ถ้าชอบบทความนี้ ช่วยแชร์ด้วยนะครับ
สวัสดีครับคุณผู้อ่าน ผมชื่อ Ivan M. Paton เป็นผู้เขียนของหนังสือเล่มนี้ อยากจะเล่าถึงประวัตินิดหน่อยและเหตุผลที่ผมเขียนเล่มนี้
ซึ่งเขียนเพื่อช่วยคนไทยกับการเรียนภาษาอังกฤษนะครับ
ในปี ค.ศ. 2004 ผมเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งที่สองแล้ว และพักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปีนั้นถึงปัจจุบันนี้ หลังจากผมเข้ามาอยู่ไม่นานก็เข้าใจว่า
คนไทยจำนวนไม่น้อยมักมีปัญหากับการพูดและฟังภาษาอังกฤษ ตอนนั้นผมมักจะรู้สึกบ่อยๆ ว่า การสื่อสารกับคนไทยโดยใช้ภาษาอังกฤษนั้นค่อนข้างยาก
ถ้าอยู่ในเขตการท่องเที่ยวก็โอเค แต่ถ้าไปไหนนอกสถานที่ท่องเที่ยว ก็เกือบจะสื่อสารกับคนไทยโดยใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ ผมชอบบอกกับเพื่อนทั้งคนไทยและฝรั่งว่า “ถ้าฝรั่งพูดภาษาไทยไม่ได้ ก็เหมือนกับว่าฝรั่งอยู่ในขวดแก้ว มองเห็นประเทศไทยได้ แต่ฟังและพูดกับคนไทยไม่ค่อยได้ ฝรั่งจึงมักจะไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถสัมผัสกับความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง”
ดังนั้นในปลายปีที่สองที่ใช้ชีวิตในประเทศไทยผมเริ่มเรียนภาษาไทย ขณะที่ผมเรียนภาษาไทยอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผมก็เริ่มซื้อหนังสือที่คนไทยใช้เพื่อการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะว่าเล่มเหล่านั้นจะช่วยผมกับการเรียนรู้ภาษาไทย
ในหนังสือเหล่านั้นผมพบว่า ส่วนใหญ่มีการใช้คำอ่านเป็นภาษาไทยเพื่อสอนออกเสียงคำภาษาอังกฤษ ผมเข้าใจเกือบจะทันทีและคิดในใจว่า “That certainly doesn’t work.” ที่แปลว่า “นั่นไม่ได้ผลแน่นอน” เพราะว่าเสียงของคำอ่านเป็นภาษาไทยนั้น ไม่ได้ตรงกับเสียงของคำภาษาอังกฤษเลย
การใช้คำอ่านเป็นภาษาไทยอย่างนี้ไม่เวิร์ค ยกตัวอย่างเช่น
คำว่า van อ่านว่า [van] ไม่ได้อ่านว่า แวน
คำว่า speak อ่านว่า [s-peek] ไม่ได้อ่านว่า สปีก
คำว่า bill อ่านว่า [bil] ไม่ได้อ่านว่า บิล
คำว่า bank อ่านว่า [bang-k] ไม่ได้อ่านว่า แบงค์ เป็นต้น
ฝรั่งมักจะเรียกการพูดภาษาอังกฤษอย่างไม่ถูกต้องแบบนี้ของคนไทยว่า Tinglish หรือที่เราเขียนเป็นภาษาไทยได้ว่า ภาษาทิงกลิช คำว่า Tinglish
เป็นตัวย่อของสองคำว่า Thai + English = Tinglish
ในเวลาอีกประมาณสองปีต่อมาผมค่อยๆ เข้าใจว่า การที่คนไทยมักจะพูดคำภาษาอังกฤษแบบผิดเพี้ยนไปบ่อยๆ เป็นเพราะออกเสียงตามคำอ่านเป็นภาษาไทย หรือมาจากอิทธิพลของภาษาไทยในด้านอื่นๆ ผมเห็นชัดเจนว่า การออกเสียงอย่างไม่ถูกต้องส่งผลกระทบกับการพูดและการฟังภาษาอังกฤษอย่างมากๆ เป็นอุปสรรคในการเรียนและการใช้ภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นผมเข้าใจอีกว่าถ้าแก้ไขปัญหาของการออกเสียง ก็ช่วยให้พูดและฟังภาษาอังกฤษได้แน่นอน ถึงจุดนี้ผมตัดสินใจว่าอยากจะเขียนหนังสือเล่มนี้ เพื่อช่วยคนไทยกับการเรียนภาษาอังกฤษ
