ประสบการณ์พูดภาษาอังกฤษได้ภายใน 3 เดือน !! ไม่ต้องไปเมืองนอก! ไม่ต้องเรียนพิเศษ!

กระทู้สนทนา
แก้ไขเพิ่มเติม:แนวคิดที่นำเสนอไม่ใช่การหาสามีฝรั่งจะทำให้พูดได้นะคะ สิ่งที่แนะนำคือการหาเพื่อนต่างชาติเพื่อฝึกพูดคุยโต้ตอบอย่างไร้ความกังวลเกี่ยวกับแกรมม่าจนเรามีความมั่นใจและหูของเราชินกับภาษาและสำเนียง จากนั้นค่อยเริ่มปรับแกรมม่าให้ถูกต้องตามหลัก เป็นการเรียนภาษาแบบเด็กแรกเกิด ตามธรรมชาติของมนุษย์ค่ะ
**เนื่องจากมีการแชร์ไปกว่า 115,000 ครั้งบน Facebook ทำให้ผู้อ่านมีความเห็นแตกต่างกัน แต่อาจจะเป็นความผิดพลาดของผู้เขียนเอง
ที่อาจจะเขียนคลุมเครือทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่าเป็นการหาสามีฝรั่ง จึงขอเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านใหม่เข้าใจว่า เพื่อนต่างชาติเพศชายที่ จขกท.กล่าวถึง เป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางชู้สาว การติดต่อเป็นไปอย่างระมัดระวัง มีการแลกแม้กระทั่ง  copy passport เพื่อความปลอดภัย อีกอย่างการหาเพื่อนต่างชาติเพศหญิงมันไม่ง่ายยยยยเลยนะคะ **  การมีแฟนต่างชาติไม่ได้ช่วยให้ภาษาดีขึ้นเลย หากผู้ฝึกไม่มีความใส่ใจที่จะพัฒนาทักษะ สังเกตุได้จากสาวไทยหลายคนที่แต่งกับต่างชาติและย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศ แต่หลายคนก็ยังคงใช้ภาษาอย่างผิดๆ

ช่วงนี้คนไทยตื่นตัวในการเรียนภาษาอังกฤษมากเป็นพิเศษ เลยคิดว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ สร้างแรงบันดาลใจ แรงผลักดันให้ผู้ที่อ่านมีกำลังใจมากขึ้น
ซึ่งที่บอกว่าพูดภาษาอังกฤษได้ภายใน 3 เดือนเนี่ย หมายถึง การพูดคุยกับชาวต่างชาติได้อย่างเป็นธรรมชาติ การออกเสียงอย่างถูกต้อง accent มั่นใจ
ไม่มัวกังวลว่าพี่น้องชาวไทยจะจับผิดหรือหาว่ากระแดะ ยิ้ม
เข้าสู่เนื้อหากันเลยนะคะ  ย้อนไปเมื่อประมาณปลายปี 2014 เจ้าของกระทู้เป็นคนที่โง่อังกฤษมากๆๆๆ O-net 37 คะแนนก็อาศัยมั่วๆเอา
พอเข้ามหาลัย สาขาบังคับเรียนภาษาอังกฤษ 8 ตัวจ้าาาา ( บางคนมาอ่านคงรู้เนาะว่า สาขาอะไร และใครเป็นคนตั้งกระทู้ 555)
ผ่าน อิ้ง 2 อิ้ง 3 มาด้วย C เกือบจะ D ละล่ะ ตอนนั้นก็ไม่แคร์ช่างมัน แต่พอขึ้นอิ้ง 4 มันต้องเรียน 4 ทักษะ ซึ่งตัวที่ทำให้เกิดแรงผลักดันอย่างมาก
ก็คือ Fundamental English listening and speaking skill เลยจ้า สอนโดยครูใหม่ชาวอเมริกาโน่ด้วย

