักนิด นอนหันหลังให้ดูแต่การ์ตูนในยูทูปอย่างเดียว

ห้องนอนห้องนี้เป็นห้องเก่าของพ่อ ยังมีข้าวของบางอย่างที่พ่อไม่เอาไปด้วยหลังแต่งงานกับแม่ เช่นรูปพ่อสมัยหนุ่มๆ สมุดเรียนสมัยก่อนที่มีรูปในหลวงรัชกาลที่เก้า กับนักเรียนหญิงชายสองคนนั่งคุกเข่า สภาพมันเก่าตามอายุ และจดหมายสองสามฉบับ

เวลาที่บูมมานอนบ้านย่า บูมก็หยิบขึ้นอ่านทุกครั้ง มันก็เป็นข้อความเดิมๆ แต่บูมไม่เบื่อที่จะอ่าน บูมหยิบฉบับแรกขึ้นมาอ่าน มันเป็นจดหมายที่เขียนถึงปู่กับย่า

“ถึงพ่อกับแม่ ตอนนี้ลูกสบายดี พ่อแม่และน้องสบายดีไหม ตอนนี้ลูกทำงานวันจันทร์ถึงวันเสาร์ วันอาทิตย์ลูกเรียนหนังสือ

พ่อแม่ไม่ต้องเป็นห่วงลูกสบายดี สิ้นเดือนลูกจะฝากเงินผ่านธนานัตไปให้ อยากกินอยากได้อะไรพ่อกับก็ซื้อเลย ไม่ต้องอด

รักและคิดถึงเสมอ..............วิบูรณ์”

จดหมายฉบับแรกเป็นจดหมายของพ่อที่เขียนถึงปู่กับย่า ตอนนั้นพ่อน่าจะอยู่กรุงเทพ แล้วบูมก็หยิบฉบับที่สองขึ้นมาอ่าน เป็นจดหมายของพ่อเขียนถึงปู่กับย่าอีกเช่นกัน

“ถึงพ่อกับแม่ ตอนนี้ลูกสบายดีได้เพื่อนทหารใหม่ด้วยกันสี่คน อีกสามเดือนลูกจะกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่และน้อง เงินเดือนทหารลูกใช้หมดแล้ว พ่อแม่ไม่ต้องห่วง รักและคิดถึง....... วิบูรณ์”

ฉนับนี้น่าจะเป็นช่วงที่พ่อเป็นทหาร พ่อเคยบอกว่าพ่อเป็นทหารราบ ประจำที่นครพนม ชุดทหารของพ่อยังอยู่ แต่ปู่เอามาใส่ไปทุ่งนา ใส่กันแดดกันลมแล้ว

พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าครูฝึกอยากให้พ่อสอบนายสิบ แต่พ่อห่วงเรื่องเรียนที่ดร็อปไว้ก่อนจะมาเป็นทหารมากกว่า พ่อเลยเลือกที่จะกลับมาเรียนต่อให้จบ

ญาติๆฝั่งพ่อเคยแซวบูมว่าหน่วยก้านบูมใช่ได้ ไม่รอดเข่งแน่นอน บูมจึงวางแผนให้กับตัวเองว่า ม.ปลายจะเรียน ร.ด. จะได้ไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหาร

เมื่ออ่านจบ บูมก็หยิบฉบับสุดท้ายมาอ่าน ทุกทีที่อ่านฉบับนี้บูมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ของแม่ที่เขียนถึงพ่อ แต่มันก็รู้สึกขำๆยังไงบอกไม่ถูก

บางครั้งบูมก็อยากจะแกล้งพ่อ เอาไปให้แม่อ่าน แต่มันคงไม่ดีแน่ๆ แม่อาจจะไม่โกรธพ่อ แต่พ่อจะโกรธบูมแทน อดีตของพ่อก็ให้มันเป็นอดีตไป

“ ถึงวิบูรณ์ที่รัก ภาสบายดี อยู่กรุงเทพเป็นยังไงบ้าง ทำงานเหนื่อยไหม สาวๆที่นู่นสวยไหม แล้วสงกานต์กลับบ้านเราหรือป่าว ภาจะรอวิบูรณ์กลับบ้านเรานะ
รักและคิดถึง....นภา”