ในขณะที่ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ ผมคิดค้นระบบการเรียนการสอนใหม่ที่เรียกว่า PIPPASS™ ซึ่งใช้คำอ่านเป็นภาษาอังกฤษเพื่ออ่านและออกเสียงทั้งตัวอักษรและคำภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง ผมใช้คำอ่านเป็นภาษาอังกฤษในหนังสือเพื่ออธิบายหลักการออกเสียงภาษาอังกฤษทุกๆ ประเด็น คำอ่านเป็นภาษาอังกฤษเข้าใจได้ง่ายๆ เรียนได้ง่ายๆ ไม่ยากเลย เช่น
§ ตัว A อ่านว่า [ay]
§ คำว่า axe อ่านว่า [ak-ks]
§ คำว่า beauty อ่านว่า [b-yoot-tee]
§ ตัว C อ่านว่า [see]
§ คำว่า cat อ่านว่า [kat]
§ คำว่า dolphin อ่านว่า [dol-fin]
§ ตัว F อ่านว่า [ef]
§ คำว่า fence อ่านว่า [fen-s]
§ ตัว H อ่านว่า U.K. [hayt-ch] หรือ U.S.A. [ayt-ch]
§ คำว่า peach อ่านว่า [peet-ch]
§ คำว่า rice อ่านว่า [ries]
§ ตัว S อ่านว่า [es]
§ คำว่า scream อ่านว่า [s-k-reem]
§ คำว่า university อ่านว่า [yoon-niv-vers-sit-tee]
§ ตัว V อ่านว่า [vee]
§ ฯลฯ
ในการเขียนหนังสือเล่มนี้ผมมีภารกิจว่า อยากจะช่วยให้คนไทยอ่าน พูด และฟังภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง โดยแนะนำวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ที่ใช้คำอ่านเป็นภาษาอังกฤษ คือ PIPPASS™ อธิบายเรื่องหลักการออกเสียงภาษาอังกฤษทุกๆ ประเด็น ชี้ให้เห็นว่าข้อแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาไทยในด้านการออกเสียงมีอะไรบ้าง และทำไมอิทธิพลจากภาษาไทยมักจะทำให้คนไทยออกเสียงคำภาษาอังกฤษอย่างไม่ถูกต้องบ่อยๆ
นอกจากนั้น มีช่องยูทูป Ajarn Singtoh ที่มีคลิปวิดีโอที่อธิบายว่า จะอ่านคำอ่านเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไร เป็นชุดวิดีโอที่สนับสนุนการอ่านหนังสือเล่มนี้
ดังนั้นผมออกหนังสือเล่มนี้ในราคาไม่แพง เพราะอยากจะให้คนไทยทุกคนที่สนใจภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะคนไทยที่เคยมีปัญหากับการพูดและการฟังภาษาอังกฤษ สามารถอ่านเล่มนี้ได้
ในหลายๆ ปีกำลังเขียนหนังสือเล่มนี้อยู่ ผมได้รับทั้งการสนับสนุน แรงบันดาลใจ และความช่วยเหลือจากหลายๆ ฝ่าย เช่น แฟนและครอบครัวของแฟน
พี่น้อง ญาติ เพื่อนๆ ที่เป็นคนไทย เพื่อนๆ ที่เป็นชาวต่างประเทศ ครูคนไทยอาจารย์คนไทย คนที่รู้จักที่สนใจเรื่องนี้ และคนไทยที่พบในชีวิตประจำวันด้วย
