Empathy Skill และระดับความเห็นอกเห็นใจ (ทักษะที่เราควรมี ทำให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น)



ประเทศเราส่วนใหญ่ มักจะชินกับคำที่ว่า "สงสาร" (Sympathy) ซึ่งเป็นการมองและตัดสินสิ่งต่างๆ ผ่านอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของตัวเราเอง หรือพูดเชิงเปรียบเปยให้เห็นถึงสิ่งที่แย่กว่าผ่านความนึกคิดของตนเพื่อทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี้มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น

ยกตัวอย่างเช่น หากเพื่อนกำลังนั่งเสียใจร้องไห้อยู่เนื่องจากเขาสอบตกในวิชาคณิตศาสตร์ ก็พูดปลอบใจว่า “ยังดีนะ อย่างน้อยก็ไม่ได้สอบตกไปหมดทุกวิชานะ” จะเห็นได้ว่าผู้พูดจะไม่ได้พยายามทำความเข้าใจความรู้สึกและมีอารมณ์ร่วมไปเพื่อน เพียงแค่อยากให้เพื่อนหายเศร้าเฉยๆ

ซึ่งในปัจจุบันได้มีการพูดถึงเรื่อง "ความเห็นอกเห็นใจ" (Empathy) กันมากขึ้น เนื่องจากเป็นการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นการนึกถึงความรู้สึกของผู้อื่น และพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น

ยกตัวอย่างเช่น คนที่แสดงออกด้วยการมี Empathy จะเข้าไปถามบุคคลที่เกี่ยวข้องว่า “ตอนนี้รู้สึกอย่างไร” “รู้สึกอย่างนี้เพราะอะไร” แล้วพยายามทำความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคน ๆ นั้น โดยไม่เอาตัวเองไปตัดสิน และสามารถมองอารมณ์และความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างเป็นกลาง แล้วพยายามช่วยหาวิธีแก้ไขต้นเหตุของความเสียใจนี้

Empathy เป็นความสามารถที่สำคัญต่อทุกบริบทในการดำเนินชีวิตของบุคคลในทุกช่วงวัย
เด็กที่สามารถรู้และเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกผู้อื่นย่อมเรียนรู้ที่จะสร้างสัมพันธภาพที่ดีทางสังคมกับเพื่อนและคนรอบข้างได้
ในขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่ที่มีความเข้าอกเข้าใจกันก็จะสามารถควบคุมอารมณ์ ทำงานเป็นทีม มีการแสดงออกทางอารมณ์และมีการตอบสนองต่อผู้คนรอบข้างได้อย่างเหมาะสมเช่นกัน
 
โดย Empathy สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
1 - การรับรู้และมองออกว่าผู้อื่นกำลังรู้สึกอย่างไร หรือ Cognitive empathy
2 - การรู้สึกเหมือนกับที่ผู้อื่นรู้สึก หรือ Emotional / Affective empathy
3 - ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและปรารถนาดีต่อผู้อื่น หรือ Compassionate empathy

การฝึกมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น:

หนึ่งในลักษณะนิสัยของคนที่มีความเห็นอกใจผู้อื่น คือ การมีน้ำใจ อยากช่วยเหลือ ซึ่งเราทุกคนสามารถที่จะพัฒนาให้มีนิสัยนี้ได้ เปรียบเทียบง่ายๆ เช่น ถ้าเราอยากพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง หรือคิดเลขเก่ง ก็ต้องฝึกฝนด้วยการฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษบ่อยๆ หรือฝึกทำโจทย์เลขบ่อยๆ หากอยากเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีน้ำใจต่อผู้อื่น ก็เริ่มจากการทำความเข้าใจคนรอบข้างก่อน เพราะอะไรเขาจึงพูดแบบนั้น เพราะอะไรแม่ต้องบ่น เพราะอะไรครูจึงให้การบ้านเยอะ เพราะอะไรเพื่อนไม่พูดกับเราตรงๆ

การตั้งคำถามเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จะช่วยให้พัฒนาความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้มากขึ้น และเมื่อเข้าใจคนรอบข้าง เราจะไม่พอใจ เสียใจ โกรธ หรือมีความรู้สึกด้านลบกับคนๆ นั้นน้อยลง เมื่อความรู้สึกด้านลบน้อยลง ความสุขของเราก็จะเพิ่มขึ้น

“เวลาที่เราสนใจตนเองโลกของเราจะแคบลง แต่เมื่อใดที่เราสนใจผู้อื่นโลกของเราจะขยายกว้างขึ้น”

สิ่งนี้นอกจากจะช่วยให้คนอื่นได้รับประโยชน์จากการช่วยเหลือของเราแล้ว เราเองก็ได้รับกับความรู้สึกเป็นสุขใจ รู้สึกถึงคุณค่าของตัวเราที่มีต่อคนอื่น และสิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ช่วยให้เราเข้าใจคนอื่น เปิดโอกาสให้ตัวเองก้าวออกจากพื้นที่ที่เคยชิน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆได้ มีความห่วงใย ความเมตตา รู้จักเห็นอกเห็นใจ และลดช่องว่างของความไม่เข้าใจผู้อื่นลง การที่เรามีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้นจะทำให้ปัญหาต่างๆในสังคมลดลง ความสุขจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งต่อตัวเราและผู้อื่นครับ

Reference

https://www.brainfit.co.th/th/blog-th/empathy-vs-sympathy-%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B5

https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/online-empathy/

https://www.yuvabadhanafoundation.org/th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%9B/empathy-mental-health/

หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านนะครับ

พาพันชอบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่