อ่านจบบูมเก็บจดหมายเข้าลิ้นชักตู้เหมือนเดิม ตู้เสื้อผ้าก็เป็นตู้เก่าของพ่อ โครงสร้างทำด้วยสแตนเดต ส่วนประตูตู้เป็นกระจกใส มีเสื้อผ้าเก่าของพ่อแขวนไว้สี่ห้าตัว

ห้องติดกับห้องพ่อเป็นห้องของอาที่เสียชีวิตไปแล้ว วันโกนวันพระบางครั้งก็ได้ยินเสียง กุกๆ กักๆ ในห้อง บูมก็มีหลอนๆอยู่บ้าง ถามว่ากลัวมั้ย บูมไม่กลัว จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอา คิดแล้วก็อดสงสารน้องเบสไม่ได้เลยที่ต้องกำพร้าพ่อแม่แต่เล็กๆ

เมื่ออ่านจดหมายจบแล้ว ก็ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องคุยกับอาร์ บูมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูเฟสบุ๊ค บูมกดเข้าไปดูรูปเนส เลื่อนดูรูปไปเรื่อยๆก็เพลินดี

แต่แล้วความซวยก็บังเกิด บูมเผลอกดถูกใจรูปเนส ที่เนสลงไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เจ้าของรูปก็จะรู้ได้ว่าบูมเข้ามาค้นเฟสบุ๊คตัวเอง

บูมจะแก้ตัวว่ายังไงดีนะ บางทีเนสอาจจะไม่ใส่ใจก็ได้ แต่ถ้าเนสใส่ใจละจะแก้ตัวยังไงดี ถ้าเนสแซวจะว่ายังไง

ปิ๊ง!..... คิดออกแล้ว น้องเบสไง ต้องบอกว่าน้องเบสเอามือถือไปเล่น แล้วเผลอกดไปไม่รู้ตัว แก้ตัวไปก่อน เชื่อไม่เชื่อค่อยว่ากัน


เนสนั้งดูละครหลังข่าวกับยาย พอช่วงโฆษณาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ในแอ็บเฟสบุ๊คมีแจ้งเตือนเยอะมาก

มีผู้คนในโลกออนไลน์มากมายกดถูกใจรูปที่ลง ทั้งเพื่อนๆอีกหลายคน เนสกดเข้าไปดูว่ามีใครบ้าง แต่ต้องสดุดกับชื่อๆหนึ่ง เมื่อกดเข้าไปดูโปรไฟล์ บูมนั้นเอง

“บูมแอบส่องเฟสเราเหรอ” เนสยิ้มๆพรุ่งนี้จะแซวให้อายเลย

จากนั้นก็เป็นเนสบ้างที่กดเข้าไปส่องบูม นายนี่ก็หน้าตาดีเหมือนกันแฮะ กดเลื่อนดูรูปไปเลือยๆ มีรูปที่ถ่ายกับครอบครัว ถ่ายกับปู่ย่า น้องเบส และเพื่อนอีกหลายรูป

เนสเลื่อนดูรูปไปเรื่อยๆ มือก็คอยระวังอย่าเผลอไปกดถูกใจเชียว เดียวจะโดนบูมล้อ แต่แล้วต้องมาสดุดตากับรูปหนึ่ง บูมถ่ายกับใคร แฟนบูมแน่ๆเลย มีแท็กกันด้วย จากนั้นเนสก็เลิกสนใจเฟสบูม กดเข้าไปดูเฟสคนที่บูมแท็กแทน

“มีแฟนสวยไม่เบานะเนี่ยนายบูม” เนสพูดคนเดียวมือก็เลื่อนดูรูปอาร์ไปเรื่อยๆ

“พูดว่าอะไรนะเนส” ยายจันทร์ได้ยินเสียงเนสพูด แต่ฟังไม่ชัด

“ป่าวๆจะยาย เนสพูดถึงเพื่อนในโทรศัพท์” เนสต้องพูดคำว่าโทรศัพท์แทนเฟสบุ๊ค เพื่อความเข้าใจง่ายของยาย

แล้วเนสก็วางโทรศัพท์ไว้ เงยหน้าขึ้นมาดูหนังกับยายต่อไป ละครสามวันสุดสัปดาห์เป็นละครเรื่องโปรดของเนส จะพลาดแม้แต่ตอนเดียวก็ไม่ได้ กำลังดุเดือด พระเอกบาดเจ็บถูกลอบยิง ส่วนผู้ร้ายก็หล่อ อยากรู้ว่าตอนจบพระเอกจะลงเอยกับใคร