ผมต้องขอบคุณทุกๆ คนในกลุ่มนี้ เพราะว่าถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากคนเหล่านี้คงจะไม่มีหนังสือเล่มนี้แน่นอน
ก่อนที่ผมจะเข้ามาในประเทศไทยครั้งที่สองนั้น ผมเคยคิดอยากจะเป็นนักเขียนมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้เขียนอะไรให้เสร็จสักอย่าง อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเปิดโอกาสให้ผมได้เขียนหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นเล่มแรกของตัวเองในชีวิต และหวังว่าจะไม่ได้เป็นเล่มสุดท้าย ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้มีโอกาสพักอาศัยอยู่ในเมืองไทยในหลายๆ ปีที่ผ่านมาผมอาจบอกได้ว่าอยากจะยกหนังสือเล่มนี้ให้เพื่อเป็นการขอบคุณสังคมไทย และผมขอขอบคุณคุณผู้อ่านด้วยที่มาอ่านบทความนี้ ถ้าคุณสนใจอ่านหนังสือของผมหรืออ่านอยู่แล้ว หวังว่าคุณจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ครับ เพราะว่าในหลายๆ ปีที่ผ่านมาคุณเป็นคนที่ผมคิดถึงในทุกๆ วันขณะที่นั่งเขียนหนังสือเล่มนี้นะครับ
Ivan M. Paton (ชื่อเล่นสิงโต)
ถ้าอยากจะทดลองการอ่านหนังสือ PIPPASS™ Let's Speak English & Stop Speaking Tinglish ก็ตามลิงค์นี้
https://drive.google.com/file/d/1e4hixx3P4h9Dj03pQMNPJirU4dmYNtEx/view?fbclid=IwAR2HdIAMvHU_ITe7sEolCy-nqUyNrJW_FzzjbN3prx9I2DRE0Q18RpStmcQ
ถ้าสนใจฟังคลิปวิดีโอที่สอนการออกเสียงไปดูในช่องยูทูป Ajarn Singtoh อาจารย์สิงโต
https://www.youtube.com/channel/UC7hI_oeK_Np-lA-GSTlFvcg?view_as=subscriber
ถ้าอยากจะติดตาม Ajarn Singtoh ที่เฟสบุ๊ก ก็ตามลิงค์นี้
https://www.facebook.com/Ajarn-Singtoh-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%95-829049620527428/?__tn__=kC-R&eid=ARAwJVZhLqRV06p_x0YHyWtxcuWF6fDJ46Nsa9SmVDA3_pbZ4t3JnuqvM9V1Gk8B5FCC9gxKDCMNMZ-W&hc_ref=ARQOX6IBZBspf5jTWwksd0APZ5kGchTAIQCvNs8HlZVniTjBrJcUhmXP8-pD37hUVSA&fref=nf&__xts__[0]=68.ARCdhMuxXnBdg4TBGeejYD0F60fF8pRaX5jM0TLZ4iC_fodAvWV7DONYUSMDKYdFv-mivLwWm31WZz6okzVia6gxr9eSsm2K6xCkPZX47K_AdLdUqq8Nbeat31VJHat_6HHTvJSpCnHNj0vkdW-9HvtzZNah_JMFi9cbB4Tn9d1sec9f2Z4tsY31GymIEuvqVQn8IBaNliksk2tfkxmDsijFW13-N-WdMA4vgEnRpYWt0Ln0nnJCPa7OVNB9X8mN66Ng-aHAboBpVa2BYoB57pyi0kfkNJDDvQEwGKvEBMEFQ9yS2Qp_PyKl73J7qTPIWaF0nAqjl-QyS0p04OBb6lQjKA
ถ้าอยากจะดาวน์โหลดบทความนี้ เพื่อเก็บไว้หรือแชร์ทางอีเมล ก็ตามลิงค์นี้
https://drive.google.com/file/d/1keTqMNUCqUDvlETUtb6gFLsIub6LoBxV/view?usp=sharing