....ทำไมเป็นแรงผลักดันหรอ Mid-term ได้ 11 คะแนนเต็ม 30 จ้า drop สิคะ รอไร !!
จากนั้นก็เริ่มคิดละ ว่ายังไงก็ต้องผ่านมันให้ได้ ทำไงดีอะ ? คิดๆๆๆ มาเรื่อยๆ จนจะเริ่มเทอม 2 ต้องเรียนอีกแล้วนะ!
ประมาณปลายเดือนมกราคมก็เลยเริ่มหาวิธีบนอินเตอร์เน็ต ( แหล่งความรู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกก ) แล้วก็หาหนังสือ E-book ใน appstore ดู
ปรากฏว่าเจอเล่มนึง เขียนได้ดีมากๆ อ่านแล้ว แรงบันดาลใจสูบฉีดเลย ( ถ้าใครอยากได้เดี๋ยว แปะไว้ข้างล่างนะ ) เค้าบอกวิธีให้พูดได้ภายใน 3 เดือน
ในหนังสือบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดถ้าอยากพูดได้ คือต้องใช้มันจริงๆ อยากเก่งอิ้งต้องฟัง-พูดให้ได้ก่อนค่อยเรียนรู้แกรมม่าทีหลัง
(ซึ่งมันได้ผลจริงๆนะ พอเริ่มคุยได้ มาดูแกรมม่าในหนังสืออีกทีมันเข้าใจง่ายขึ้นมาก)
...ไอ้เราก็คิดเลย ทำไงจะหาฝรั่งมาคุยได้ว้า ?? แล้วววว มีเพื่อนที่เล่นเว็บคุยกับฝรั่งอยู่ เอาเลยจ้า ขอลิ้งมาเลย สมัครทันที
( www.dateinasia.com* จริงๆเว็บนี้ไม่ดี แต่ได้ประสบการณ์ดีๆมา )

---------เล่นเว็บนี้เจอฝรั่งหื่นๆก็เยอะ แก่ๆ ก็เยอะ แต่เราจะกล่าวถึง 3 คนที่ให้ประสบการณ์เรามา
****เพื่อนต่างชาติเพศชายที่ จขกท.กล่าวถึง เป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางชู้สาว การติดต่อเป็นไปอย่างระมัดระวัง มีการแลกแม้กระทั่ง  copy passport เพื่อความปลอดภัย** **

1.คนแรกเป็น คนเยอรมัน เค้าทำงานที่ กทม. คุยไปสักพักกก ด้วยความที่อยากฝึกคุย ( ก็รู้ว่าอันตราย ) นัดเจอเลยจ้า ที่เทอร์มินอล 21
ครั้งนั้นไปกับเพื่อนที่ฝึกอิ้งด้วยกันนี่แหละ ก็คุยๆพอรู้เรื่องนะ แต่ส่วนใหญ่ให้เพื่อนคุย ครั้งหลังๆไป คนเดียวก็เจอในห้างตลอดนะ
.....คนเยอรมันเป็นคนพูดตรงมากกกกกกกก จริงๆค่ะ คำที่แทงใจดำที่สุดคือ " นี่คุณใช้ dictionary เล่มไหนเนี่ย ? ซื้อใหม่ซะนะ "
โห ร้องไห้หนักมากค่ะ นี่เราโง่ขนาดนั้นเลยหรอ??!!

2.คนนี้เป็นคนฝรั่งเศสค่ะอันนี้มาเที่ยว แต่มา 2 เดือนแหนะ คนนี้ให้ประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ ให้กำลังใจดีมาก เพราะภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ภาษาแม่เค้า
เค้าบอกว่า " ภาษาอังกฤษของคุณไม่ได้แย่ แค่ต้องการการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆเพิ่มเท่านั้นเอง "
" ปัญหาเรื่องการออกเสียงเป็นเรื่องปกติเพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของเรา ผมเองเป็นคนฝรั่งเศส ก็มีปัญหาเดียวกัน"
ได้ยินแล้วรู้สึกดีมากค่ะ
แต่ก็มาปวดใจอีกครั้ง กับ คนที่ 3 !! คนนี้ คนอิตาลีค่ะ มาเที่ยวไทย 2 อาทิตย์  เจอกันตอนเค้ามาถึงไทยวันที่ 2 ค่ะ
มีคำนึงที่เค้าจะพูดตลอดคือ you always have bad pronunciation ever!! แทงใจดำมั้ยคะ ?!! นี่เราออกเสียงแย่ขนาดนั้นเลยหรอ ? TT^TT