“ยายชอบไอ้คนนี้นะมันเข้มดี”

“มันเป็นตัวร้ายยาย ส่วนพระเอกคนที่โดนยิงนะ”

“พระเอกไม่หล่อเท่าคนนี้เลย”

“พระเอกหล่อนะยาย ยายไม่รู้จัก เวียย์ ศุกลวัฒน์เหรอ”

สองยายหลานนั่งดูละครไปวิจารย์ไป คนเขียนบทคงภูมิใจที่เขียนให้คนดูเข้าถึงอารม์ความรู้สึกของตัวละครได้ เรื่องนี้เลทติ้งสูงมาก คนติดกันทั้วบ้านทั่วเมือง


เมื่อละครหลังข่าวจบแล้ว อาร์กับพ่อแม่เตรียมตัวเข้านอน สำรวจบ้านว่าล็อคประตูหน้าต่างเรียบร้อยทุกบานแล้วหรือยัง โจรขโมยยิ่งเยอะช่วงนี้ ไว้ใจไม่ได้

เมื่ออาร์สำรวจบ้านเรียบร้อยแล้วก็ปิดไฟเข้านอน อาร์ถอนหายใจออกมายาวๆ ละครจบสักที ถึงเวลาได้คุยกับบูมแล้ว แต่ตอนนี้พ่อแม่ยังไม่หลับ ก็ต้องแชทคุยเท่านั้น

อาร์ล้มตัวลงบนที่นอนบางๆ แต่มันก็พอมีความนุ่มอยู่บ้าง ดีกว่านอนเสื่อธรรมดาตั้งหลายเท่า จะเรียกว่าฟูกก็ได้

อาร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์แชทหาบูม จะทำอะไรอยู่นะตอนนี้ อาร์รู้สึกอยากขอบคุณบูมที่รับทุกอย่างในความเป็นอาร์ได้ ที่เข้าใจ ที่รอคุยกับอาร์ดึกๆทุกวัน

มีผู้ชายมากมายอยากคุยกับอาร์ แต่อาร์ก็ไม่คิดจะให้ความหวังใคร เพราะอาร์มีบูมอยู่แล้วทั้งคน อาร์ไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าบูมจะมีแค่อาร์คนเดียว สักวันบูมอาจจะเจอคนที่ดีกว่านี้ก็ได้ เพราะอาร์มันจน

อาร์พิมพ์ยังไม่จบ บูมก็ส่งไลน์มาก่อนแล้ว

“คิดถึงจังเลย”

“รออาร์นานมั้ยบูม ขอโทษนะที่คุยกันดีๆเหมือนคนอื่นไม่ได้”

“คิดมากอีกแล้ว มามะจุ๊บทีนึง จะได้ไม่ต้องคิดมากอีก”

“ไปบ้านย่าจีบสาวๆแถวนั้นด้วยมั้ยนิ”

“โอ้ย!! จะมีใครมาให้จีบ วันๆไม่ได้ไปไหนเลย เล่นแต่กับไอ้แห้ง”

“ให้มันจริงเห๊ะ!!”

“ครับผม  คิดถึงอาร์นะ บูมจะรักอาร์ตลอดไปน๊า”ตามด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจส่งสลับกันไปมา

ใครว่าเด็กมีความรู้สึกไม่เป็น ใครว่าเด็กไม่รู้จักความรัก ถ้ารักแบบเข้าใจ รักแบบในความเอาใจใส่ดูแลของครอบครัว มีอะไรคุยกันตรงๆไม่ต้องปิดบัง แล้วเด็กจะไม่แอบทำลับหลังพ่อแม่ ความผิดพลาดก็จะเกิดขึ้นน้อยที่สุด

นี่คือสิ่งที่พ่อแม่สอนบูมเสมอ ครอบครัวบูมรู้ว่าบูมมีแฟนแล้ว ไม่เคยห้าม แต่ต้องมีเวลา ไม่หมกหมุ่น ต้องแบ่งเวลาให้เป็น ต้องอยู่ในกรอบ ไม่แอบพากันไปทำในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร

และพ่อกับแม่ยังสอนบูมว่าบางทีคนที่เรารักตอนนี้ ในอนาคตอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่เราก็ได้ เพราะอายุเพียงเท่านี้ยังต้องพบเจออะไรมากมาย เจอโลกที่กว้างกว่านี้เมื่อโตขึ้น คนที่ใช่ตอนนี้ในอนาคตอาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่ถ้าคนเรารักกันจริง แม้เจะเจออะไรเข้ามาก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้

บูมรับฟังและปฏิบัติตามในสิ่งที่พ่อแม่สอนมาตลอด มากที่สุดกับอาร์ก็แค่จับมือกัน ไม่เคยล่วงเกินอะไรอาร์เลย

“พี่บูมปิดไฟนอนได้แล้วน้องเบสนอนไม่หลับ”

เด็กน้อยนอนพลิกตัวไปมานอนไม่หลับเพราะบูมยังไม่ปิดไฟห้อง ซึ่งตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว

“ครับๆ ปิดไฟนอนแล้วครับ”

บูมหันพัดลมไปหาน้องสาวให้โดนตัวมากที่สุด ตัวเองโดนเฉียดๆก็ได้ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปปิดไฟนอน บ้านย่าไม่ได้ติดแอร์ ใช้พัดลมก็พอแล้ว

บูมนอนไม่หลับ ยังคิดไปถึงเรื่องเนส ถ้าพรุ่งนี้เจอเนสเขาจะโดนล้อมั้ยนะ ไอ้มือเจ้ากรรมดันไปกดถูกใจรูปเขาสะงั้น เลยรู้เลยว่าแอบส่อง

แค่เรื่องแค่นี้ก็ทำให้เครียดได้เหมือนกันนะ แล้วจะคิดมากไปทำไม ล้อก็ล้อสิทำไมต้องกลัว ทำไมต้องนอนไม่หลับ

กึก กึก เอียด!!! เสียงเหมือนมีคนเปิดประตูตู้เสื้อผ้า แต่มันไม่ได้ดังในห้องบูม เสียงมันมาจากห้องข้างๆ ห้องของอาบูม

มันมีเสียงได้ไง ไม่มีคนนอนในนั้น ปู่กับย่าก็นอนอีกห้อง น้องเบสก็นอนอยู่ข้างๆนี่ แล้วใครเข้าไปเปิดประตูตู้ละ

ตึ้ง!! เสียงเหมือนคนกระแทกประตู้เข้าไป ในขณะที่บูมยังครุ่นคิดอยู่ บูมหันตระแคงข้างหันหน้าไปทางน้องเบสทันที หยิบผ้าห่มมาคลุมโปรงทั้งตัว ในใจก็คิดว่าอาอย่ามาหลอกบูมให้กลัวเลย บูมหลานอานะ บูมไม่กลัวอาหรอก บูมรักอารักน้องเบสรักปู่กับย่า แล้วบูมจะทำบุญไปให้อานะ

แต่บูมยังคลุมโปรงทั้งตัว ไม่แค่นั้นยังข่มตาให้หลับอีกด้วย ร้อนก็ร้อน แต่บูมก็ไม่กล้าเอาผ้าห่มออกจากตัว

ตอนเช้าบูมตื่นแต่เช้าพร้อมย่า ให้ย่าจัดของใส่บาตรให้บูมหนึ่งชุด บูมจะไปวัดไปทำบุญกับย่าวันนี้ ผู้เป็นย่าก็ไม่ขัดอะไร ดีแล้วที่หลานอยากทำบุญ

ย่าของบูมจัดชุดทำบุญใส่จานให้บูม มีข้าวป่าว นมจืดสองกล่อง มาม่าสองห่อ และแกงสองถุง เรียงไว้ในจาน จากนั้นก็เตรียมน้ำปล่าวกับแก้วไว้เพื่อนำไปหยาดน้ำด้วย ดอกไม้อีกหนึ่งช่อเล็กๆ

ส่วนของย่าก็จะเป็นกับข้าวทำใส่ปิ่นโต ย่าไปวัดทุกวันตั้งแต่อาเสีย ย่าบอกว่าเดียวอาไม่ได้กินข้าว เดียวอาจะหิว พอช่วงเข้าพรรษา ในวันพระย่าก็จะนุ่งขาวไปนอนวัด สวดมนต์ทำวัดกับหลวงพ่อ และเพื่อนย่าอีกหลายคน