ทำไมฝรั่งมาเขียนหนังสือเล่มนี้ PIPPASS™ Let’s Speak English & Stop Speaking Tinglish
ถ้าชอบบทความนี้ ช่วยแชร์ด้วยนะครับ
สวัสดีครับคุณผู้อ่าน ผมชื่อ Ivan M. Paton เป็นผู้เขียนของหนังสือเล่มนี้ อยากจะเล่าถึงประวัตินิดหน่อยและเหตุผลที่ผมเขียนเล่มนี้
ซึ่งเขียนเพื่อช่วยคนไทยกับการเรียนภาษาอังกฤษนะครับ
ในปี ค.ศ. 2004 ผมเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งที่สองแล้ว และพักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปีนั้นถึงปัจจุบันนี้ หลังจากผมเข้ามาอยู่ไม่นานก็เข้าใจว่า
คนไทยจำนวนไม่น้อยมักมีปัญหากับการพูดและฟังภาษาอังกฤษ ตอนนั้นผมมักจะรู้สึกบ่อยๆ ว่า การสื่อสารกับคนไทยโดยใช้ภาษาอังกฤษนั้นค่อนข้างยาก
ถ้าอยู่ในเขตการท่องเที่ยวก็โอเค แต่ถ้าไปไหนนอกสถานที่ท่องเที่ยว ก็เกือบจะสื่อสารกับคนไทยโดยใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ ผมชอบบอกกับเพื่อนทั้งคนไทยและฝรั่งว่า “ถ้าฝรั่งพูดภาษาไทยไม่ได้ ก็เหมือนกับว่าฝรั่งอยู่ในขวดแก้ว มองเห็นประเทศไทยได้ แต่ฟังและพูดกับคนไทยไม่ค่อยได้ ฝรั่งจึงมักจะไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถสัมผัสกับความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง”
ดังนั้นในปลายปีที่สองที่ใช้ชีวิตในประเทศไทยผมเริ่มเรียนภาษาไทย ขณะที่ผมเรียนภาษาไทยอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผมก็เริ่มซื้อหนังสือที่คนไทยใช้เพื่อการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะว่าเล่มเหล่านั้นจะช่วยผมกับการเรียนรู้ภาษาไทย
ในหนังสือเหล่านั้นผมพบว่า ส่วนใหญ่มีการใช้คำอ่านเป็นภาษาไทยเพื่อสอนออกเสียงคำภาษาอังกฤษ ผมเข้าใจเกือบจะทันทีและคิดในใจว่า “That certainly doesn’t work.” ที่แปลว่า “นั่นไม่ได้ผลแน่นอน” เพราะว่าเสียงของคำอ่านเป็นภาษาไทยนั้น ไม่ได้ตรงกับเสียงของคำภาษาอังกฤษเลย
การใช้คำอ่านเป็นภาษาไทยอย่างนี้ไม่เวิร์ค ยกตัวอย่างเช่น
คำว่า van อ่านว่า [van] ไม่ได้อ่านว่า แวน
คำว่า speak อ่านว่า [s-peek] ไม่ได้อ่านว่า สปีก
คำว่า bill อ่านว่า [bil] ไม่ได้อ่านว่า บิล
คำว่า bank อ่านว่า [bang-k] ไม่ได้อ่านว่า แบงค์ เป็นต้น
ฝรั่งมักจะเรียกการพูดภาษาอังกฤษอย่างไม่ถูกต้องแบบนี้ของคนไทยว่า Tinglish หรือที่เราเขียนเป็นภาษาไทยได้ว่า ภาษาทิงกลิช คำว่า Tinglish
เป็นตัวย่อของสองคำว่า Thai + English = Tinglish
