เรื่องสั้น.....รักสามเศร้า....2

เช้าวันอาทิตย์ย่าทำกับข้าวหลายอย่างมาก วัตถุดิบที่ใช้ทำส่วนมากไม่ได้ซื้อ ย่าปลูกเองทั้งนั้น จะซื้อก็มีแค่เนื้อหมูกับปลาแค่นั้นแหละ ถ้าเป็นพืชผักย่าปลูกไว้กินเอง มันก็ช่วยประหยัดไปในตัวได้หลายบาท

เช้านี้ย่าทำแกงเปอะของโปรดบูมเลย ข้าวเหนียวร้อนๆ น้ำพริกแมงดา ทอดปลาทูอีกสามสี่ตัวเป็นเมนูง่ายๆ

สำรับถูกยกมาวางไว้หน้าบ้าน ที่บ้านย่าใช้วิธีนั่งกินกับพื้นปูเสื่อรองนั่งทั้งสี่คนปู่ย่าน้องเบสและบูมนั่งล้อมวงกันกำลังจะลงมือกินข้าวพอดี เสียงยายจันทร์ก็ตะโกนมาทักท้วงไว้ก่อน

“อย่าพึ่งอิ่มนะรอฉันก่อน”

ยายจันทร์กับหลานสาวถือสำรับกับข้าวเดินมาทางบ้านย่า จะมาร่วมวงด้วยมันเป็นเรื่องปกติบางวันยายจันทร์ก็จะมากินข้าวด้วย เพราะสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ

วันไหนยายจันทร์ไม่มาย่าก็จะไปเรียก ยายจันทร์อยู่บ้านคนเดียว สามีตายจากหลายปี ส่วนลูกๆไปทำงานที่ต่างจังหวัดกันหมด แต่ยังส่งเงินมาให้ไม่ขาด จะกลับแค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น

เรื่องนี้ยายจันทร์เข้าใจดี ถ้าลูกไม่ทำงานก็ไม่มีกิน จะทำงานแถวบ้านก็ไม่พอเก็บ แค่มีกินไปวันๆ

“มาๆยายจันทร์ ฉันกำลังจะลงมือพอดียังไม่อิ่ม”

“ถืออะไรมามากมายละนั่น อีนางนี้ลูกนางนิดละสิ คนโตหรือคนเล็กละ ตาจำไม่ได้เห็นแต่เด็กๆ”

ปู่กล่าวทักทายตามแบบฉบับเจ้าบ้านที่ดี พร้อมขยับที่ว่างให้พอดีสองยายหลานนั่ง โดยยายจันทร์นั่งข้างย่า ตามด้วยหลานสาว น้องเบส บูมและปู่

“คนเล็กค่ะตา เนสเองจำไม่ได้เหรอ”

เด็กสาวตอบอย่างคนคุ้นเคย ตอนเด็กๆเนสมาบ้านยายจันทร์ก็จะชอบมาวิ่งเล่นที่บ้านย่าทุกครั้ง แต่ทำไมบูมไม่เคยเห็นเลย ได้ยินแต่ยายจันทร์เล่าให้ฟัง

วันนี้ได้เห็นแล้วหน้าตาก็ดูดีนะ แต่สวยน้อยกว่าอาร์นิดหน่อย รู้สึกถูกชะตาชมัด อยากคุยด้วย อยากสนิทด้วย ไม่ใช่เพราะชอบ แต่เป็นเพราะเราคนบ้านติดกันน่าจะรู้จักหรือเป็นเพื่อนกันไว้ มีอะไรจะได้ปรึกษากันได้

“เอาๆลงมือได้แล้ว ฉันหิวข้าวจะแย่แล้ว”

ย่าพูดขึ้น ข้าวเช้ามื้อนี้แสนอร่อยจริง ปู่ย่ากับยายจันทร์กินข้าวไปคุยกันไป ถามเรื่องนู้นเรื่องนี้บ้าง ส่วนคนที่เงียบก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวเห็นจะมีแค่บูมกับเนสนี่แหละ

น้องเบสก็กินไปคุยกับย่าไปตามประสาเด็กๆ นี่ผักอะไรยาย น้ำพริกยายเผ็ดขอน้ำหน่อย น้องเบสเป็นหลานตากับยาย แม่ของน้องเบสเป็นน้องสาวพ่อ