........แต่ก็ไม่ได้ทำให้ท้อค่ะ เดินหน้าฝึกมากขึ้น คุยมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายจริงๆตั้งไว้ ว่า 3 เดือนจะต้องฝันเป็นภาษาอังกฤษให้ได้
( เนื่องจากในหนังสือบอกไว้ว่ามันหมายถึง ภาษาอังกฤษได้เข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราเรียบร้อยแล้ว )
แต่ปรากฏว่าตอนนั้น เดือนมีนาคมค่ะ เพิ่ง 2 เดือนเอง เราฝันเป็นเป็นภาษาอังกฤษได้แล้วค่ะ หลังจากฝันครั้งแรก หลังจากนั้นก็ฝันอีกบ่อยมาก
ดีใจมากค่ะ ตอนนั้น

แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อเข้าเดือนที่ 3 ที่ฝึกคือเดือนเมษายน เราก็เริ่มเล่น Tinder แล้วบังเอิญไป Match กับ native speaker จาก แคนาดา ซึ่งเค้าเรียนอยู่สิงคโปร์ เค้าบอกจะมาไทย อยากมีเพื่อนพาเที่ยว เราก็ จัดแจงเลยค่ะ พาเที่ยวเลย ตอนนั้นช่วงสงกรานต์พอดี
พาไปเล่นน้ำข้าวสารเลย เค้าประทับใจมาก เราก็ขอโทษถ้า ภาษาเราไม่ค่อยดี เค้าบอก "พูดอะไรของเธอ ภาษาเธอดีกว่าเด็กที่เรียนที่สิงคโปร์ตั้งเยอะ"
หูยยย เรานี่เชื่อไม่ลงเลยจ้าา ตอนนั้นยังไม่ค่อยเชื่อเลย
****เพื่อนต่างชาติเพศชายที่ จขกท.กล่าวถึง เป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางชู้สาว การติดต่อเป็นไปอย่างระมัดระวัง มีการแลกแม้กระทั่ง  copy passport เพื่อความปลอดภัย**

Finally !!!! จนกระทั่งต่างชาติคนล่าสุด( ซึ่งปัจจุบันคือแฟนเราเอง 555)
ประสบการณ์จากคนนี้ทำให้รู้สึกดีกับสำเนียงของตัวเราเองมาก คือตอนแรกที่เจอไม่ได้คุยอะไรมาก แต่พอครั้งที่ 2 นั่งคุยกันในร้านกาแฟ
เค้าบอกว่า "คุณรู้ไหมภาษาอังกฤษของคุณดีที่สุดใน ผญ ไทยที่ผมเจอมา ( คงไม่รวมพวกจบนอกหรือเรียนอินเตอร์นะ ) เราก็แบบคิดว่า อีนี่ขี้ยอ
จนกระทั่งวันที่เค้าพาไปเจอ พ่อกับเพื่อนๆของพ่อ ที่ร้านอาหารย่านสุขุมวิท ก็คุยไปๆคุยมา
เพื่อนพ่อถามว่า "คุณเรียนภาษาอังกฤษที่ไหน ทำไมสำเนียงคุณดีจัง ?" ไอ้เราก็งง เลยจ้า เห้ยจิงหรอ ?
จนเพื่อนพ่ออีกคนบอก " จริงๆ ครับ ภาษาอังกฤษของคุณดีมากเลย ยิ่งถ้าเทียบกับคนไทยที่ผมเคยเจอ "
หูย เรานี่ลอยเลยจ้า ปลื้มมาก ถึงตอนนี้เชื่อแล้วว่าที่เราพยายามพัฒนามาตลอด มันได้ผลจริงๆ เพราะฉะนั้น ทุกคนก็อย่ายอมแพ้นะ
โอ้โห พิมพ์มายาวขนาดนี้ มีแต่ประสบการณ์คุยกับฝรั่งล้วนๆ ไม่เห็นจะบอกวิธีอะไรเลย เพื่อไรอะ?? ( อาจจะมีบางคนกำลังคิดแบบนี้ )
เพราะฉะนั้น เราจะกล่าวถึง แนวคิดซะหน่อย ( แต่จริงๆถ้าไปอ่านในหนังสือที่เราบอก จะครอบคลุมกว่า )