ในเวลาอีกประมาณสองปีต่อมาผมค่อยๆ เข้าใจว่า การที่คนไทยมักจะพูดคำภาษาอังกฤษแบบผิดเพี้ยนไปบ่อยๆ เป็นเพราะออกเสียงตามคำอ่านเป็นภาษาไทย หรือมาจากอิทธิพลของภาษาไทยในด้านอื่นๆ ผมเห็นชัดเจนว่า การออกเสียงอย่างไม่ถูกต้องส่งผลกระทบกับการพูดและการฟังภาษาอังกฤษอย่างมากๆ เป็นอุปสรรคในการเรียนและการใช้ภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นผมเข้าใจอีกว่าถ้าแก้ไขปัญหาของการออกเสียง ก็ช่วยให้พูดและฟังภาษาอังกฤษได้แน่นอน ถึงจุดนี้ผมตัดสินใจว่าอยากจะเขียนหนังสือเล่มนี้ เพื่อช่วยคนไทยกับการเรียนภาษาอังกฤษ
ในขณะที่ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ ผมคิดค้นระบบการเรียนการสอนใหม่ที่เรียกว่า PIPPASS™ ซึ่งใช้คำอ่านเป็นภาษาอังกฤษเพื่ออ่านและออกเสียงทั้งตัวอักษรและคำภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง ผมใช้คำอ่านเป็นภาษาอังกฤษในหนังสือเพื่ออธิบายหลักการออกเสียงภาษาอังกฤษทุกๆ ประเด็น คำอ่านเป็นภาษาอังกฤษเข้าใจได้ง่ายๆ เรียนได้ง่ายๆ ไม่ยากเลย เช่น
§ ตัว A อ่านว่า [ay]
§ คำว่า axe อ่านว่า [ak-ks]
§ คำว่า beauty อ่านว่า [b-yoot-tee]
§ ตัว C อ่านว่า [see]
§ คำว่า cat อ่านว่า [kat]
§ คำว่า dolphin อ่านว่า [dol-fin]
§ ตัว F อ่านว่า [ef]
§ คำว่า fence อ่านว่า [fen-s]
§ ตัว H อ่านว่า U.K. [hayt-ch] หรือ U.S.A. [ayt-ch]
§ คำว่า peach อ่านว่า [peet-ch]
§ คำว่า rice อ่านว่า [ries]
§ ตัว S อ่านว่า [es]
§ คำว่า scream อ่านว่า [s-k-reem]
§ คำว่า university อ่านว่า [yoon-niv-vers-sit-tee]
§ ตัว V อ่านว่า [vee]
§ ฯลฯ
ในการเขียนหนังสือเล่มนี้ผมมีภารกิจว่า อยากจะช่วยให้คนไทยอ่าน พูด และฟังภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง โดยแนะนำวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ที่ใช้คำอ่านเป็นภาษาอังกฤษ คือ PIPPASS™ อธิบายเรื่องหลักการออกเสียงภาษาอังกฤษทุกๆ ประเด็น ชี้ให้เห็นว่าข้อแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาไทยในด้านการออกเสียงมีอะไรบ้าง และทำไมอิทธิพลจากภาษาไทยมักจะทำให้คนไทยออกเสียงคำภาษาอังกฤษอย่างไม่ถูกต้องบ่อยๆ
นอกจากนั้น มีช่องยูทูป Ajarn Singtoh ที่มีคลิปวิดีโอที่อธิบายว่า จะอ่านคำอ่านเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไร เป็นชุดวิดีโอที่สนับสนุนการอ่านหนังสือเล่มนี้
ดังนั้นผมออกหนังสือเล่มนี้ในราคาไม่แพง เพราะอยากจะให้คนไทยทุกคนที่สนใจภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะคนไทยที่เคยมีปัญหากับการพูดและการฟังภาษาอังกฤษ สามารถอ่านเล่มนี้ได้
ในหลายๆ ปีกำลังเขียนหนังสือเล่มนี้อยู่ ผมได้รับทั้งการสนับสนุน แรงบันดาลใจ และความช่วยเหลือจากหลายๆ ฝ่าย เช่น แฟนและครอบครัวของแฟน
พี่น้อง ญาติ เพื่อนๆ ที่เป็นคนไทย เพื่อนๆ ที่เป็นชาวต่างประเทศ ครูคนไทยอาจารย์คนไทย คนที่รู้จักที่สนใจเรื่องนี้ และคนไทยที่พบในชีวิตประจำวันด้วย