บูมสงสัยว่าทำไมเนสมาอยู่กับยายจันทร์ หรือว่าไม่เรียนหนังสือแล้ว พึ่งจะ ม.2 เองนะแล้วจะไปทำมาหากินอะไร หรือว่าเป็นเรื่องอื่นเกิดอะไรขึ้น จะว่าหยุดยาวก็ไม่ใช่ ถ้ามีเรื่องสำคัญพ่อแม่เนสก็ต้องมาด้วยสิ แต่นี่เนสมาคนเดียว ย้ายโรงเรียนมาอยู่เป็นเพื่อนยายจันทร์เหรอ เพราะแกอยู่คนเดียว อันนี้สมเหตุสมผลสุด

บูมครุ่นคิดในหัว มือก็หยิบช้อนมาตักแกงเปอะเข้าปากพร้อมจกข้าวเหนียวตามมันช่างเข้ากันมาก รสชาติฝีมือย่าทำขายได้สบายลูกค้าติดแน่นอน อร่อยขนาดนี้ แต่แล้วเหมือนย่ารู้ความคิดบูมจึงถามยายจันทร์เรื่องเนสว่าทำไมถึงได้มาอยู่บ้านที่นี่ละ

“พักนี้ฉันไปหาหมอบ่อยนางนิดมันเป็นห่วงเลยให้หลานมาอยู่เป็นเพื่อน เพื่อพาไปหาหมอ นิดมันไม่อยากให้ฉันไปคนเดียว จะให้คนโตมามันก็จะจบ ม.6 แล้วต้องหาที่เรียนต่อมหาลัย เลยให้เนสมานี่แหละ”

“ถ้าจะให้พ่อแม่มันมาก็ยังต้องหาเงินส่งลูกๆมันเรียน หาแถวนี้คงไม่พอค่าเทอมลูกๆมัน ถึงยังไงนิดมันสัญญากับฉันว่าถ้าเนสมันเรียนจบแล้ว มันจะกลับบ้านมาอยู่กับฉัน”

แววตายายจันทร์ดูเศร้าไปทันที แกคงเหงาคิดถึงลูกๆมาก อยู่คนเดียวมาตั้งแต่สามีเสียด้วยโรคประจำตัว อายุเพียงห้าสิบปี

แล้วยายก็ครองตัวเป็นโสดมาทุกวันนี้ ยายจันทร์บอกว่าแก่แล้ว ลูกโตกันหมดแล้วไม่มีความจำเป็นต้องหาผัวใหม่มาช่วยเลี้ยงลูกหรอก

แต่ที่จริงยายจันทร์ยังรักและคิดถึงสามีตลอดเวลา คนแถวบ้านบูมชอบให้ลูกสาวเป็นคนดูแลพ่อแม่ ส่วนลูกชายก็ออกเย้าออกเรือนไป

“เอาน่ะยายจันทร์ นางนิดกับผัวมันจำเป็น ไว้ลูกๆมันเรียนจบมันก็กลับมาอยู่บ้านแล้ว”

“ดูอย่างฉันสิ คงไม่มีวันได้ลูกกลับมาอยู่ด้วยอีกแล้ว มันช่างไปอยู่ไกลฉันเหลือเกิน”

ย่าพูดถึงแม่ของน้องเบส น้ำตาก็พลันจะไหล ทำให้ปู่ต้องเบกเรื่องที่สองสาวกำลังจะคุยต่อ สองสาวในสายตาปู่

เมื่อทุกคนทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยเนสเก็บจานชามไปล้างในครัว บูมช่วยยกไปบ้าง ตามด้วยน้องเบสทำหน้าที่เก็บเสื่อและกวดเศษข้าวที่หล่นลงพื้น บูมยกจานตามเข้าไปในครัว เนสกำลังจัดการกับจานชามที่ใส่กินเช้านี้อยากขะหมักเขม้น

“นี่เธอเราบูมนะยินดีที่ได้เป็นเพื่อนกัน”

“ชื่อเนส ไม่ได้ชื่อเธอ”

เนสรู้สึกหมั่นไส้บูมยังไงบอกไม่ถูก ไม่ชอบตั้งแต่เมื่อวานที่มาแอบยืนมองตัวเองแล้ว

“เอ้า!..สะงั้นเนอะ คนถามดีๆอยากเป็นเพื่อน บ้านติดกันแค่นี้เอง เป็นเพื่อนก็ไม่ได้”

“เอาฝากล้างด้วย ล้างให้สะอาดนะ”