....สำหรับเรานะ การที่เราจะทำอะไรสำเร็จได้อย่างนึง สิ่งสำคัญคือแรงบันดาลใจ หมั่นเติมแรงบันดาลใจให้ตัวเองอยู่เสมอ
ระหว่างที่เรากำลังพยายามฝึกใช้ภาษาอังกฤษ เราเลยคอยหาหนังสือเกี่ยวกับการเรียนภาษาให้สำเร็จมาอ่านอยู่เสมอ( ไม่ใช่หนังสือแกรมม่านะ)
แง่คิดดีๆที่เราจดไว้จากหนังสือเล่มนึง
" ตอบตัวเองให้ได้ว่าเรียนไปทำไม?

1.บินได้สูงขึ้น เพราะภาษาคือกุญแจสู่ความสัมพันธ์อันมีค่า
2.ได้เปรียบเรื่องข้อมูล ( เพราะหนังสือดีๆหลายเล่มเป็นภาษาอังกฤษ แต่การได้อ่านหนังสือดี ทำให้เรามีข้อมูลล้ำหน้ากว่าคนอื่น ไม่ได้แปลว่าเราฉลาดกว่าคนอื่น)
3.เรียนแล้ว สนุก
4.พัฒนาสมอง
5.ได้ภาพลักษณ์ความโดดเด่นและฉลาด
6.Romance คงรู้เนาะหมายถึงเรื่องไหน อีโมติคอน wink"
- การเรียนภาษาใหม่ คนเราใช้เวลา 5000 ชม. ซึ่งเท่ากับ 6 เดือน
- ดูดของดีหรือเทคนิคของคนอื่น (เช่นจากหนังสือ) เราจะเก่งกว่าทุกคนที่คิดมาก่อน ไม่ต้องเสียเวลาคิดวิธีใหม่
-หาอะไรที่ทำแล้วสนุกในภาษานั้น
-เรียนแล้วใช้ทันที ทำให้จำแม่น ( อะไรที่เรียนแล้วไม่ได้ใช้ทันที ไม่ต้องเรียน) **อันนี้เราเอามาใช้ในการเรียนแกรมม่า คือเวลาเราพูดคุยกับเพื่อนต่างชาติ
ก่อนนอนเราจะกลับมานึกว่าวันนี้เราใช้แกรมม่าอะไรไปบ้าง แล้วเราใช้ถูกมั้ย ถ้าผิดแล้วที่ถูกเป็นแบบไหน แล้วก็จดไว้ในสมุดพก

**สิ่งที่อยากจะฝากถึงเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่อยากเก่งภาษาอังกฤษหรือ จริงๆ เก่งแล้วแหละ แต่รู้สึกว่ายังคุยกับฝรั่งไม่รู้เรื่องเลย**