ผมต้องขอบคุณทุกๆ คนในกลุ่มนี้ เพราะว่าถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากคนเหล่านี้คงจะไม่มีหนังสือเล่มนี้แน่นอน
ก่อนที่ผมจะเข้ามาในประเทศไทยครั้งที่สองนั้น ผมเคยคิดอยากจะเป็นนักเขียนมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้เขียนอะไรให้เสร็จสักอย่าง อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเปิดโอกาสให้ผมได้เขียนหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นเล่มแรกของตัวเองในชีวิต และหวังว่าจะไม่ได้เป็นเล่มสุดท้าย ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้มีโอกาสพักอาศัยอยู่ในเมืองไทยในหลายๆ ปีที่ผ่านมาผมอาจบอกได้ว่าอยากจะยกหนังสือเล่มนี้ให้เพื่อเป็นการขอบคุณสังคมไทย และผมขอขอบคุณคุณผู้อ่านด้วยที่มาอ่านบทความนี้ ถ้าคุณสนใจอ่านหนังสือของผมหรืออ่านอยู่แล้ว หวังว่าคุณจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ครับ เพราะว่าในหลายๆ ปีที่ผ่านมาคุณเป็นคนที่ผมคิดถึงในทุกๆ วันขณะที่นั่งเขียนหนังสือเล่มนี้นะครับ
Ivan M. Paton (ชื่อเล่นสิงโต)
ถ้าอยากจะทดลองการอ่านหนังสือ PIPPASS™ Let's Speak English & Stop Speaking Tinglish ก็ตามลิงค์นี้
https://drive.google.com/file/d/1e4hixx3P4h9Dj03pQMNPJirU4dmYNtEx/view?fbclid=IwAR2HdIAMvHU_ITe7sEolCy-nqUyNrJW_FzzjbN3prx9I2DRE0Q18RpStmcQ
ถ้าสนใจฟังคลิปวิดีโอที่สอนการออกเสียงไปดูในช่องยูทูป Ajarn Singtoh อาจารย์สิงโต
https://www.youtube.com/channel/UC7hI_oeK_Np-lA-GSTlFvcg?view_as=subscriber
ถ้าอยากจะติดตาม Ajarn Singtoh ที่เฟสบุ๊ก ก็ตามลิงค์นี้
https://www.facebook.com/Ajarn-Singtoh-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%95-829049620527428/?__tn__=kC-R&eid=ARAwJVZhLqRV06p_x0YHyWtxcuWF6fDJ46Nsa9SmVDA3_pbZ4t3JnuqvM9V1Gk8B5FCC9gxKDCMNMZ-W&hc_ref=ARQOX6IBZBspf5jTWwksd0APZ5kGchTAIQCvNs8HlZVniTjBrJcUhmXP8-pD37hUVSA&fref=nf&__xts__[0]=68.ARCdhMuxXnBdg4TBGeejYD0F60fF8pRaX5jM0TLZ4iC_fodAvWV7DONYUSMDKYdFv-mivLwWm31WZz6okzVia6gxr9eSsm2K6xCkPZX47K_AdLdUqq8Nbeat31VJHat_6HHTvJSpCnHNj0vkdW-9HvtzZNah_JMFi9cbB4Tn9d1sec9f2Z4tsY31GymIEuvqVQn8IBaNliksk2tfkxmDsijFW13-N-WdMA4vgEnRpYWt0Ln0nnJCPa7OVNB9X8mN66Ng-aHAboBpVa2BYoB57pyi0kfkNJDDvQEwGKvEBMEFQ9yS2Qp_PyKl73J7qTPIWaF0nAqjl-QyS0p04OBb6lQjKA
ถ้าอยากจะดาวน์โหลดบทความนี้ เพื่อเก็บไว้หรือแชร์ทางอีเมล ก็ตามลิงค์นี้
https://drive.google.com/file/d/1keTqMNUCqUDvlETUtb6gFLsIub6LoBxV/view?usp=sharing