พูดจบบูมยื่นจานที่ช่วยถือมาเมื่อสักครู่ให้เนส แล้วถอยหลังมายืนพิงประตูครัวดูเนสล้างจาน ก็น่ารักดีผู้หญิงคนนี้ แต่สู้อาร์ของเขาไม่ได้หรอก อาร์พูดเพราะกว่านี้เยอะ นี่อะไรห้าวๆแกร่นๆ พูดห้วนๆ ใครได้เป็นแฟนคงคบกันได้ไม่นานก็คงต้องเลิก

เนสไม่ทันรู้ตัวว่าบูมยังไม่ได้ไปไหน ยืนพิงประตูดูตัวเองล้างจานอยู่ เมื่อล้างจานเสร็จเช็ดมือให้แห้งกับผ้าเช็ดมือที่ย่าแขวนไว้ เก็บจานชามของตัวเองเตรียมพร้อมจะเดินออกจากครัว เมื่อหันมาทางประตูต้องตกใจเกือบทำจานหล่นแตก เห็นบูมยืนอยู่ที่เดิม นึกว่าไปแล้วสะอีก

“เธอ เราขอทางหน่อย”

“ชื่อบูมไม่ได้ชื่อเธอ”

เนสเงียบเบะปากมองบนนิดหน่อยแค่นี้ก็เอาคืน กวนส้น...จังเลยเนอะผู้ชายคนนี้ เมื่อวานก็ทีนึงแล้ว ยังจะมาวันนี้อีก

“บูมเราขอทางหน่อยเราจะเอาจานไปเก็บ”

บูมยิ้มได้ใจเหมือนได้ชัยชนะกลับคืนมา ขยับตัวออกจากประตูพร้อมผายมือให้เนสเดินออกไป เนสเดินถือจานของตัวเองที่ใส่กับข้าวมาออกมานั่งเล่นกับยายที่หน้าบ้านบูม

ตอนนี้มีย่ากับยายจันทร์นั่งคุยกัน ส่วนปู่ออกไปทุ่งแล้ว ย่าของบูมเคี้ยวหมากด้วย

มือก็หยิบพลูทาด้วยปูน ใส่ลงในครกไม้เล็กๆ ตามด้วยหยิบหมากที่ตากแห้งใส่ลงไป ตามด้วยเศษไม้คูน คือเอาต้นคูนที่มันออกดอกสีเหลืองช่วงสงกานต์นั่นแหละ มาฝานเป็นแผ่นบางๆแล้วตากให้แห้ง พอส่วนผสมครบแล้วย่าก็ตำให้เข้ากันให้ละเอียดพอเคี้ยวได้ มันก็จะเป็นเป็นสีแดงเพราะส่วนผสมทำปฏิกิริยากับปูน

เสร็จแล้วย่าก็ใช้ช้อนตักใส่ปากเคี้ยว อมไว้สักพักย่าก็หยิบยาเส้นมาถูๆฟัน แล้วออมไว้อีก สักพักก็พ้นน้ำหมากสีแดงออกมาใส่กระโถน

มันไม่ได้น่าเกลียดเวลาไปธุระย่าจะไม่เคี้ยวนอกจากอยู่บ้าน  ตามด้วยทียายจันทร์เคี้ยวบ้าง ย่าจะมีตระกล้าทำด้วยไม้ไผ่ปู่สานให้ไว้ใส่เครื่องหมากของย่าเอง

บางครั้งก็ใส่เงินไว้ น้องเบสก็ชอบมารื้อมาค้นเวลาอยากกินขนม บูมบ้างบางครั้งตอนเด็กๆ ค้นทีไรเจอทุกทีห้าบาทสิบบาท พอได้ค่าขนมห่อหนึ่ง

เนสจะเอาจานไปเก็บไว้ที่บ้านจะกลับก่อนยายก็ไม่กล้าเพราะกลัวบ้านตัวเอง กลัวตาของตัวเองแม้จะเสียไปหลายปีแล้วก็ตาม

มันก็ยังรู้สึกกลัวๆอยู่ถ้าต้องอยู่คนเดียว ก็เลยต้องนั่งข้างๆยายนั่งจิ้มโทรศัพท์แก้เซ็งไป ส่วนบูมก็เปิดทีวีดูรายการตลกรอเวลากลับบ้าน บูมกะว่าสักห้าโมงเย็นบูมจะกลับ

ช่วงเวลากลางวันบูมกับอาร์ไม่ได้คุยกัน อาร์ไม่อยากให้ครอบครัวรู้ เลยต้องคุยแค่ตอนก่อนนอน

สักพักน้องเบสเข้ามานอนดูทีวีข้างๆบูม ขาอีกข้างก็ฟาดมาที่เอวของพี่ชาย เป็นประจำที่นอนข้างๆพี่ชายไม่แขนก็ขาจะฟาดมากอดมาก่าย