1.สำคัญที่สุดถึงที่สุดเลยนะคะ คือ ความมั่นใจในตัวเองค่ะ
.......รู้ศัพท์ รู้แกรมม่า แต่เจอฝรั่งแล้วอาย ลืมหมด ! อยากเก่งแต่อาย? อันนี้ไม่รู้จะช่วยยังไงนะคะ เพราะตัวเจ้าของกระทู้เป็นคนมั่นอยู่แล้ว 555
แต่ก็อยากฝากให้คิดค่ะ ถ้ามัวแต่อายในการทำสิ่งดีๆเพื่อตัวเอง แล้วเมื่อไหร่เราจะได้รับสิ่งดีๆนั้น
2.หมั่นเติมแรงบันดาลใจค่ะ ในเมื่อเราตั้งใจแล้วจะพูดให้ได้ บางทีอาจมีบางอย่างทำให้รู้สึกท้อ เช่น เพื่อนหาว่า กระแดะ,บ้าฝรั่ง,หรือมีคนหาว่าโง่
.......นำคำสบประมาทมาเป็นบันไดค่ะ แล้วหมั่นหาอ่านหรือถามประสบการณ์การเรียนภาษาจากคนอื่นๆ จะทำให้รู้ว่าก่อนเค้าจะเก่ง เค้าก็โง่มาก่อน
เด็กอเมริกาไม่ได้เกิดมาแล้วพูดอังกฤษได้เลยนะคะ เค้าก็ต้องเรียนรู้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราก็เรียนรู้ได้ค่ะแค่ต้องการเวลา
3.มีวินัย
........ต้องมีวินัยในการฝึกฝนทุกวันนะคะ วันนี้ไม่ได้คุยกับฝรั่ง ก็ส่งข้อความเป็นอิ้ง ฟังเพลงอิ้ง ดูหนังอิ้ง อ่านหนังสืออิ้งง่ายๆ หาอ่านแกรมม่าง่ายๆ
มีแอพ มีเว็บฝึกภาษาเยอะมากๆค่ะ google ได้เลย!! สิ่งสำคัญคือให้มีภาษาอังกฤษในชีวิตให้มากที่สุด คิดกับตัวเองเป็นอิ้ง พูดกับตัวเองเป็นอิ้ง
เจอป้ายอ่านอิ้งก่อนไทย ฟังเพลงไม่ออกหาแบบที่มีเนื้อเพลงเลยค่ะ
4.อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร
....... อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับพวกที่จบนอกมา พวกที่ไปซัมเมอร์เมืองนอกมา พวกที่เรียน EP มา พวกที่พ่อแม่ให้ลงเรียนพิเศษภาษา พวกที่ชอบอิ้งมาตั้งแต่เด็กๆ หรือตั้งใจเรียนอิ้งก่อนเรา
ประสบการณ์แต่ละคน ไม่เท่ากันค่ะ แต่ลองคิดดูสิคะคุณจะเท่ เจ๋งแค่ไหน
ที่ไม่เคยไปเมืองนอก ไม่เคยลงเรียนพิเศษภาษาอังกฤษที่ไหน แต่คุณคุยกับฝรั่งได้ พูดได้ เก่งได้ด้วยตัวคุณเอง!!!
มีหลายคนทำได้แล้วค่ะ อย่างน้อยก็ฉันคนนึง แล้วทำไมคุณจะทำไม่ได้

ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ก็ถือว่าคุณมีความตั้งใจมากๆจริงๆแล้วล่ะค่ะ เพราะมันยาวมากกกกกกก
อันนี้เป็นลิ้งที่เป็นแรงบันดาลใจแรก สู้ๆนะคะทุกคน!
http://www.dailyenglish.in.th/wp-content/uploads/%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99-3-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99.pdf

.......สุดท้าย ท้ายสุดจริงๆ  เห็นน้องนักเรียนหลายคนต้องการอยากพุดภาษาอังกฤษได้เพื่อหาแฟนต่างชาติ
ตัวเราไม่คิดว่าเป็นความคิดที่ดีนะคะ แต่ถ้าตั้งใจเพื่อเพิ่มโอกาสในการพบเจอคนดีๆกว้างขึ้น นอกจากคนชาติเดียวกัน ถือว่าเป็นความคิดที่ดีค่ะ
แต่หากเป็นน้องๆนักเรียนควรตั้งใจเพื่อการศึกษาและอาชีพที่ดีดีกว่านะคะ ยิ้ม
เพราะแฟนต่างชาติที่คบอยู่เราคบกันเพราะมีทัศนคติตรงกันเรื่องธุรกิจค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่