เช้าวันอาทิตย์เนสตื่นมาในเวลาปกติ หกโมงเช้า แปลกใจทำไมวันนี้บูมตื่นเช้าได้ ถึงมานอนบ้านย่าก็ตื่นสายอยู่ดี ถ้าไม่แปดโมงเก้าโมงก็ไม่ยอมตื่น แต่ทำไมวันนี้ตื่นเช้ามาก มากจนดูผิดปกติ

แล้วเนสก็เห็นบูมไปวัดกับย่า เนสแอบยิ้มรู้ความจริงแล้ว ทำสิ่งดีๆก็เป็นกับเค้าแฮะ และเนสก็รู้สึกตัวว่าตั้งแต่ตัวเองย้ายมาอยู่กับยาย ยังไม่เคยไปทำบุญตักบาตรที่วัดเลย

เนสมองนาฬิกายังทัน บูมกับย่าก็พึ่งไปเมื่อกี้ เนสรีบวิ่งไปบอกยายให้จัดกับข้าวให้หน่อย เนสอยากไปตักบาตรที่วัด เมื่อกี้เห็นยายก้านไป เนสจะไปด้วย

ให้ยายจัดให้เนสขอตัวไปแต่งตัวก่อน ประเดี๋ยวจะไม่ทัน เมื่อยายจัดของเสร็จแล้ว รอแค่เนสแต่วตัวให้เสร็จแค่นั้น

“เนสเอ้ยเสร็จยังลูก เร็วเข้าหน่อยจวนจะได้เวลาแล้ว”

“เสร็จแล้วจะยาย เสร็จแล้ว”

เนสวิ่งออกมาจากในบ้าน หยิบถาดกับข้าวที่ยายเตรียมให้ ใส่รองเท้าแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังวัด โชคดีที่วัดอยู่ไม่ไกลบ้าน ถัดไปแค่สี่ห้าหลังก็ถึงแล้ว

เมื่อเนสมาถึงศาลาวัดแล้ว ถอดรองเท้าไว้ข้างๆบันได ต้องถอดไว้เป็นที่เป็นทางนิดนึง เดี๋ยวตอนกลับหารองเท้าไม่เจอ อาจจะเจอของคนอื่นแทน ส่วนของตัวเองก็อาจจะไปอยู่กับเจ้าของใหม่แล้วก็ได้

“เนสเอ้ย มานั่งตรงนี้ลูก”

ย่าของบูมเรียกเนสให้เข้ามานั่ง เพราะมองเห็นพอดี ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รออีกสักสี่ห้านาทีก่อน รอญาติโยมอีกสักหน่อย

เนสมองไปตามเสียงเรียก เห็นยายก้านกับบูมนั่งอยู่มุมขวามือของพระพุทธรูป ฝั่งติดกับยายมีคนนั้งแล้ว เหลือที่ว่างคือฝั่งติดกับบูม เนสคิดว่าจะทำยังไงดี นั่งก็นั่งเรามาทำบุญ คิดอะไรมากมาย

เนสเดินก้มๆขอทางคนนั่งก่อนหน้าเพื่อมานั่งกับบูม พอถึงที่นั่งแล้ว บูมก็ขยับให้มีที่ว่างพอให้เนสนั่งลงได้พอดี เนสวางกับข้าวไว้ แล้วกราบลงสามครั้ง

จากนั้นเนสก็นั่งมองผู้คนมากมายมาทำบุญ จะมียายๆสี่ห้าคนนั่งอยู่ข้างหน้า เนสคิดว่ายายๆเหล่านี้น่าจะมาประจำพร้อมกับย่าของบูมด้วย

ถัดไปคือวัยพ่อกับแม่เนสมีสองสามคน ส่วนเด็กๆเห็นจะมีบูมกับเนสนี่แหละ นอกนั้นก็จะเป็นเด็กเล็กๆ รุ่นน้องเบส หรือเด็กกว่าลงไป ที่ตามย่ายายมาด้วย

ถ้าวันธรรมดาคนมาทำบุญจะน้อย ถ้าวันสำคัญ เช่น เข้าพรรษา มาฆบูชา อะไรแบบนี้ชาวบ้านจะมาทำบุญกัญเยอะ ศาลาวัดแทบจะไม่พอนั่ง ย่าของบูมเล่าให้ฟัง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่