“แห้งไปชวนพี่เนสเข้ามาดูทีวีกับเราไป”

เป็นฉายาของน้องเบสไปแล้ว เรียกกันทั้งบ้าน น้องเบสไม่เดินไปเรียกแต่เปลี่ยนท่านอนเป็นนอนคว่ำ ยกคอขึ้นเรียกเนสให้เข้ามาดูทีวีด้วยกัน

“พี่เนสเข้ามาดูทีวีกับน้องเบสมา”

พร้อมกวักมือเรียก เนสได้ยินเสียงคนเรียกจึงหันไปตามเสียง เธอนั่งคิดแป๊บๆก็เดินเข้าไปในบ้านดูทีวี เนสเลือกนั่งลงข้างๆน้องเบส

เมื่อบูมเห็นเนสเข้ามาดูทีวีด้วยตัวเองก็ลุกขึ้นนั่ง จะนอนดูก็น่าเกลียด

“เนส พรุ่งนี้ไปสมัครเรียนใช่ป่าว”

“อือ... ยายจะพาไปพรุ่งนี้อ่ะ”

“เราเสียดายนะที่บ้านเราอยู่คนละอำเภอกัน ไม่งั้นเราไปเป็นเพื่อนเนสแล้ว”

“นายอยู่อำเภออะไรอ่ะ”

“เมือง!..... บ้านแม่เรา วันนี้เราต้องกลับแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงนี่แหละ พ่อให้เรามาอยู่กับย่าช่วงวันหยุดกับช่วงปิดเทอม มาอยู่เป็นเป็นเพื่อนไอ้แห้งด้วย”

เมื่อหันไปมองน้องเบสที่นอนข้างๆก็หลับไปสะแล้ว
“จากนี่ไปอำเภอเมืองไกลมั้ยอ่ะ”

“ไม่ไกล ขับรถแค่ชั่วโมงกว่าๆ สองชั่วโมงเอง อำเภอนี้มันติดกับอำเภอเมือง พูดถึงถ้าเนสจะเข้าไปเรียนในตัวเมืองกับเราก็ได้นะ เพื่อนเราอยู่อำเภอนี้ก็เยอะ”

สองคนคุยกันดูรายการทีวีไปด้วย เมื่อบูมได้คุยกับเนสแบบจริงๆจังๆเนสก็ไม่ได้หยิ่งอย่างที่คิด คิดไปคิดมาก็อยากให้เนสเข้าไปเรียนในตัวเมืองเหมือนกัน

ไม่ใช่ชอบเนสแต่อยากช่วย เพราะบ้านติดกัน อยากเป็นเพื่อนกัน ยังไงอาร์ก็เป็นคนของใจเขา  

เนสนั่งดูทีวีไป สายตาก็กวาดไปดูรูปที่ตั้งโชว์ในตู้โทรทัศน์ ช่องฝั่งขวามีรูปปู่ย่าถ่ายคู่กันสองคน ช่องล่างฝั่งขวามีรูปชายหญิงถ่ายคู่กันผู้ชายอุ้มเด็กน่าจะราวๆเดือนสองเดือน เนสเดาว่าเป็นพ่อแม่ของนองเบสเด็กน้อยนั้นคือน้องเบส

ฝั่งซ้ายช่องบนเป็นรูปน้องเบสเองตอนรับบัณฑิตน้อยจบอนุบาลสาม แล้วช่องข้างล่างฝั่งซ้ายก็เป็นรูปครอบครัวใหญ่ มีปู่ย่าพ่อแม่น้องเบสพ่อแม่บูม บูม ส่วนน้องเบสถูกอุ้มด้วยป้าคือแม่ของบูมเอง

  ถัดมาข้างบนสูงเหนือทีวีนิดหน่อย ติดไว้ที่ฝาผนังบ้านเป็นรูปรับปริญญาจากนัยหลวงรัชกาลที่สิบ น่าจะเป็นพ่อของบูมหรือป่าว ดูจากชุดครุยแล้วคงจบจากมหาลัยเปิดในกรุงเทพ

ถัดมาอีกรูปเป็นรูปทหารเกณฑ์ถ่ายกับเพื่อนสามสี่คน น่าจะเป็นพ่อของบูมอีกนั่นแหละ สักพักยายจันทร์ก็เรียกเนสให้กลับบ้าน หรือจะอยู่ต่อก็ตามใจ เนสเลือกที่จะกลับเพราะอยากกลับอยู่แล้ว

ตอนนี้เป็นเวลาช่วงเที่ยงๆ บูมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเห็นไลน์เด้งเป็นสติ๊กเกอร์ผู้หญิงมีคำพูดว่าคิดถึงด้วย ไม่ใช่ของใคร เพราะชื่อ ที่รัก! ขึ้นมาโชว์หน้าจอ ทำเอาบูมยิ้มไม่หุบต้องรีบส่งกลับไปทันที

ยังไงก็ยังคุยกันไม่ได้ ต้องรอเวลาก่อนนอนนู่น นี่คงจะแอบพ่อแม่ส่งมาเหมือนเคย

เที่ยงนี้ย่าพากินอะไรง่ายๆ หรือไม่ก็ไปซื้อที่ร้านค้า บูมเลือกกินกับข้าวเมื่อเช้ามันยังเหลือในหม้อ ขี้เกรียจไปมันแดดมากช่วงเที่ยง

กินข้าวเสร็จย่าเตรียมของให้บูมกลับบ้าน หาเก็บพริกเก็บผักที่สวนไปฝากลูกชายกับลูกสะใภ้ ปู่กลับมาจากนาได้ปลามาด้วยช่วงนี้หน้าฝน ปลาในนาเยอะ ย่าให้เขาเอากลับไปด้วย

ส่วนน้องเบสรู้ว่าใกล้จะถึงช่วงที่พี่บูมจะกลับบ้านก็ไม่ยอมห่างไปไหน นั่งกอดนั่งทับพี่ชายอยู่อย่างนั้น

เมื่อถึงเวลาจะห้าโมงเย็นบูมเตรียมตัวอาบน้ำ แต่งตัวเตรียมกลับบ้าน เก็บเอาของที่ย่าเตรียมให้ ปู่ไปเรียกลุงลูกพี่ลูกน้องกับพ่อ ญาติห่างๆไปส่งบูมที่ท่ารถเหมือนอย่างเคยเช่นทุกครั้ง

บูมไม่ลืมที่จะไปลายายจันทร์กับเนสว่าจะกลับบ้านเดี๋ยวอาทิตย์หน้ามาใหม่ ความจริงย่าไม่อยากให้หลานมาหรอก ห่วงเรื่องเดินทางรถลา เพราะย่าฝังใจเรื่องลูกสาวกับลูกเขยในเหตุการณ์ตอนนั้น แต่บูมอยากมา อยากมาอยู่กับปู่กับย่าเอง  

ระหว่างทางแม่โทรหาบูมว่าขึ้นรถมาหรือยัง พ่อจะได้ออกไปรับที่ท่ารถ บ้านของบูมอยู่อำเภอเมืองก็จริงแต่ไม่ได้อยู่ในเขตเทศบาลเมือง ต้องนั่งรถออกมาครึ่งชั่วโมงได้

ระหว่างทางที่นั่งรถกลับบูมนึกถึงเนส อยากให้เนสมาเรียนโรงเรียนเดียวกับตนเอง เนสจะได้มีคนคอยช่วยเหลือถ้าขาดเหลืออะไร เนสจะได้มีเพื่อนก็คืออาร์

บูมอยากให้อาร์กับเนสรู้จักกันด้วย อย่างว่าแหละมันก็ไกลถ้าจะเข้ามาเรียนในตัวเมือง จากอำเภอบ้านของย่าเข้ามา คงต้องตื่นเช้ามากๆ ถ้าเป็นเขาไม่ทันแน่นอน

บูมนั่งมองวิวข้างทางอย่างสบายใจ รถประจำทางแล่นผ่านหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ส่วนที่เป็นเขตทุ่งนาตอนนี้ก็เขียวชะอุ่มมาก มันเป็นช่วงหน้าฝน หญ้า ต้นไม้ จึงหนาตาและเขียวสวยงามกว่าช่วงมีนาเมษา ที่เป็นช่วงหน้าร้อนและแล้งมากๆ

เมื่อรถประจำทางแล่นเข้ามาจอดเที่ยบท่าที่ บขส. เรียบร้อยบูมถือของลงจากรถเห็นพ่อโบกมือให้ จึงรีบเดินไปหาพ่อ พ่อช่วยถือของกับบูมแล้วนำไปวางไว้กระบะหลังรถ เวลานี้แดดไม่มีเอาไว้กระบะได้ ถ้าจะเอาปลาเข้าหน้ารถ กลิ่นปลาคราวมากเกรงว่าจะได้ล้างรถอีกรอบ

จบบท..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่